โคลงสี่สุภาพ ............ เจียระไนก่องแก้ว............เก็จสยาม ปลุกเปล่งระเบงนาม......................นทฟ้า สยามศิลป์บ่มลายคราม..................ขจรรุ่ง เรืองแฮ เกียรติศักดิ์รัตน์ท้า........................ทบท้นอวสานฯ ............นพรัตน์แก่นเก้า................เกลียวทอง ค่ามั่นควรครรลอง...........................รากเหง้า อธิจิตลุปอง......................................พบเพชร กุศลนา นำเหนี่ยวภพอะคร้าว......................รัดร้อยส่งสวรรค์ฯ ..............เจียระไนแว่นแคว้น..........นาคร ยกย่องรัตน์บวร................................เก็จเก้า ยอยศเพชรอาภรณ์.......................... พู่แต่ง ชนแฮ ประดับเกียรติโคตรเหง้า...................เร่งเร้าชัยฉลองฯ กาพย์ยานี ๑๑ .......... เจียระไนสยาม.....................สมบัติงามรัตน์บุรี ก่อเกียรติโคตรราศี..........................อัญมณีวิจิตรา .......... ประกายเพชรไพฑูรย์............ทิพย์จำรูญจรัสตา เกียรติศักดิ์จักอยู่ท้า..........................ตราบสิ้นโลกนิรันดร์กาล .......... เจียระไนไขธาตุต้น...............รัตนะลนบนเพลิงพาล ห่อนเหี้ยนเพียรล้างผลาญ.................แกร่งตำนานเพชรมาณพ .............เจียระไนเนาวรัตน์.............ค่าพิพัฒน์แดนสงบ สยามพิรามรพ...................................ชั่วสยบทิพย์อาภรณ์ .............ประดับเกียรติบุปผา.............ระดาษฟ้าประภัสสร เหง้าเพชรเก็จบวร............................เลื่อมรอนรอนฉลองชัย กลอนสุภาพ เจียระไนธาตุแผ่นดินศิลปะ อารยะโบราณผ่านสมัย สารัตถะประโยชน์โคตรเหง้าไทย ก่อกำเนิดวันวัยอารยชน สืบจากศูนย์เป็นหนึ่งถึงล้านแปด ตากธาตุแดดจันทร์ดาวหนาวธาตุฝน บ่มวิญญาณแผ่นดินวิญญูสกนธ์ ดอกผลอารยธรรมล้ำถิ่นทอง บรรพชนใจเพชรจิตเด็ดเดี่ยว เข้าขับเคี่ยวศึกรบศพสยอง สุโขทัยอโยธยาเลือดตานอง พลีปกป้องกรุงศรีมิแหลกลาญ สีแดงดาษลิ่มเลือดปู่เชือดหลั่ง ไหลลงคั่งปฐวีศรีวิศาล เชือดด้วยดาบศัตรูผู้รุกราน บ่มไฟกาลแปรทัศน์สู่รัตมณี มรกตเขียวใบไม้พรายกิ่งทอง คือครรลองพืชป่าพนาสี แก้วมรกตปฏิมาวิลาสินี คู่ปฐพีปัจเจกเอกอาราม เมื่ออรุณเรืองรองส่องเจิมหล้า ทอทิวนารวงทองครองสยาม สุกสีเหลืองธัญชาติดื่นดาษนาม ดั่งพลอยงามบุษราคัมร่ำมนต์รัก สยามภูมิภาคจากเหนือใต้ ถักทอสายสัมพันธ์อัศจรรย์นัก แดงโกเมทเดชไมตรีศรีจำหลัก เอกลักษณ์จตุรทิศสถิตเดียว อันดามันหมอกนทีคลี่เสน่ห์ ฝากจุมพิตทะเลสีครามเขียว ห่มอ้อมหาดทรายทองละอองเพรียว ครวญคลื่นเกรียวเกาะแก่งแหล่งมุกดา อาบผืนน้ำพลบนั้นวัยวันสิ้น รอนระรินสายัณห์ย่ำเคหา ก่ำเพทายสลายแสงสนธยา นวลนิศาสลัวจรโรยอ้อนรับ แว่วหนึ่งนั้นยินเสียงจำเรียงมนต์ เวิ้งมณฑลหีนยานวิหารหับ เทียนทอส่องพักตร์พุทธวิสุทธิ์วับ สะท้อนจับพัสตร์สงฆ์รงค์ไพฑูรย์ ใต้ร่มฉัตรนพแสงแห่งสยาม ราชนามวงศ์มณีตรีแสงสูรย์ ปลั่งชูเกียรติเผ่าไทยไท้จำรูญ ลบอาดูรนิลดำระกำกา