ใดใดล้วน...อนิจจัง

sun strom


คำมนุษย์ เป็นสัตว์ สุดประเสริฐ
ที่เลอเลิศ มากมี ด้วยสมอง
แสวงหา สิ่งดี มาทดลอง
เพื่อสนอง ตัณหา ว่าสุขจริง
ต้องการรัก โกรธเกลียด เบียดเบียนจิต
ใส่จริต โถมทับ เนิ่นนานยิ่ง
คอยสะสม  บ่มเลี้ยง ไปทุกสิ่ง
ห่างความจริง ของธรรม ไม่นำพา
สนองจิต สนองใจ ให้เร่าร้อน
ทั้งออดอ้อน เสียใจ ทั้งโหยหา
ทั้งตัดพ้อ หงุดหงิด ไปทุกครา
อยากจะสม น้ำหน้า มนุษย์เรา
ความต้องการ ช่างมาก unlimit
ต้องการสิทธิ์  เสรี ที่โง่เขลา
ทั้งนรก สวรรค์ ล้วนคิดเอา
คอยรุมเร้า กล่อมจิต คิดมากมาย
แท้แท้แล้ว เป็นเพียง คำกล่าวอ้าง
เป็นหนทาง ให้จิต คิดเสียหาย
ไร้วาระ ไร้ทิศทาง ห่างออกไป
เราจึงได้ เสพแต่สุข ที่ไม่จริง
จะหาสุข แท้แท้ คงยากยิ่ง
หากยังวิ่ง ตามใจ ไม่หยุดนิ่ง
ลองปล่อยวาง ให้ว่าง มองเรื่องจริง
ลดละทิ้ง ทุกอย่าง แล้วหันมอง
ยามเราเกิด ไร้สิ่ง ติดมาด้วย
ยามเราม้วย ย่อมไร้ ทุกสิ่งของ
ก็แค่นั้น ทั้งที่เรา เฝ้าจับจอง
ท้ายสุดต้อง ใดใดล้วน....อนิจจัง
				
comments powered by Disqus
  • )))**--ผลิใบสู่วัยกล้า--**(((

    23 มีนาคม 2548 07:22 น. - comment id 443118

    สงสัยจะต้องปลงก็งานนี้แหละ...อิอิ...........
    
    แวะมาเป็นกำลังใจให้นะครับ
    
    
  • ชัยชนะ

    23 มีนาคม 2548 08:19 น. - comment id 443132

    ยามเราเกิด ไร้สิ่ง ติดมาด้วย
    ยามเราม้วย ย่อมไร้ ทุกสิ่งของ
    
    ยามเราอยู่ ดูไร้ ไม่น่ามอง(หรือน่ามองกันแน่!)
    ไม่ทดลอง ไม่รู้ สู้ต่อไป
    
    ถ้าปลงปลดเปลื้องทำได้เป็นการดี
    แต่สำหรับพี่คงปลงเฉพาะบางเรื่องครับ
    
  • พายุ สุริยะ

    23 มีนาคม 2548 09:00 น. - comment id 443146

    ... สงสัยว่าคงตัดใจปล่อยวางทุกสิ่ง
        บวชชีที่วัดไหนบอกด้วยนะ  จะตามไปทำบุญ
        เป็นลูกศิษย์แม่ชี จะดีไหม ....
  • กอกก

    23 มีนาคม 2548 09:54 น. - comment id 443160

    ชีวิตคน ดลลิขิต กรรม บุญ ล้วน
    คิดถี่ถ้วน เดินเป็น เส้นวิถี
    สุข ทุกข์ พบ จบที่ทำ กรรม ชั่ว ดี
    ต่อแต่นี้ เลือกเดิน เลือกกระทำ..**
    
    ชีวิตมีบุญกรรมนำลิขิต
    เกิดเป็นมนุษย์ก็สามารถหาความสุขได้ตามอัตภาพนะคะ
    คิดถึง
    
    สวัสดีค่ะ
    
  • )))**--ผลิใบสู่วัยกล้า--**(((

    23 มีนาคม 2548 10:15 น. - comment id 443178

    สงสัยจะใกล้บรรลุแร๊ะ
    
    อิอิ..........
    
    แวะมาเป็นกำลังใจให้นะ
    
    
    
  • สมาชิก....ไทยโพเอ็ม

    23 มีนาคม 2548 10:38 น. - comment id 443188

    อ่านกลอนคุณแล้ว...ให้ข้อคิดตรง  การไม่ยึดติด
    ไม่ยึดมั่นถือมั่น....แต่ขอคอมเมนท์นิดนึงตรง
    
    ทั้งนรก สวรรค์ ล้วนคิดเอา
    คอยรุมเร้า กล่อมจิต คิดมากมาย
    แท้แท้แล้ว เป็นเพียง คำกล่าวอ้าง
    เป็นหนทาง ให้จิต คิดเสียหาย
    
    สวรรค์นรกจริงจริงไช่ว่าเราจะคิดเอา..มีอ้างอิง
    ในพระไตรปิฏกด้วยครับ...เรื่องสวรรค์นรกเนี่ย
    ไม่มีใครอ้างลอยๆหรอกครับ...  แล้วที่บอกว่า
    @เป็นหนทางให้จิตคิดเสียหาย@  จริงจริงจะ
    เชื่อในเรื่องนรกสวรรค์หรือบุญบาปบ้างก็ไม่น่า
    จะเสียหายครับ..การกลัวบาปมีผลให้เรากลัวในการกระทำชั่ว....ส่วนเรื่องสวรรค์ก็จูงใจให้คนทำความดี
                ซึ่งจริงจริง...เรื่องสวรรค์นรกจะมีอยู่หรือไม่    ถ้าเอาตัวเราเป็นเกณฑ์ก็อาจจะบอกว่าไม่
    มี เพราะพิสูจน์ไม่ได้   ที่พิสูจน์ไม่ได้เพราะความสามารถของเราไม่พร้อมไม่เข้าขั้นที่จะไปพิสูจน์ตรงนั้นได้ครับ...มันเป็นเรื่องปัจจัตตังที่รู้
    ได้เฉพาะตน  วิทยาศาสตร์จะไม่ปฏิเสธสิ่งที่เขา
    ยังไม่รู้จนกว่าเขาจะพิสูจน์ได้แน่ชัดว่าสิ่งนั้นมัน
    ไม่มีอยู่จริง  แต่ถ้าพิสูจน์ยังไม่ได้เขาจะยังไม่
    ปฏิเสธฯ ทุกวันนี้วิทยาศาสตร์กำลังหันมาสนใจ
    เรื่องจิตวิญญาณเพิ่มมากขึ้นที่เขาเรียกว่า  
    Quntam Mcanicครับ  มีการทำวิจัยเรื่องของคน
    ระลึกชาติได้อย่างในเอเชียเนี่ยไม่ต่ำกว่า6,000
    ราย
    .....คิดง่ายๆ  ครับ...ถ้าเราไม่เชื่อว่าชาติหน้ามี
    จริง.....ไม่สามารถเห็นได้ในขณะปัจจุบัน....ที่นี้
    ถามกลับว่า...แล้วพรุ่งนี้นะมีหรือเปล่า...
    คุณก็คงตอบว่า..มี...   
    แล้วอยู่ไหนล่ะวันพรุ่งนี้....เอามาให้ดูหน่อย
    ก็มันยังมาไม่ถึง...
    อ้าวก็ในเมื่อมันยังมาไม่ถึง...แล้วรู้ได้ไงว่ามี
    เถอะน่า...มีก็แล้วกัน
    ก็นั่นสิ...ทีชาติซึ่งยังมาไม่ถึงเหมือนกันคุณกับ 
                 ปฏิเสธว่าไม่มี....?
    
