เมื่อน้ำหนาวรินร่ำธัญเขต สู่มณฑลประเทศเกษตรศานต์ หยาดลงเติมห้วยหนองครรลองธาร ณ หมู่บ้านสาลีวารีนิรันดร์ เราหลับใหลในอ้อมแขนแห่งทุ่งข้าว ในค่ำยาวภวังค์แห่งวังฝัน อยู่ท่ามกลางไออุ่นละมุนพรรณ ของเลื่อมพรายรวงธัญขวัญชีวา สุวรรณภูมิยามนี้มีความรัก ด้วยรวงหนักดอกดวงปวงบุปผา โอยเกสรอ่อนไหวลงไร่นา ธาตุธาดาขวัญข้าวชาวกวิน ตื่นมาเถิดฟ้าใกล้สางระวางทุ่ง ดอกไม้ป่าเริ่มจรุงกรุ่นถวิล ออกไปมุงานไถไพร่แผ่นดิน ธรณินสูงค่าภราดาเรา ข้าวพอเหลือเกลืออิ่มเราปริ่มแรง ได้เจือแบ่งน้ำใจยามใครเหงา นอกทุ่งนั่นม่านพรายเริ่มฉายเงา ของยามเช้าอโณทัยไพรสาลี นกละเมอเพ้อเบาเบาเฝ้าครวญคำ กลัวเมฆฝนครืนคร่ำมาพรำหนี จะลารวงลาฟ้าปลานที ไปเป็นฝนไพรีคนเมืองกรุง อุษาโยคหอมกลิ่นซิ่นผ้าฝ้าย หอมข้าวใหม่เม็ดพรายในหวดหุง จิบน้ำใจน้องพี่อุ่นกรุ่นน้ำปรุง ตราบขอบฟ้าทอรุ่งทุ่งยามนี้ นาฏกรรมรวงข้าวและสาวป่า อ้อนแสงทองอุษาผ้าทอสี เมื่อช่อข้าวคลี่รวงรับจับรุจี ดุจเรียวนิ้วนารีคลี่รวงรำ เพราะอ่อนน้อมถ่อมตนสกนธ์สงวน กลีบลำดวนนวลสาวพราวขนำ เมื่อไก่แก้วแจ้วเสียงเรียงลำนำ ทอดเสียงร่ำขานค่าพรหมจารี นั่นรวงข้าวประณตน้อมค้อมจูบดิน ใยผู้คนธานินทร์หมิ่นศักดิ์ศรี บรรพบุรุษเราเคารพธรณี ธริษตรีจึงเอื้อเหง้าคงเผ่าพันธุ์ แม่ศรีเรือนรวงลออข้าวรอยุ้ง เพราะหมายมุ่งนึ่งเหนียวมาเกี่ยวขวัญ ให้หอมงามเจิมเช้าข้าวไพรวัลย์ ถวายสงฆ์อภินันท์ปางวันพระ นาฏกรรมรวงข้าวสาวแรกรุ่น ดั่งบัวบุญกรุ่นแก้มแย้มกลางสระ รมณีงามภายในใจธรรมะ สืบตำนานอมตะกุลสตรี น้ำหนาวร่วงรวงข้าวยิ่งหนาวสั่น รอคืนวันเคียวเกี่ยวเรียวรวงศรี เมื่อข้าวสุกเหลืองทองคล้องไมตรี นาฏกรรมวันรวีจึ่งมีมนตร์ ----------------------------------- ในยามที่ต้นข้าวออกรวงเขียวเลื่อมพรรณรายห่มทุ่ง เม็ดข้าวเต่งตึงพาให้ปลายรวงโน้มหน่วงลงสู่ดิน สื่อนัยแห่งความอ่อนน้อมถ่อนตน คารวะพระแม่ธรณี เป็นฉากภาพที่อบอุ่น และงดงามในยามต้องแสงเงินแสงทอง ในยามที่อรุณเช้าทอแสงลงสู่ไร่เกษตรสาลี พลิ้วไสวอยู่ในตำบลท้องทุ่ง เรียบง่าย สามัคคี และสันโดษ หลายศตวรรษแล้วที่รวงข้าวออกรวงเลี้ยงชาวโลก นับตั้งแต่ชาวนาในประเทศญี่ปุ่นค้นพบ *แมกโนเลีย พืชในตระกูลข้าว ที่เป็นบรรพบุรุษแห่งข้าวมาจนบัดนี้ ข้าพเจ้าประหวัดไปถึงสาวบ้านทุ่ง ที่มีความงดงามตามธรรมชาติ เป็นยอดศรีเรือนที่ควรคู่ สมสมัยในอดีต... ข้าวเพิ่งออกรวงดั่งนวลเนื้อเพิ่งแตกสาว ฉันใดก็ฉันนั้น ทุกๆ ฉากภาพแห่งวงจรชีวิตต้นข้าว จึงกลายเป็นสิ่งที่ประทับใจ เป็นนาฏกรรมที่มีมนตร์และงดงาม อยู่ในจิตวิญญาญชาวนา เป็นประสบการณ์เฉพาะที่ยากเกินอธิบายได้ เป็นอนันตคุณค่าที่เราควรถนอมไว้นิรันดร์ ก่อนที่สยามประเทศจะไม่มีทุ่งข้าวอีกต่อไป