สนธยาม่านวิโยคทอโศกแสง มาทิ้งฝันเริงแรงแหล่งสมัย ธาตุวิหคผกจรสู่ขอนไพร รำไรแล้วลิ่วลอยทยอยเลือน เหนื่อยเหน็ดเหน็บหนาวจากเช้าตรู่ ยึดฤดูอันเปลี่ยนผันทุกวันเหมือน ดั่งฉากภาพนิมิตดลจิตเตือน ความแชเชือนแห่งเวลาหาฤาพบ ล่วงไป..ล่วงไปในสกลจักรวาล ปิดตำนานเมืองยุ่งมุ่งสงบ เมื่อตะวันยอแสงแหล่งพิภพ คือจุดจบธาตุฝันอันวิเมลือง ดับลงแล้วรังสีอันวิภาส น้ำค้างหยาดดิ่งดงตรงฟ้าเหลือง นกชุมรังสั่งลาฟ้ารองเรือง รอฟันเฟืองล้อสุรีย์คลี่คืนมา กระท่อมเงียบโดดเดี่ยวในเปลี่ยวไพร ขออาศัยค้างแรมรอ..ลอออุษา สดับเสียงครวญคู่สกุณา กล่อมนิทราม่อนเขาวังเถาวัลย์ เมื่อน้ำค้างพรมหล้าดาราชื่น ตื่นเถิดตื่นจิตมนุษย์หยุดใฝ่ฝัน แสวงหาความหมายใดให้ชาติพันธุ์ เพียงกำนัลสกนธ์จนเหนื่อยแรง น้ำหนาวร่วงตกผลึกยามดึกดิ่ง มโนจริงยิ่งสล้างสว่างแสง เพลงสันโดษโลดลิ่วพลิ้วแสดง หยาดลงแข่งแสงดาวอนัตตา ขอละเมอเพ้อพร่ำกลางค่ำไพร สูดกลิ่นไอเสรีภาพปรารถนา ยามเสียงฝนร่วงเผาะเคาะหลังคา พรมวิญญาญ์ไหวไหวในใจนั้น กระท่อมไพรค่อนรุ่งกลางมุ้งหมอก กลางอ้อมกอดวิญญาณวิมานสวรรค์ โอยวิเวกภาวนาป่าไกวัล สู่สามัญพุทธสงฆ์ธุดงควัตร เมื่อผ้าเหลืองต้องแสงเช้าจากราวฟ้า ชโลมหล้าหญ้าใบสงบสงัด แสงสีทองส่องสว่างทางวิวัฏ กาสาวพัตร์จึงอร่ามนิยามชีวิต อยู่งดงามเรียบง่ายจนบ่ายคล้อย อายุขัยล่วงลอยคอยเคลื่อนติด พัสถานโลกธรรมย้ำนิมิต ฤาลิขิตสุขใจให้สุขจริง รุ่งรางแล้วแก้ววิเศษนิเวศน์ป่า อาทิตย์ทองส่องหล้าอุษาผิง สุกสว่างกระท่อมทับห้องหับอิง ธรรมประวิงเร่งเร้าเฝ้าตริตรอง นิศาชลจุมพิตจิตประพุทธ บริสุทธิ์แผ่วเบาไร้เศร้าหมอง เพลงดุเหว่าขานกล่อมกระท่อมทอง สุขครรลองชโลมหล้าป่านิพพาน --------------------------------- ดาราจักรวาลหมุนเวียนอยู่ไม่รู้เว้นว่าง การเดินทางของใจที่เที่ยงแท้แห่งพุทธสาวก ยังคงดำเนิน ณ กระท่อมสันโดษกลางป่าเขาลำเนาสวรรค์ กระท่อมน้อยได้อาทรนักเดินป่า ให้ค้างแรมมานานปี เรียบง่าย งดงาม โดดเดี่ยวอยู่ท่ามกลางพฤกษาลดาชาติ ข้าพเจ้าชอบกระท่อมหลังคามุงจาก หรือหญ้าคาในยามวสันตฤดู หยาดฝนหล่นร่วงมากระทบหลังคานั้น ราวดนตรีสายฝนที่พริ้งเพราะให้อารมณ์ที่สงบ ฟากไม้ไผ่อีกเล่าถึงไม่อ่อนนุ่มเหมือนฟูก หากแต่เย็นเยียบ ด้วยลมแรงแฝงเร้นลัดเลาะ ขึ้นมาให้ร้อนคลายได้ ด้วยประสบการณ์อรุณรุ่ง ณ กระท่อมแสงทองนั้นฝังใจ ในยามที่แสงเงินแสงทองส่องหล้า หมู่มวลสกุณาเริ่มโผผิน ภิกษุธุดงค์ออกจากกระท่อมวนา แสงธรรมฉ่ำหล้าในวินาทีนั้น มนุษย์ที่แท้หนีธรรมชาติไม่พ้น บ้านใหญ่อลังการณ์ไม่บ่ง