    อันนี้เป็นเพียงการยกตัวอย่างแสดงความคิด
    เห็นนะครับ......แต่ในเรื่องกลอนยอมรับเขียน
    ได้ดีสัมผัสงดงาม  เข้าถึงอารมย์ผู้อ่านและให้ข้อ
    คิดครับผม.....
    
    
  • ดอกข้าว

    23 มีนาคม 2548 11:59 น. - comment id 443215

    ...ผมคิดว่าการที่มนุษย์มีสมองไม่ได้หมายความว่ามนุษย์เป็นสัตว์ประเสริฐ
    
    มนุษย์มองสัตว์อื่นว่าโง่กว่าเพราะมนุษย์สามารถเอาชนะสัตว์เหล่านั้นได้..
    
    การชนะเขามนุษย์ทำให้มนุษย์คิดว่าตัวเองฉลาดที่สุดแล้วนั้น
    
    ผมคิดว่ามนุษย์กว่ามนุษย์เสียอีก...
  • ดอกข้าว

    23 มีนาคม 2548 12:00 น. - comment id 443218

    ...ผมคิดว่าการที่มนุษย์มีสมองไม่ได้หมายความว่ามนุษย์เป็นสัตว์ประเสริฐ
    
    มนุษย์มองสัตว์อื่นว่าโง่กว่าเพราะมนุษย์สามารถเอาชนะสัตว์เหล่านั้นได้..
    
    การชนะเขามนุษย์ทำให้มนุษย์คิดว่าตัวเองฉลาดที่สุดแล้วนั้น
    
    ผมคิดว่ามนุษย์โง่กว่ามนุษย์เสียอีก...
  • แก้วประเสริฐ

    23 มีนาคม 2548 12:08 น. - comment id 443222

    อนิจจังทุกขังมันจัดกรอบ
    เข้าวนรอบขอบวางแล้วสร้างสรรค์
    จิตมนุษย์วนเวียนมิจำนรรจ์
    เป็นสวรรค์หรือนรกปกคลุมแดน
    
            หากแม้นเราคิดเลิศประเสริฐแล้ว
    ก็ไม่แคล้วบ่วงทุกข์มิสุขแสน
    เคล้าวนวกหมกไหม้ร่างกายแคลน
    อย่าหวงแหนรอนริดแล้วปลิดมัน.
    
                      แก้วประเสริฐ.
    
  • เรไร

    23 มีนาคม 2548 12:41 น. - comment id 443241

    เป็นกำลังใจให้น่ะครับ
    ต่างคน ต่างความคืด น่ะครับ ไม่มีใครผิดหรือถูก
    มิ้ช่นนั้นจะมีคำกล่าวหรือว่า
     สวรรค์ในอก นรกในใจ
    อย่างว่าแหละครับ
    เรื่องแบนี้ปลงได้ก็ปลง
    แตบางที ให้ตายกับปลง
    ตายคงง่ายกว่า
    
  • sun strom

    23 มีนาคม 2548 12:41 น. - comment id 443242

    
    คุณผลิใบฯ
    
    ปลงได้จะเป็นการดีมาก ๆ ค่ะ
    เรายังไม่ถึงขึ้นนั้นหรอกนะคะคุณผลิใบ
    เพียงแค่เรามีสติตามจิตตามใจเราทันก็ดีมากโขแล้วค่ะ
    
    ขอบคุณที่เข้ามาให้กำลังค่ะ
  • sun strom

    23 มีนาคม 2548 12:44 น. - comment id 443243

    ยามเราเกิด ไร้สิ่ง ติดมาด้วย
    ยามเราม้วย ย่อมไร้ ทุกสิ่งของ
    
    ยามเราอยู่ ดูไร้ ไม่น่ามอง(หรือน่ามองกันแน่!)
    ไม่ทดลอง ไม่รู้ สู้ต่อไป
    
    ถ้าปลงปลดเปลื้องทำได้เป็นการดี
    แต่สำหรับพี่คงปลงเฉพาะบางเรื่องครับ
     
     จาก : รหัสสมาชิก : 5053 - ชัยชนะ  
    
    พี่ชัยคะ
    คำปลดเปลื้องเนี่ยใช้กับเสื้อผ้านะคะ
    แหมมมมมมมมมัทคิดมากอีกแล้วค่ะ
    
    ขอบคุณพี่ชัยที่เข้ามาให้กำลังเสมอ ๆ ค่ะ
  • sun strom

    23 มีนาคม 2548 12:52 น. - comment id 443246

    ... สงสัยว่าคงตัดใจปล่อยวางทุกสิ่ง
        บวชชีที่วัดไหนบอกด้วยนะ  จะตามไปทำบุญ
        เป็นลูกศิษย์แม่ชี จะดีไหม ....  
     จาก : พายุ สุริยะ  
    