เนาวรัตน์เลอค่ารัตนชาติ ใช่เกลื่อนกลาดเก็บได้กลางทรายผา แท้หัวใจแผ่นดินศิลป์เวลา เฉกสมบัติเลอฟ้าอารยธรรม เจียระไนเพชรอนันต์ศันสนีย์ ลบราคีฝูงชนปนสัตว์ส่ำ ร่ายกวีคล้องคลอพ้อลำนำ เพื่อตอกย้ำปึกชาติอย่าขลาดเกรง มิกลัวมารช่วงชิงไปทิ้งเหยียบ ทุรชนฤาอาจเทียบมาข่มเหง เว้นหน่อเชื้อฆ่าฟันหั่นชาติเอง จักเร้าเร่งหายนะมาครองเมือง -------------------------- นพรัตน์ คือ แก้วเก้าประการจากธรรมชาติที่มนุษยชาติยกย่องแย่งชิง เพชร ทับทิม มรกต บุษราคัม เพทาย ไพฑูรย์ มุกดา โกเมท นิล สยามนพรัตน์ ดินแดนผองเราจึงอุปมาเหมือนสิ่งล้ำค่าหาได้ยากยิ่ง จากบรรพชน สงคราม ทรัพยากรธรรมชาติ สู่อารยธรรมร่วมสมัย.. มีความเด็ดดวงอ่อนหวานและอ่อนโยนอยู่ในจิตวิญญาณ ทั้งปวงนี้คืออัญมณีสยาม คือ นพรัตน์แห่งแดนแหลมทอง ที่ชนชาติตะวันตกตะลึงและยกย่องในความเป็นเอเชีย ในมุมมืดสยามวันนี้ เรามิกลัวทุรชนผองอื่นใดมาเหยียบย่ำทำลาย หากแต่กลัวเชื้อชาติทลายด้วยน้ำมือไทยด้วยกันเอง เขียนบทกวีแทนใจพี่น้องไทยทั้งหลายผู้โศกเศร้า อาดูร จากการกระทำของผู้อกตัญญูแผ่นดิน จุดไฟบรรลัยกัลป์ อารยชนคนดีต้องพลีวิญญาณปกป้อง
18 พฤษภาคม 2548 14:35 น. - comment id 468829
คุณ ลำน้ำน่าน ค่ะ คือแผ่นดินแห่งอัญมณี คือแก้วกวีแห่งศรีสมัย คืออาภรณ์แห่งโชคชัย คือหัวใจแห่งอารยธรรม.... ช่อชงโค .................... รัก แผ่นดินเจียระไนที่ชื่อไทย เสมอค่ะ
18 พฤษภาคม 2548 14:51 น. - comment id 468833
งามจริงงามยิ่งรัตนชาติ ลำน้ำน่านเธอเขียนได้เด็ดขาดยิ่ง งามล้ำเลอค่างานงามคู่อญุ่แผ่นดิน งามศิลป์บทกวีที่เขียนบรรยายนี้ชั่งแสนงาม ยกย่องและชื่นชมในการเขียนของลำน้ำน่านเสมอ........นานๆลำน้ำน่านจะมาสักครั้ง......แต่ผลงานที่นำมาฝากให้อ่านกันนั้น......งามสมกับการรอคอยเลยค่ะลำน้ำน่าน.....ชื่นชมจากใจค่ะ...
18 พฤษภาคม 2548 15:09 น. - comment id 468841
อัญมณีศรีสยามนามไทยแลนด์ เขตทั่วแคว้นเมืองแมนดินแดนสรวง ช่วยกันรักษ์ดูแลและแหนหวง อย่าได้ถ่วงหน่วงแผ่นดินถิ่นเกิดกาย
18 พฤษภาคม 2548 15:25 น. - comment id 468852
เพื่อนเรางามยิ่งด้วยบทกวีอันแพรวพราวราวกับกับเทพมาลิขิตจารอักษร ฝากไว้ในผืนแผ่นดินไทยเพื่ออนุชนรุ่นหลังสืบต่อไป แก้วประเสริฐ.
18 พฤษภาคม 2548 16:20 น. - comment id 468854
คุณช่อคงโคครับขอบคุณที่เข้ามาให้กำลังใจกันเยี่ยงมิตรผู้อาทรครับ อัญมณีมีอยู่คู่ชีวิต งามไพสิฐเจียระไนได้ดั่งหวัง เพียงน้อมใจรับฟังธรรมประดัง อาจผุดปลั่งพร่างพื้นคืนค่าเมือง แก้วนีดาครับ มิอาจเป็นแก้วมณีศรีมากค่า เป็นเพียงนกเพียงกาถลาไหว สุขอยู่ในรสพระธรรมละมุนละไม ธรรมชาติเจียระไนเพชรในคน พี่รัญ funrun หายหน้าหายตาไปนานมากครับ ไว้จักกลับไปเยี่ยมที่บ้าน แกงฝีมืออีกครับ
18 พฤษภาคม 2548 16:01 น. - comment id 468857
งดงามมากครับท่าน..นับถือ..แนวนี้คงต้องใช้เวลาศึกษาอีกนาน..ถ้าเป็นแบบลูกทุ่งพอไหวครับ.. **แวะมาอ่านผ่านมาทักทายครับ..