ความสุขสงบทุกครั้งไป ความสุขที่แท้อยู่ที่การพอเพียงและเข้าใจวิถีชีวิต อ่อนน้อมต่อธรรมชาติรายรอบตัว ดุจดั่งกระท่อมแรมทางที่สันโดษ เรียบง่าย รอการมาเยือนของนักเดินป่า ผู้เดินทางไกลโหยหาธรรมชาติอยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน และบางคราวกระท่อมแสงทอง จะมีบุญได้เอื้ออาทรแด่ภิกษุสงฆ์ ผู้ธุดงค์รอนแรมแสวงหานิรพาน.. ลองหาเวลาว่างสักครั้งในชีวิตนิดหนึ่งนี้ ทอดชีวิตไปกับธรรมชาติ ป่าเขาลำเนาไม้ พักแรมกระท่อมต่ำต้อย วิเวก แต่สงบ ปราศจากโทรศัพท์มือถือและเทคโนโลยี เราอาจมองเห็นมิติที่ลึกล้ำ เป็นอนันตมิติที่ลุ่มลึก อาจก่อเกิดความสุขสงบอันเป็นนิรันดร์.......
30 มีนาคม 2548 00:12 น. - comment id 446496
มาอ่านก่อนเข้านอน .. ไม่ว่ากระท่อมไหน ๆ สุขใจที่เป็นบ้านเรา ค่ะ
30 มีนาคม 2548 09:10 น. - comment id 446540
เห็นภาพแล้วนึกถึงบ้านสวนที่เชียงรายเลยอ่ะท่าน... **แวะมาอ่าน ผ่านมาทักทายครับผม...
30 มีนาคม 2548 11:33 น. - comment id 446622
คิดถึงชีวิตในวัยเยาว์ ที่ยังเขลาเพราะเราเด็ก ชอบดอกไม้ชายป่าดอกเล็กเล็ก เที่ยวเด็ดดมชมได้ไม่เบื่อเลย ตามมาอ่านงานเพราะๆของลำน้ำน่านค่ะ......มองเห็นกระท่องชายทุ่งเลยค่ะ........ชอบมองแต่ถ้าถามว่าให้ไปอยู่เอาไหม......ตอบว่าคงจะไม่ละค่ะ...เพราะว่า..ชีวิตของคนเรามันอยู่ในที่แตกต่างกัน......เติบโตมาให้สภาพที่แตกต่างกัน...เลยทำให้เราชินกับสภาพที่เราเป็นอยู่.....จะให้เปลี่ยนคงจะลำบากมากหน้าดูละค่ะ.....นี้ละคือความเป็นจริงของสัตจธรรมทางโลกค่ะลำน้ำน่าน......... ชอบมองดูกระท่อมน้อยที่ปลายนา ชอบมองดูฝูงปลาที่แวกว่ายอยู่ในน้ำ ชอบมองดูดอกบัวบานกลางลำธารนำ ชอบที่จะมองดูธรรมชาติรอบรอบตัว
30 มีนาคม 2548 13:38 น. - comment id 446671
๐ม่านแสงทอง ทอทาม ตามชายทุ่ง แผ่วจรุงกลิ่น กำจาย มวลไม้หอม ลำนำแดด พะนอ ลออออม ตะวันยอม เร้นแฝง แรงรัศมี ๐ลับลิบลิ่ว ทิวป่า พนาโศก บรรณไหวโยก ยอกย้อน ซ่อนศักดิ์ศรี ลมพริ้วแผ่ว เฝื่อนหวาน จารวจี สูรย์สุรีย์ เฟือนฟาง ร้อนจางลา ๐สนธยา แนวไพร ในแนวเขา ถิ่นลำเนา สรวงสรร อันบุหงา กระท่อมเปลี่ยว จวนร้าง ฝางหญ้าคา สุดสายตา คือสายธรรม น้อมนำใจ ๐อุดมการณ์ เหนื่อยหอบ ตอบคำถาม ชัดเจนความ ชีพสิ้น แผ่นดินไหน ผืนแผ่วเดียว เทียวท้อ พอพิไล สูงสุดได้ สู่สามัญ อันนิยาม ฯ สวัสดีค่ะ คุณลำน้ำน่าน บางครั้งการได้สัมผัสกับธรรมชาติ มันก็ทำให้เราเข้าใจอะไรได้มากขึ้น
30 มีนาคม 2548 15:40 น. - comment id 446729
บ้านเราแสนสุขใจ.. ..