    มัดหมี่คงไม่ไปบวชค่ะ
    หากพี่พายุจะตามไปเป็นผู้อุปถัมภ์
    
    อย่างไรก็ยังไม่อยากให้ศาสนาเสื่อมค่ะ
    หากจะบวชจริง ๆ คงไม่บอกใคร
    คงหันหน้าเข้าสู่ความสงบที่ต้องสงบจริง ๆ ค่ะ
    ขอบพระคุณสำหรับทุกอย่างที่คอยส่งให้เสมอมามิได้ขาด มัทเชื่อเรื่องคู่เรื่องวาสนาค่ะ
    
  • sun strom

    23 มีนาคม 2548 12:54 น. - comment id 443247

    ชีวิตคน ดลลิขิต กรรม บุญ ล้วน
    คิดถี่ถ้วน เดินเป็น เส้นวิถี
    สุข ทุกข์ พบ จบที่ทำ กรรม ชั่ว ดี
    ต่อแต่นี้ เลือกเดิน เลือกกระทำ..**
    
    ชีวิตมีบุญกรรมนำลิขิต
    เกิดเป็นมนุษย์ก็สามารถหาความสุขได้ตามอัตภาพนะคะ
    คิดถึง
    
    สวัสดีค่ะ
     
     จาก : รหัสสมาชิก : 8413 - กอกก  
    
    ขอบพระคุณพี่ปรายนะคะ
    ขอให้หายเจ็บหายไข้ในเร็ววันค่ะ
    ทุกอย่างอยู่ที่ใจจริง ๆ ค่ะ
    
    
    
  • บินเดี่ยวหมื่นลี้

    23 มีนาคม 2548 13:01 น. - comment id 443250

    อนิจัง ทุกข์ขัง อนัตตา.....
    
    **แวะมาอ่านงาน ผ่านมาเยี่ยมเยือนครับ
  • แม่จิตร

    23 มีนาคม 2548 13:12 น. - comment id 443261

    มนุษย์ ไม่ใช่ สัตว์ประเสริฐหรอกนะ
    สามารถ ทำให้ตัวเอง ต่ำ และสูง ค่าได้
    ทำให้ตัวเอง เป็นเดรัจฉาน ก็ได้
    
    อยู่ที่ใจแต่ละใจ ของบุคคลนะ
    
    มัทช่วงนี้ สบายดีไหม
    คิดถึง อยู่หน่อย ๆ นะ อิอิ
  • somebody

    23 มีนาคม 2548 13:38 น. - comment id 443275

    สวรรค์นรกจริงจริงไช่ว่าเราจะคิดเอา..มีอ้างอิง
    ในพระไตรปิฏกด้วยครับ...เรื่องสวรรค์นรกเนี่ย
    ไม่มีใครอ้างลอยๆหรอกครับ...  แล้วที่บอกว่า
    @เป็นหนทางให้จิตคิดเสียหาย@  จริงจริงจะ
    เชื่อในเรื่องนรกสวรรค์หรือบุญบาปบ้างก็ไม่น่า
    จะเสียหายครับ..การกลัวบาปมีผลให้เรากลัวในการกระทำชั่ว....ส่วนเรื่องสวรรค์ก็จูงใจให้คนทำความดี
                ซึ่งจริงจริง...เรื่องสวรรค์นรกจะมีอยู่หรือไม่    ถ้าเอาตัวเราเป็นเกณฑ์ก็อาจจะบอกว่าไม่
    มี เพราะพิสูจน์ไม่ได้   ที่พิสูจน์ไม่ได้เพราะความสามารถของเราไม่พร้อมไม่เข้าขั้นที่จะไปพิสูจน์ตรงนั้นได้ครับ...มันเป็นเรื่องปัจจัตตังที่รู้
    ได้เฉพาะตน  วิทยาศาสตร์จะไม่ปฏิเสธสิ่งที่เขา
    ยังไม่รู้จนกว่าเขาจะพิสูจน์ได้แน่ชัดว่าสิ่งนั้นมัน
    ไม่มีอยู่จริง  แต่ถ้าพิสูจน์ยังไม่ได้เขาจะยังไม่
    ปฏิเสธฯ ทุกวันนี้วิทยาศาสตร์กำลังหันมาสนใจ
    เรื่องจิตวิญญาณเพิ่มมากขึ้นที่เขาเรียกว่า  
    Quntam Mcanicครับ  มีการทำวิจัยเรื่องของคน
    ระลึกชาติได้อย่างในเอเชียเนี่ยไม่ต่ำกว่า6,000
    ราย
    .....คิดง่ายๆ  ครับ...ถ้าเราไม่เชื่อว่าชาติหน้ามี
    จริง.....ไม่สามารถเห็นได้ในขณะปัจจุบัน....ที่นี้
    ถามกลับว่า...แล้วพรุ่งนี้นะมีหรือเปล่า...
    คุณก็คงตอบว่า..มี...   
    แล้วอยู่ไหนล่ะวันพรุ่งนี้....เอามาให้ดูหน่อย
    ก็มันยังมาไม่ถึง...
    อ้าวก็ในเมื่อมันยังมาไม่ถึง...แล้วรู้ได้ไงว่ามี
    เถอะน่า...มีก็แล้วกัน
    ก็นั่นสิ...ทีชาติซึ่งยังมาไม่ถึงเหมือนกันคุณกับ 
                 ปฏิเสธว่าไม่มี....?
    
    
    ใคร่ขอขอบพระคุณ คุณสมาชิกไทโพเอม
    
    นาน ๆ จะได้คนให้ข้อคิดในสิ่งที่ต้องการ
    แม้บางอย่างจะเป็นเหมือนขัดแย้ง
    แต่การขัดแย้งไม่ใช่อุปสรรคสำหรับการที่จะสนทนาต่อไป
    
    พระท่านเคยบอกว่า พรุ่งนี้อย่าคิด เพราะเป็นอนาคต วันพรุ่งนี้ก็ไม่เคยมีมาให้เห็นซักที่ เพราะหากวันเลือนไปอีก 1 วัน ก็จะเป็นวันนี้
    นั่นเป็นสิ่งที่คนเราสมมติขึ้นมา ว่าเป็นวันนี้ เป็นพรุ่งนี้ หากเราไม่ให้ความสำคัญมันก็จะเป็นสิ่งปกติ เป็นธรรมชาติ 
    
    มาว่าถึงเรื่องนรก สวรรค์นะคะ 
    
    ทั้งนรก สวรรค์ ล้วนคิดเอา
    คอยรุมเร้า กล่อมจิต คิดมากมาย
    แท้แท้แล้ว เป็นเพียง คำกล่าวอ้าง
    เป็นหนทาง ให้จิต คิดเสียหาย
    