18 พฤษภาคม 2548 16:16 น. - comment id 468862
แก้วประเสริฐ ขอบคุณครับ แต่แทบตกเก้าอี้ครับ เทพลงมาจารอักษรไว้ มิกล้าครับเพื่อนแก้ว นานๆ จะได้เข้ามาสักที ก็คิดถึงมิ่งมิตรเสมอมารับ
18 พฤษภาคม 2548 16:17 น. - comment id 468864
บินเดี่ยวหมื่นลี้ ขอบคุณครับที่แวะเข้ามา จริงๆ แล้วคำไม่อลังการหรอกครับ พื้นๆ แต่ว่าใช้บ่อยๆ จนรู้สึกว่ามันง่ายๆ ผมก็ชอบลูกทุ่งมากครับ แหวกแนวเขียนแนวนี้ ปกติเขียนลูกทุ่งครับ
18 พฤษภาคม 2548 16:45 น. - comment id 468872
งดงาม บทกวีเลิศฟ้า ค่าควรเมือง
18 พฤษภาคม 2548 17:54 น. - comment id 468893
เป็นผลงานที่เปล่งประกายใสงามประดุจนพรัตน์จริง ๆ ทั้งถ้อยคำที่ใช้ก็วิลิศมาหรา แม้นานนานมาทีก็พอดีเป็นช่วงจังหวะที่คิดถึงพอดีครับ
18 พฤษภาคม 2548 19:21 น. - comment id 468912
..เรน.. คิดถึง ..พี่นิวด้วยดิคะ .. ซาแว้ปป..
18 พฤษภาคม 2548 19:57 น. - comment id 468923
เยี่ยมครับ...เปรียบได้ดีมากครับ..
18 พฤษภาคม 2548 20:06 น. - comment id 468929
ผลงานอันยอดเยี่ยม.. **แวะมาเยี่ยมจ้า*** คิดถึงนะจ่ะ..
18 พฤษภาคม 2548 21:11 น. - comment id 468956
สวยงามตามความคิดและจิตใจ สวยล้ำสัมผัสได้ในภาษา สื่อสารถึงอัญมณีมีราคา คู่แผ่นดินคู่ฟ้าของพวกเรา สวยงามมากค่ะ เห็นถึงความตั้งใจ และความมุ่งมั่นในเนื้อหา มาชื่นชมค่ะ
18 พฤษภาคม 2548 21:14 น. - comment id 468961
สวยงามเหลือเกิน.. มิใช่ยกย่อง แต่คือจากใจ.. สวัสดีค่ะ
18 พฤษภาคม 2548 21:23 น. - comment id 468969
ลำน้ำน่านร่ายยาวจากโคลง - ตลาด ด้วยลีลาอันงดงาม จนอิ่มเอม ด้วยความขอบคุณ.......
18 พฤษภาคม 2548 23:00 น. - comment id 468984
ขอยกย่องกวีบทนี้ ให้เป็น อัญยมณ๊ อีกหนึ่งเม็ด ของ thaipoem ละกันครับ เพราะแต่งได้งดงามมาก อ่านแล้วรู้สึกคล้อยตาม นี่ไม่ใช่การยอน่ะคับ แต่ออกมาจากใจจริง ขอฝากตัวเป็นศิษย์สักคนได้ป่ะคับ ท่านอาจารย์
19 พฤษภาคม 2548 01:50 น. - comment id 469009
อัญมณีแห่งแผ่นดิน :]
19 พฤษภาคม 2548 09:47 น. - comment id 469102
สื่อความคิดด้วยแก้วเก้าสวยได้ดีน่าอ่าน แวะมาอ่านยามว่างครับ....
19 พฤษภาคม 2548 10:07 น. - comment id 469112
ขอบคุณครับมิ่งมิตรทุกๆ ดวงใจ วิจิตรวาทะลักษณ์ จริงๆ แล้วผมไม่อาจเป็นอาจารย์ใครได้ครับเพราะว่าตัวเองนั้นยังไม่สามารถพอครับ การเขียนบทกลอนที่ผ่านๆ มานั้นเขียนโดยเอาจิตวิญญาณภายในเป็นที่ตั้ง มิได้เน้นฉันทลักษณ์อย่างยิ่งยวด แต่ก็ยินดีหากจะแลกเปลี่ยนทัศนคติในด้านนี้กันครับ ขอบคุณมากครับที่ให้เกียรติผมครับ
19 พฤษภาคม 2548 10:35 น. - comment id 469124
ชื่นชมผลงานนะคะ
19 พฤษภาคม 2548 13:04 น. - comment id 469197
สวัสดีค่ะ คุณลำน้ำน่าน เหมือนนานๆ เราจะได้เจอกัน แต่ทุกครั้ง ก็เหมือนได้อิ่มเอมกับอักษรที่มีวิญญาณอยู่เต็มเปี่ยม ชื่นชมเสมอค่ะ ....................................................................................................... ลี่...ผู้มาเยือน .