30 มีนาคม 2548 16:35 น. - comment id 446758
อยากไปแบบนั้นบ้าง แต่ก็กลัวเสียงจัง กลัวเสือ กลัวค่าง กลัวช้างป่า อีกทั้งกลัวคนที่บ้า ๆ จะจับฆ่าหมกป่าไพร นึกภาพแล้วอยากไปสัมผัสค่ะ แต่ก็กลัวนะคะ
30 มีนาคม 2548 19:51 น. - comment id 446867
เช้า ๆ คงได้ยินเสียงไก่ป่าขัน อากาศยามเช้าคงเย็น น้ำค้างกระทบยอดหญ้า คงได้หอมกลิ่นดิน พระอาทิตย์คงส่องแสงให้ความอบอุ่น คิดถึงบรรยากาศที่ได้อยู่ตามท้องทุ่งจัง
30 มีนาคม 2548 19:52 น. - comment id 446868
งดงาม เห็นภาพ ชวนปลีกวิเวก....ใฝ่ฝันไปสงบ ดังว่า แต่มรรคาช่างไกลแสนไกล ใจกายไม่สงบ ยังต้องดิ้นรนบนหนทางโลกย์ด้วยภาระหน้าที่ แต่ก็สุขใจ เมื่อเห็นและได้ยินคนสุขกับภาพที่คุณลำน้ำน่านสื่อออกมาอย่างวิเศษเหลือเกิน เคยผ่านไปเห็นไปรับบ้างเหมือนกัน สุขเช่นว่า แต่ว่าช่วงเวลาสั้นเหลือเกิน แต่ก็ทำให้หวนคำนึงถึงเสมอ........ธรรมชาติแห่งชีวิตแสนงาม
30 มีนาคม 2548 20:21 น. - comment id 446875
แวะมาชมธรรมชาติที่งดงาม ชอบมากบทกลอนที่เล่นคำตาย ได้ไพเราะมากครับ อ่านแล้วจิตใจพลอยสงบไปด้วย แต่ถ้าเป็นพี่ชัยคงจะลงตามแบบฉบับ อยู่ที่ไหนก็ได้ขอให้มียาใจอยู่ข้างครับ
31 มีนาคม 2548 15:08 น. - comment id 447232
กระท่อมปรุผุผังน่าชังนัก จะมารักกักตัวน่ากลัวเฉา กระท่อมแก่แย่ยับอย่าจับเอา จะจมเจ่าเผาหมดอย่าจดจำ จงหาสาวขาวคัดมาอัดเสพ ให้เหมือนเทพเทวาอุราฉ่ำ อย่ามัวมุดคุดคู้ไม่รู้ทำ เอาแต่ดำคลำเต่าคอยเฝ้าตม อย่ามัวหลงดงดอนเดี๋ยวอ่อนล้า จะสิ้นท่าหาสุขให้ทุกข์ถม จะเฉื่อยชามาปลุกไม่ลุกตรม ให้ขื่นขมนมเนยเจ้าเลยแล จงตรองตรึกนึกดูให้รู้ซึ้ง เข้าไม่ถึงดึงกลับก็ยับแย่ จะชวดชมสมทรวงแม่ดวงแด ว่าเก่าแก่เกินแกงพ่อแรงโรย..
31 มีนาคม 2548 15:13 น. - comment id 447233
งานงามมากครับ กระท่อมไพรวัลย์ กลั่นกรองละอองธรรม ทุกอณูหยาดรังษีแพรวพราวเสมอ แก้วประเสริฐ.
2 เมษายน 2548 15:35 น. - comment id 448142
มาชมกระท่อมแสงทองครับ ..
3 เมษายน 2548 15:19 น. - comment id 448610
กลับมา...ได้อ่านคุณลำน้ำน่าน...สบายใจดีจังค่ะ คิดถึงช่วงใกล้ค่ำ... .......................................................................