    ที่มัดหมี่สื่ออย่างนั้นหมายถึง
    จิตใจของคนเรามักจะหนีไม่พ้นการปรุงแต่ง หากจิตใจดีก็จะคิดและทำในสิ่งดีดี นั่นก็หมายถึงว่าคนคนนั้นขึ้นสวรรค์ เขามีความสุขในใจของเค้าค่ะ พอใจที่จะคิดและปรุงแต่งจิตใจของเขาแบบนั้น ในกรณีกลับกัน
    หากคนเราคิดในเรื่องไม่ดี คิดโกรธ อิจฉา ริษยา ก็หมายถึงว่าคนคนนั้นปรุงแต่งจิตใจไม่ให้ตัวเองมีความสุข ร้อนเร่า คล้าย ๆ กับตกนรกค่ะ
    
    มัทเองยังไม่ทราบว่า สวรรค์ นรกจริง ๆ จะมีอยู่จริงตามพระไตรปิฎกหรือไม่ เนื่องด้วยว่ายังไม่เคยตาย หรือหากแม้คนตายไปแล้วเขาจะขึ้นสวรรค์ ลงนรกหรือไม่ มัดหมี่ก็ยังไม่เคยรับทราบ เพราะคนเหล่านั้นไม่เคยส่งข่าวมาบอกซักที   ตรงนี้มัดหมี่ไม่ได้แซวคุณนะคะ เป็นเรื่องจริง  และไม่ได้ตอบคุณเพราะคุณคอมเมนท์มัทมาแบบนี้  เราว่ากันตามเรื่องจริงค่ะ ก็คล้าย ๆ กับวันพรุ่งนี้ หรือชาติหน้านั่นแหละค่ะ ทั้งคุณ ทั้งมัท ไม่เคยเห็นวันพรุ่งนี้ หรือชาติ หน้า หากแม้มีใครเคยเห็นชาติหน้าแล้วมาเล่าให้ฟังมัดหมี่ยังต้องคิดเลยค่ะ เพราะหากเชื่อว่ามีจริงเราก็ไม่เคยเห็น หรือหากไม่เชื่อเราก็ไม่เคยเห็นอีกนั่นแหละ
    
    ส่วนเรื่องบาปบุญ ตรงนี้มัทเชื่อ เพราะการทำบุญอย่างน้อยเราสุขอยู่ในใจ  การสุขใจคนอื่นไม่รับรู้กับเรานะคะ แล้วเราจะโพทนาว่า เวลานี้เราสุขใจจริงโว้ย ตะโกนดัง ๆ ให้คนอื่นรับทราบ คนเค้าจะได้ว่าเราบ้าปะไร จริงปะ สุขใจใครก็คนนั้นรับรู้เองค่ะ
    
    สำหรับเรื่องบาป หากอะไรที่เราทำแล้ว เราไม่สบายใจ นั่นคือการทำบาป มัทเหมารวมทุกอย่างนะคะ ทุกเรื่องด้วยค่ะ หากเราไม่สบายใจเมื่อไหร่ก็ถือว่า เราบาปแล้ว แม้แต่คิดในใจแล้วทำให้ตัวเองเป็นทุกข์ ไม่สบายใจก็บาปแล้วค่ะ ไม่จำเป็นต้องไปตีหัวหมา ด่าแม่เจ็กหรอกค่ะ
    
    
    เรื่องจิตเป็นสิ่งที่น่าศึกษามากกว่าทุกอย่าง น่าศึกษามากกว่าเรื่องทางวิทยาศาสตร์ เพราะการศึกษาทดลองทางด้านวิทยาศาสตร์ยังสามารถหาคำตอบให้เราได้ แต่เรื่องจิตใจไม่เป็นแบบนั้น จิต วิญญาณ ยิ่งค้นก็ยิ่งลึก ไม่มีที่สิ้นสุด ดังคำกล่าวที่ว่า
    
    จิตใจคนยากแท้หยั่งถึง 
    
    ขอบพระคุณสำหรับคำชี้แนะ คำชมเชย
    มัดหมี่ไม่ใช่ผู้รู้นะคะ เพียงแต่เคยปฏิบัติธรรมมาบ้างนิดหน่อยค่ะ ขอน้อมรับทุกอย่างที่กล่าวมา
    ด้วยความยินดีค่ะ
    
    
    
    
  • มัดหมี่ค่ะ

    23 มีนาคม 2548 14:00 น. - comment id 443282

    ...ผมคิดว่าการที่มนุษย์มีสมองไม่ได้หมายความว่ามนุษย์เป็นสัตว์ประเสริฐ
    
    มนุษย์มองสัตว์อื่นว่าโง่กว่าเพราะมนุษย์สามารถเอาชนะสัตว์เหล่านั้นได้..
    
    การชนะเขามนุษย์ทำให้มนุษย์คิดว่าตัวเองฉลาดที่สุดแล้วนั้น
    
    ผมคิดว่ามนุษย์โง่กว่ามนุษย์เสียอีก...  
     จาก : รหัสสมาชิก : 11174 - ดอกข้าว 
    
    คุณวิจิตรคะ
    
    ความคิดแบบนี้แหละที่ทำให้เรา
    ทำร้ายสัตว์ที่อ่อนแอกว่า
    
    ไม่งั้นพระพุทธเจ้าท่านคงไม่หาอุบายเพื่อชำระล้างจิตใจคนหรอกนะคะ ท่านสอนให้เราเชื่อเรื้องบาปบุญ โดยใช้การกระทำเป็นสื่อ เป็นอุปกรณ์ สอนจากชีวิตแท้ ๆ ของมนุษย์ค่ะ
    
    คุณิจิตรยังสบายดีเหมือนเดิมนะคะ
    คิดถึงกลิ่นดอกข้าวตอนที่กำลังแทงช่อดอกค่ะ
    อยากทานข้าเม่าอ่อนจังนะคะ
    
    ขอบคุณสำหรับคอมเม้นท์ค่ะ
  • มัดหมี่ค่ะ

    23 มีนาคม 2548 14:05 น. - comment id 443283

    อนิจจังทุกขังมันจัดกรอบ
    เข้าวนรอบขอบวางแล้วสร้างสรรค์
    จิตมนุษย์วนเวียนมิจำนรรจ์
    เป็นสวรรค์หรือนรกปกคลุมแดน
    
            หากแม้นเราคิดเลิศประเสริฐแล้ว
    ก็ไม่แคล้วบ่วงทุกข์มิสุขแสน
    เคล้าวนวกหมกไหม้ร่างกายแคลน
    อย่าหวงแหนรอนริดแล้วปลิดมัน.
    