เทพธิดาผ้าซิ่น ว่างจากงานหว่านไถจะร้อยมาลัยใบข้าว ห้อยคอสาวจำปา เจ้าเป็นเทพธิดา ของบ้านนาบ้านทุ่งนุ่งผ้าถุงไทยเดิม หน้าสวยด้วยแดดแรงแก้มแดงไม่แต่งเติม เจ้าไม่เคยเห่อเหิมเติมต่อดินสอพอง ช่างขยันการเรือน มิแชเชือนหน้าที่สิ่งที่ดีที่ควร เฝ้าถนอมออมอวล หอมหวลอวลลมทุ่ง หนุ่มก็มุ่งหมายปอง ค่ำลงก็เข้าเรือน ฟังแม่เตือนให้ไตร่ตรอง หากมีชายหมายปองระวังเจอของเหลือเดน แม่ดอกบัวที่อยู่ในสระ จะบานคอยพระ หรือบานคอยเณร ถ้าบาน คอยพี่ ไว้พรุ่งนี้ตอนเพล คอยได้ไหมคนดี พ่อเคยพูดหลายที คิดจะมีแม่บ้านเชื่อโบราณ ดีแล หากเลือกวัว ดูหางแม้นเลือกนางดูแม่ นั่นแหละแน่เข้าที บ้านเรือนสะอาดตา พูดจาเสนาะดี ตำน้ำพริกทุกที เสียงตำถี่ จนทุ่งสะเทือน
2 เมษายน 2548 01:46 น. - comment id 447979
รวงทองเคียวเกี่ยวซ้ำ ดุจจะย้ำแรงชาวนา กว่าข้าวผ่านจานมา หนักเหนื่อยหนาต้องเทแรง แผ่นหลังแสงแดดต้อง สายตาจ้องรวงข้าวแข่ง สองเท้าก้าวตามแรง ดุจภาพแจ้งแห่งท้องนา .................... เข้ามาชมกลอนค่ะ อ่านแล้วคิดถึงบ้าน ท้องนา พ่อแม่เป็นชาวนาค่ะ ตัวดิฉันเองก็เคยทำนา เติบโตมากับท้องนา จากมาก็ยังคิดถึงกลิ่นอายของท้องทุ่งอยู่ไม่เคยลืม
2 เมษายน 2548 06:18 น. - comment id 447994
คนไม่รู้ชะตาข้าวมือชาวนา มากคุณค่าน้ำตาใครน้ำใจถวิล คนไม่รู้ไถหว่านเลือดพล่านดิน ใครเก็บกินสิ้นแล้ว...แผ่วชาวนา
2 เมษายน 2548 14:14 น. - comment id 448108
++ ข้าวคอยเรียม..คืนคอน.. ++ แวะมาอ่านงานงามจ้า..
2 เมษายน 2548 16:14 น. - comment id 448151
เมื่อน้ำตานางฟ้ารินร่ำจากแดนสรวง ดอมดินนวลแดนทองดับร้อนแล้ง ระรินพรายฝากสายน้ำนิรันดร์ดับโลกแล้ง ณ..ตำบลแห่งเทพีข้าวเคล้าบึงรัก.. เรานิทราฝันกับฟ้าทองทาบทุ่งข้าว วะวับวาวกับดาวสรวงน้ำผึ้งภักดิ์ เกสรบัวสล้างกลางกอรัก ซึ้งสลักฝากหอมงามนามวิมานนา.. พสุธาพุทธภูมิยามนี้มิสิ้นรัก รวงเรียวหนักค้อมจุมพิตฝากผืนหล้า โรยเกสรอ้อนพระแม่โพสพคืนกลับนา เป็นขวัญกล้าเกี่ยวรักร้อยพร้อยจูบดิน ... เราตื่นมากับแสงทองแห่งงามทุ่ง กับเรียวรุ้งยามอุษาน่าถวิล ดอกไม้ป่าพราวระย้าหอมฝากดิน มิยอมสิ้นรอยไถแปรมิแพ้ใจ.. ข้าวจากเหงื่อนวลเนื้อสาวเฝ้าคอยหุง หวานจากยุ้งรวงรักหอมข้าวใหม่ ห่อใบตองด้วยมือน้องละเมียดละไม อรุโณทัยปลุกดวงใจใส่บาตรวาดฝันดี.... ดุเหว่าไพรร้องเพ้อแผ่วแว่วครวญคำ ราวปีศาจวสันต์พรำพรมมาพรากหนี จะพารวงลาทุยลานที ไปสิ้นฝันสิ้นศักดิ์ศรีในกรงกรุง... อุษาวดีคลี่หอมดอมกลิ่นเจ้า โมกหอมพราวเคล้ากลิ่นนวลในผ้าถุง ข้าวหอมหอมอวลกลิ่นร่ำน้ำอบน้ำปรุง ตราบฟ้ารุ่งหลงกลิ่นซิ่นมิสิ้นรัก ... ลีลาวดีคลี่หอมริมกระท่อมป่า รวงลีลาให้ซ่านซึ้งถึงความภักดิ์ ร่ายรัดรึงออดอ้อนอ้ายนอนหนุนตัก มหัศจรรย์รักราวช่อดอกข้าวเคล้าน้ำค้าง ดุจน้ำใจใสสะอาดหยาดสายหวาน ดั่งบัวบานคลี่กลีบแสนสล้าง ดั่งข้าวใหม่ในนาน้อยคอยฝนพร่าง ดั่งเล็บมือนางกางฟ้อนอ้อนลมไพร เพราะ อ่อนหวานปานประหนึ่งหยาดน้ำผึ้ง กลีบรวงจึงหอมพร่างน้ำค้างใส ทั้งนวลนอกนวลเนื้อนวลในใจ คือสาวไพรสาวนารู้ค่ารักพรหมจารี เปรียบงามรวงงามรักงามศักดิ์ศรีไสว กุลสตรีไทยใจดวงทองครองชีพนี้ ให้ชายเดียวในดวงใจด้วยภักดี แผ่นดินนี้จึงสมค่านามว่าไทย แม่ยอดรักยอดขวัญสวรรค์นา คู่เคียงบ่าเคียงไพรไม่พรากไหน หลังสู้ฟ้าใส่งอบนางามบาดใจ แก้มแดงใสด้วยเลือดรักแสนภักดี ลีลาสาวไพรไสวหวานบานแต้มโลก หอมซึ้งโศกหวานกว่าหวานในจิตพี่ ฝากสอนโลกสอนรักสอนความดี เป็นนารี*หนึ่งในร้อย*พร้อยแพรวพราว วสันต์สรวงรวงข้าวรอมิท้อฝัน เหมือนรอจันทร์รอน้ำผึ้งใจอาบรวงศรี รอตะวันผันดวงมาทาบทุ่งทองนะคนดี ชั่วชีวีรักผืนนารักป่าไพร..ตราใจจำ..ตราบวันตาย...
2 เมษายน 2548 17:03 น. - comment id 448182
มาอ่านงาน.. ของลำน้ำน่าน... ชื่นชม.. ในงานที่เขียนด้วยเอกลักษณ์.. ของตนเอง... เยี่ยมยอดเลยค่ะ
2 เมษายน 2548 17:48 น. - comment id 448212
ชอบทุกกลอนที่เขียนมา เก็บไว้เยอะแล้วด้วย
2 เมษายน 2548 17:49 น. - comment id 448214
ชอบทุกกลอนที่เขียนมา เก็บไว้เยอะแล้วด้วย
2 เมษายน 2548 18:03 น. - comment id 448235
ติดตามอ่านงานคุณมานานมาก และคิดว่าคุณจะเป็นกวีซีไรท์ในอนาคต เอาใจช่วย
2 เมษายน 2548 18:54 น. - comment id 448270
สวัสดีครับมาชมงาน คุณค่า ครับ ผสมผสาน อุ่นไอท้องทุ่ง
2 เมษายน 2548 19:26 น. - comment id 448295
กลอนดีเหลือเกิน :)
2 เมษายน 2548 21:21 น. - comment id 448369
มาชมกลอนงามๆค่ะ แถมได้เพลงที่ชอบเป็นของแถมอีก ขอบคุณมากค่ะ
2 เมษายน 2548 21:28 น. - comment id 448375
ถูกใจทั้งบทกลอน ถูกใจทั้งความหมายที่สื่อ ถูกใจทั้งเพลงที่นำมาประกอบ
2 เมษายน 2548 21:59 น. - comment id 448397
ทุ่งข้าวสีทอง .. :)
3 เมษายน 2548 00:30 น. - comment id 448462
คุณลำน้ำน่าน ชอบทุ่งนา หรือครับ เพราะเห็นเขียนแนวนี้ ;) คงชอบธรรมชาติ เหมือนเดินไปตามท้องนา แล้วรำพึงกับตัวเอง ในขณะเดียวกันก็ได้ยินเสียงเพลงแว่วมาตามลมด้วยครับ นี่แหละคืออารมณ์ของงานนี้ (คิดเอาเองน่ะ)
3 เมษายน 2548 14:51 น. - comment id 448604
ได้ชื่นใจ...ชื่นกลิ่น จากบทกลอนคุณลำน้ำน่านเสมอค่ะ :)
4 เมษายน 2548 13:18 น. - comment id 449065
แอบมาอ่านจ๊ะ............งานงามๆของลำน้ำน่านค่ะ
8 เมษายน 2548 13:43 น. - comment id 450972
เป็นงานงดงามมากที่ใช้ชีวิตจิตวิญาณเข้าสรรค์สร้างผลจึงงามวิไลเช่นนี้นะครับ สมแล้วทีเป็นยอดกวีชายยุคนี้ แก้วประเสริฐ.