                      แก้วประเสริฐ.
     
     จาก : รหัสสมาชิก : 6104 - แก้วประเสริฐ 
    
    กายเป็นแก้ว ในนอก ย่อมเป็นแก้ว
    แค่เสียงแว่ว ยังสำนึก ตรึกตรองหนอ
    คนเรานี้ ดีชั่ว นั่งเฝ้ารอ
    อย่างไรก้อ อย่าประมาท ให้พลาดเอย
    
    ขอบคุณค่ะ
    
  • มัดหมี่ค่ะ

    23 มีนาคม 2548 14:08 น. - comment id 443284

    เป็นกำลังใจให้น่ะครับ
    ต่างคน ต่างความคืด น่ะครับ ไม่มีใครผิดหรือถูก
    มิ้ช่นนั้นจะมีคำกล่าวหรือว่า
    สวรรค์ในอก นรกในใจ
    อย่างว่าแหละครับ
    เรื่องแบนี้ปลงได้ก็ปลง
    แตบางที ให้ตายกับปลง
    ตายคงง่ายกว่า
     
     จาก : เรไร  
    
    ก่อนตายขอเพียงทำสิ่งดีให้คนกล่าวถึงบ้างจริงป่าวคะท่านเร
    
    ใช่ค่ะ นานาจิตตัง
    แนวคิดของคนไม่เหมือนกันค่ะ
    
    ขอบคุณท่าเนรที่เข้ามาให้กำลังใจค่ะ
  • มัดหมี่ค่ะ

    23 มีนาคม 2548 14:10 น. - comment id 443285

    อนิจัง ทุกข์ขัง อนัตตา.....
    
    **แวะมาอ่านงาน ผ่านมาเยี่ยมเยือนครับ  
     จาก : รหัสสมาชิก : 9048 - บินเดี่ยวหมื่นลี้  
    
    ขอบคุณท่านบินเดี่ยวค่ะ
  • มัดหมี่ค่ะ

    23 มีนาคม 2548 14:12 น. - comment id 443286

    มนุษย์ ไม่ใช่ สัตว์ประเสริฐหรอกนะ
    สามารถ ทำให้ตัวเอง ต่ำ และสูง ค่าได้
    ทำให้ตัวเอง เป็นเดรัจฉาน ก็ได้
    
    อยู่ที่ใจแต่ละใจ ของบุคคลนะ
    
    มัทช่วงนี้ สบายดีไหม
    คิดถึง อยู่หน่อย ๆ นะ อิอิ  
     จาก : แม่จิตร  
    
    จริงหรอยศ
    คิดถึงเช่นกันค่ะ
    
    ขอบคุณที่เข้ามาเยี่ยมค่ะยศ
  • เด็กตรัง

    23 มีนาคม 2548 14:14 น. - comment id 443287

    จะหาใคร เหมาะใจ ที่ไหนเล่า
    ตัวของเรา ยังไม่ เหมาะใจหนา
    อนิจจัง ทักขัง อนัตตา
    รู้ล่วงหน้า เสียก่อน ไม่ร้อนใจ
    
       ทุกข์สุขอยู่ที่ใจมิใช่หรือ
    ถ้าใจถือก็เป็นทุกข์ไม่สุกใส
    ถ้าไม่ถือก็เป็นสุขไม่ทุกข์ใจ
    เราอยากได้ความทุกข์หรือสุขนา
    
  • ภาวิดา

    23 มีนาคม 2548 14:40 น. - comment id 443296

    ^ ^
  • ผึ้ง

    23 มีนาคม 2548 15:51 น. - comment id 443315

    ก็ดีนะไพเราะดี
    
  • ผึ้ง

    23 มีนาคม 2548 15:51 น. - comment id 443316

    ก็ดีนะไพเราะดี
    
  • ผึ้ง

    23 มีนาคม 2548 15:51 น. - comment id 443317

    ก็ดีนะไพเราะดี
    
  • ดาหลา & ปะการัง

    23 มีนาคม 2548 16:11 น. - comment id 443325

    มัทจ๋า..............
    
    กลอนบทน้ ให้  อะไรกมาย สำหรับ จิต  พี่   
    
    สงสัย  ต้องตัดใจ  ตัดให้ขาด แม้เจ๊บ .......ซะแล้วละม้าง
    
    
    ก่อนที่จะเจ๊บ เพราะ พันผ๔ก และ ผูกพันมากกว่านี้ 
    
    
    เห้อ  พระธรรม  .........ส่องสว่าง   เข้าไปถึงหัวใจ  เลยค่ะ 
    
    ขอบคุณค่ะ มัท
  • พี่ดอกแก้ว

    23 มีนาคม 2548 16:47 น. - comment id 443357

    ชื่นชมมากค่ะกับความคิดในข้อเขียน
    โดยเฉพาะบทนี้ค่ะน้องมัดหมี่..
    
    ยามเราเกิด ไร้สิ่ง ติดมาด้วย
    ยามเราม้วย ย่อมไร้ ทุกสิ่งของ
    ก็แค่นั้น ทั้งที่เรา เฝ้าจับจอง
    ท้ายสุดต้อง ใดใดล้วน....อนิจจัง
    
    
  • ผู้หญิงไร้เงา

    23 มีนาคม 2548 20:02 น. - comment id 443454

    อันความสุขที่แท้มีแค่นี้
    คือการมีชีวิตที่สุขสดใส
    ไม่มีทุกข์นั่นหรือคือโรคภัย
    ก็ถือว่าสุขสดใสแล้วคนดี
    
    *-*แต่งได้ดีค่ะ*-*
  • Oracle

    23 มีนาคม 2548 23:30 น. - comment id 443585

    ( มัทเองยังไม่ทราบว่า สวรรค์ นรกจริง ๆ จะมีอยู่จริงตามพระไตรปิฎกหรือไม่ เนื่องด้วยว่ายังไม่เคยตาย หรือหากแม้คนตายไปแล้วเขาจะขึ้นสวรรค์ ลงนรกหรือไม่ มัดหมี่ก็ยังไม่เคยรับทราบ เพราะคนเหล่านั้นไม่เคยส่งข่าวมาบอกซักที   ตรงนี้มัดหมี่ไม่ได้แซวคุณนะคะ เป็นเรื่องจริง  และไม่ได้ตอบคุณเพราะคุณคอมเมนท์มัทมาแบบนี้ )
    
    การไม่ทราบไม่ใช่เรื่องแปลกและเสียหายอะไร เพราะเป็นเรื่องธรรมดาของคนที่ไม่รู้ และการเชื่อก็ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วยตาหรือจับต้องได้ ทำไมศาสตร์ยากๆหลายสาขาเวลามีคนมาสอนมาบอกว่าเป็นอย่างโน้นอย่างนี้เราถึงเชื่อได้ละ เช่น ร่างกายเราประกอบด้วยเซลล์เล็กๆจำนวนมาก ถ้าไม่ได้เรียนด้านนี้ในขั้นสูง ถามหน่อยว่าคุณเคยเห็นหน้าตาเซลล์ด้วยตาตัวเองไหม แล้วทำไมเราเชื่อ ? แล้วก็สสารประกอบด้วยอะตอม อะตอมประกอบด้วยหน่วยที่ย่อยลงไป ทำไมเราเชื่อ มีใครเคยเห็นอะตอม หรือ ส่วนประกอบอะไรหรือเปล่า ? จักรวาลประกอบด้วยดวงดาวเป็นล้านๆดวง มีใครเคยนับได้จริงๆไหม ? เพราะฉะนั้นไม่แปลกอะไรที่คนเราจะเชื่อเรื่องนรกสวรรค์โดยที่ไม่ได้เห็นและไม่จำเป็นต้องตายหรือให้คนตายมาบอก ก็ในเมื่อเรามีผู้รู้แจ้งคือพระพุทธเจ้าเป็นคนบอกว่ามี แถมด้วยอรหันต์สาวก ที่บอกเล่าเรื่องราวเหล่านี้อีกตั้งมากมาย เป็นสักขีพยาน แล้วยังสอนวิธีให้เราได้รู้อีก ถ้าเรามีความสามารถพอที่จะเข้าใจในเนื้อหา เราก็คงจะเห็นแบบท่าน เพราะฉะนั้นเราก็น่าจะเชื่อได้ระดับนึง
    
    ( เราว่ากันตามเรื่องจริงค่ะ ก็คล้าย ๆ กับวันพรุ่งนี้ หรือชาติหน้านั่นแหละค่ะ ทั้งคุณ ทั้งมัท ไม่เคยเห็นวันพรุ่งนี้ หรือชาติ หน้า หากแม้มีใครเคยเห็นชาติหน้าแล้วมาเล่าให้ฟังมัดหมี่ยังต้องคิดเลยค่ะ เพราะหากเชื่อว่ามีจริงเราก็ไม่เคยเห็น หรือหากไม่เชื่อเราก็ไม่เคยเห็นอีกนั่นแหละ )
    
    เรื่องชาติหน้าคำคอมเม้นท์เหมือนข้างบน ส่วนเรื่องวันพรุ่งนี้ ต้องได้เห็นเลยละ ไม่ใช่เคย เพราะ อย่างวันนี้วันที่ห้า พรุ่งนี้วันที่หก พอถึงวันที่หกเราก็ได้เห็นวันพรุ่งนี้ของวันที่ห้าไง ทำไมต้องคิดอะไรในแง่ปรัชญาให้มึนงง นอกจากจะเสียชีวิตในวันที่ห้าอยู่ไม่ถึงวันที่หก อย่างนี้ก็ไม่เห็นพรุ่งนี้ของวันที่ห้าแน่นอน
    
    ในเมื่อเราเป็นผู้ไม่รู้ แล้วมีผู้รู้ที่เชื่อถือได้ มีความรู้ดี และมีคุณธรรมมาบอกกล่าว (พระพุทธเจ้า) เราก็ควรเชื่อเพราะไม่เสียหายอะไร เหมือนกับวิชาการที่เราเล่าเรียนอยู่ทุกวันนี้ทำไมเราเชื่อทั้งๆที่บางทีเราก็ไม่ได้เห็น และชาตินี้ก็ไม่มีโอกาสได้เห็น อย่าดวงอาทิตย์จะต้องมีวันดับ เราก็เชื่อ คงไม่มีใครมายืนยันได้ และไม่มีใครในช่วงนี้ได้เห็นจริงไหมครับ ;)
    
    
    
  • sun strom

    24 มีนาคม 2548 00:25 น. - comment id 443628

    ขอตอบคุณ Oracle นะคะ
    
    ขอโทษด้วยที่ตอบไปแบบนั้น
    มัดหมี่คิดว่ามีเพื่อน ๆ มาแกล้งค่ะ
    หากทราบว่าเป็นคนคงไม่กล้าจะต่อกร
    ด้วยวัยวุฒิ คุณวุฒิ ยังด้อยกว่ามากมาย
    
    หากคุณเห็นว่าจริง ว่าเชื่อ ก็จะเชื่อค่ะ
    ขอบพระคุณสำหรับคำสั่งสอนค่ะ
    
    จริง ๆ มัทก็อยากจะปาฐกถากับคุณเหมือนกันนะคะ เพราะ บางสิ่งที่แฝงมากับคำพูดมีคุณค่ามากมาย แต่มีอยู่เรื่องหนึ่งที่มัทใคร่เรียนชี้แจง และขออนุญาติเป็นคนดื้อสำหรับคุณคือ
    
    เรื่องวันพรุ่งนี้ เพราะหากวันนี้เป็นวันที่5 พรุ่งนี้เป็นวันที่ 6 พอถึงรุ่งเช้าของวันที่ 6 ไม่เห็นมีใครเรียกว่าวันพรุ่งนี้ซักทีค่ะ เจอหน้ายายมีเช้า ๆ ท่านมักจะร้องถามเสมอ ๆ ว่า คุณมัดหมี่วันนี้ไปทำงานแต่เช้านะคะ อิอิ จริง ๆ นะคะไม่เชื่อถามคนอื่นดูก็ได้นะคะ 
    
    มัทคงต้องไปศึกษางานคุณค่ะ คงต้องอ่านอย่างละเอียดแล้วหละค่ะ
    
    ขอบพระคุณสำหรับคำชี้แนะค่ะ
    
  • sun strom

    24 มีนาคม 2548 00:40 น. - comment id 443639

    คุณรีไซเคิลคะ ขออภัย เรียกชื่อผิดค่ะ
    
    คุณโอราเคิล คร๊าบ  ๆ ๆ ๆ ๆ
    
    เรียกแค่เนี่ยแหละ 
    ก็อยากจะเรียกนี่นา
    
    ไม่มีไรค่ะ มันแว๊บ ๆ ขึ้นมาในใจ
    มัทคุยกับคุณตั้งนานลืมเรียกชื่อค่ะ
    
    ยินดีที่ได้รู้จักค่ะ
    
    
    
    
    
    
    
  • sun strom

    24 มีนาคม 2548 00:55 น. - comment id 443649

    จะหาใคร เหมาะใจ ที่ไหนเล่า
    ตัวของเรา ยังไม่ เหมาะใจหนา
    อนิจจัง ทักขัง อนัตตา
    รู้ล่วงหน้า เสียก่อน ไม่ร้อนใจ
    
       ทุกข์สุขอยู่ที่ใจมิใช่หรือ
    ถ้าใจถือก็เป็นทุกข์ไม่สุกใส
    ถ้าไม่ถือก็เป็นสุขไม่ทุกข์ใจ
    เราอยากได้ความทุกข์หรือสุขนา
     
     จาก : รหัสสมาชิก : 4884 - เด็กตรัง 
    
    เห็นด้วยมาก ๆ ค่ะ
    ลิ้นกับฟันยังห้ามไม่ให้กระทบกันได้เลยนะคะ
    
    ขอบคุณที่เข้ามาเยี่ยมค่ะ
  • sun strom

    24 มีนาคม 2548 00:56 น. - comment id 443650

    คุณภาวิดาคะ
    
    ยิ้มของคุณชื่นใจจังค่ะ
    
    ขอบคุณค่ะ
  • sun strom

    24 มีนาคม 2548 00:57 น. - comment id 443651

    ขอบคุณน้องผึ้งค่ะ
  • sun strom

    24 มีนาคม 2548 01:01 น. - comment id 443655

    มัทจ๋า..............
    
    กลอนบทน้ ให้  อะไรกมาย สำหรับ จิต  พี่   
    
    สงสัย  ต้องตัดใจ  ตัดให้ขาด แม้เจ๊บ .......ซะแล้วละม้าง
    
    
    ก่อนที่จะเจ๊บ เพราะ พันผ๔ก และ ผูกพันมากกว่านี้ 
    
    
    เห้อ  พระธรรม  .........ส่องสว่าง   เข้าไปถึงหัวใจ  เลยค่ะ 
    
    ขอบคุณค่ะ มัท  
     จาก : รหัสสมาชิก : 9584 - ดาหลา & ปะการัง  
     รหัส - วัน เวลา : 451207 - 23 มี.ค. 48 - 16:11  
    
    พี่นิ่มจ๋า
    
    ทำใจให้สบาย ๆ นะคะ
    อย่าคิดไรมากค่ะ เด๋วทุกอย่างย่อมมีทางออกค่ะ
    
    สมัยนี้นายกท่านสร้างถนนมีทั้งทางเข้าทางออก
    ไม่เหมือนสมัยก่อน มีแต่ทางเกวียน
    จะเลี้ยวแต่ละทีต้องรอทางแยกค่ะ
    
    พี่นิ่มยังอยู่ดีนะคะ ครบสามสิบสองซี่ป่าวอะ
    
    ขอบคุณที่เข้ามาเยี่ยมค่ะ โดนแซวเสียเลย
    ยิ้มได้หรือยังคะ พี่นิ่มคนดี
    
    
  • sun strom

    24 มีนาคม 2548 01:03 น. - comment id 443656

    ชื่นชมมากค่ะกับความคิดในข้อเขียน
    โดยเฉพาะบทนี้ค่ะน้องมัดหมี่..
    
    ยามเราเกิด ไร้สิ่ง ติดมาด้วย
    ยามเราม้วย ย่อมไร้ ทุกสิ่งของ
    ก็แค่นั้น ทั้งที่เรา เฝ้าจับจอง
    ท้ายสุดต้อง ใดใดล้วน....อนิจจัง
    
     
     จาก : รหัสสมาชิก : 4920 - พี่ดอกแก้ว  
     รหัส - วัน เวลา : 451240 - 23 มี.ค. 48 - 16:47  
    
    ขอบพระคุณพี่ดอกแก้วมาก ๆ ค่ะ
    แค่นี้มัทก็ยิ้มแก้มอิ่มแล้วค่ะ
  • sun strom

    24 มีนาคม 2548 01:06 น. - comment id 443657

    อันความสุขที่แท้มีแค่นี้
    คือการมีชีวิตที่สุขสดใส
    ไม่มีทุกข์นั่นหรือคือโรคภัย
    ก็ถือว่าสุขสดใสแล้วคนดี
    
    *-*แต่งได้ดีค่ะ*-*  
     จาก : รหัสสมาชิก : 4521 - ผู้หญิงไร้เงา  
     รหัส - วัน เวลา : 451342 - 23 มี.ค. 48 - 20:02  
    
    ขอบพระคุณคุณหญิงค่ะ
    
    คิดถึงคุณหญิงเสมอค่ะ
    
    
  • sun strom

    24 มีนาคม 2548 01:24 น. - comment id 443660

    ( มัทเองยังไม่ทราบว่า สวรรค์ นรกจริง ๆ จะมีอยู่จริงตามพระไตรปิฎกหรือไม่ เนื่องด้วยว่ายังไม่เคยตาย หรือหากแม้คนตายไปแล้วเขาจะขึ้นสวรรค์ ลงนรกหรือไม่ มัดหมี่ก็ยังไม่เคยรับทราบ เพราะคนเหล่านั้นไม่เคยส่งข่าวมาบอกซักที   ตรงนี้มัดหมี่ไม่ได้แซวคุณนะคะ เป็นเรื่องจริง  และไม่ได้ตอบคุณเพราะคุณคอมเมนท์มัทมาแบบนี้ )
    
    การไม่ทราบไม่ใช่เรื่องแปลกและเสียหายอะไร เพราะเป็นเรื่องธรรมดาของคนที่ไม่รู้ และการเชื่อก็ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วยตาหรือจับต้องได้ ทำไมศาสตร์ยากๆหลายสาขาเวลามีคนมาสอนมาบอกว่าเป็นอย่างโน้นอย่างนี้เราถึงเชื่อได้ละ เช่น ร่างกายเราประกอบด้วยเซลล์เล็กๆจำนวนมาก ถ้าไม่ได้เรียนด้านนี้ในขั้นสูง ถามหน่อยว่าคุณเคยเห็นหน้าตาเซลล์ด้วยตาตัวเองไหม แล้วทำไมเราเชื่อ ? แล้วก็สสารประกอบด้วยอะตอม อะตอมประกอบด้วยหน่วยที่ย่อยลงไป ทำไมเราเชื่อ มีใครเคยเห็นอะตอม หรือ ส่วนประกอบอะไรหรือเปล่า ? จักรวาลประกอบด้วยดวงดาวเป็นล้านๆดวง มีใครเคยนับได้จริงๆไหม ? เพราะฉะนั้นไม่แปลกอะไรที่คนเราจะเชื่อเรื่องนรกสวรรค์โดยที่ไม่ได้เห็นและไม่จำเป็นต้องตายหรือให้คนตายมาบอก ก็ในเมื่อเรามีผู้รู้แจ้งคือพระพุทธเจ้าเป็นคนบอกว่ามี แถมด้วยอรหันต์สาวก ที่บอกเล่าเรื่องราวเหล่านี้อีกตั้งมากมาย เป็นสักขีพยาน แล้วยังสอนวิธีให้เราได้รู้อีก ถ้าเรามีความสามารถพอที่จะเข้าใจในเนื้อหา เราก็คงจะเห็นแบบท่าน เพราะฉะนั้นเราก็น่าจะเชื่อได้ระดับนึง
    
    ( เราว่ากันตามเรื่องจริงค่ะ ก็คล้าย ๆ กับวันพรุ่งนี้ หรือชาติหน้านั่นแหละค่ะ ทั้งคุณ ทั้งมัท ไม่เคยเห็นวันพรุ่งนี้ หรือชาติ หน้า หากแม้มีใครเคยเห็นชาติหน้าแล้วมาเล่าให้ฟังมัดหมี่ยังต้องคิดเลยค่ะ เพราะหากเชื่อว่ามีจริงเราก็ไม่เคยเห็น หรือหากไม่เชื่อเราก็ไม่เคยเห็นอีกนั่นแหละ )
    
    เรื่องชาติหน้าคำคอมเม้นท์เหมือนข้างบน ส่วนเรื่องวันพรุ่งนี้ ต้องได้เห็นเลยละ ไม่ใช่เคย เพราะ อย่างวันนี้วันที่ห้า พรุ่งนี้วันที่หก พอถึงวันที่หกเราก็ได้เห็นวันพรุ่งนี้ของวันที่ห้าไง ทำไมต้องคิดอะไรในแง่ปรัชญาให้มึนงง นอกจากจะเสียชีวิตในวันที่ห้าอยู่ไม่ถึงวันที่หก อย่างนี้ก็ไม่เห็นพรุ่งนี้ของวันที่ห้าแน่นอน
    
    ในเมื่อเราเป็นผู้ไม่รู้ แล้วมีผู้รู้ที่เชื่อถือได้ มีความรู้ดี และมีคุณธรรมมาบอกกล่าว (พระพุทธเจ้า) เราก็ควรเชื่อเพราะไม่เสียหายอะไร เหมือนกับวิชาการที่เราเล่าเรียนอยู่ทุกวันนี้ทำไมเราเชื่อทั้งๆที่บางทีเราก็ไม่ได้เห็น และชาตินี้ก็ไม่มีโอกาสได้เห็น อย่าดวงอาทิตย์จะต้องมีวันดับ เราก็เชื่อ คงไม่มีใครมายืนยันได้ และไม่มีใครในช่วงนี้ได้เห็นจริงไหมครับ ;)
    
    
     
     จาก : Oracle  
     รหัส - วัน เวลา : 451474 - 23 มี.ค. 48 - 23:30  
    
    อยากจะอ้อน คุณโอรา ว่าอย่างนี้
    ขอบคุณที่ เข้ามา อ่านกลอนฉัน
    ดีใจมาก ที่เรดติ้ง วิ่งฝ่าฟัน
    แค่หนึ่งวัน วิ่งสู่ สามสิบเลย
    
    ไม่อยากแซว แต่อด ไม่ได้หรอก
    ก็คุณบอก ให้เชื่อ อย่างคำเผย
    เชื่อก็ได้ แต่ใจ ค้านจังเลย
    จึงเอื้อนเอ่ย เป็นกลอน วอนท่านมา
    
    ท่านโอรา ท่านเก่ง เรื่องความเชื่อ
    โปรดเฉลี่ย แบ่งปัน ฉันบ้างหนา
    การจะเชื่อ มีกีอย่าง ช่วยเจรจา
    จะล้างหู รอฟังค่ะ ทุกโมงยาม
    
    เรื่องจิตใจ ห่างไกล กับชีวะ
    ยิ่งเรื่องเซล ด้วยหละ ใคร่ไต่ถาม
    เหตุใดท่าน ยกตัวอย่าง ให้ติดตาม
    ใคร่เรียนถาม กายกับจิต เป็นอย่างไร
    
    เรื่องความตาย อีกอย่าง ที่อ้างเอ่ย
    โปรดเฉลย ให้แจ้ง อย่าเฉไฉ
    วันที่ห้า ตายแล้ว เป็นอย่างไร
    วันที่หก จะเหลือไว้ ให้ใครกัน
    
    ด้วยว่าเรียน มาน้อย ไปหมดค่ะ
    ที่เหลืออยู่ ก็แต่มาก เลยดื้อรั้น
    ขอคำตอบ เป็นกลอน นะพี่ท่าน
    แล้วตัวฉัน จะน้อมฟัง คำตอบคุณ
    
    ด้วยสายใยของไทโพมเอม
    
    
    
    
    
  • Oracle

    24 มีนาคม 2548 23:02 น. - comment id 444094

    คุณมัดหมี่ครับ ต้องขอชี้แจงอย่างนี้ คอมเม้นท์แรกของคุณ สมาชิก....ไทยโพเอ็ม ไม่ใช่ผมนะครับ แต่บังเอิญผมเข้ามาอ่านเจอคุณมัดหมี่ตอบแบบนั้น ผมก็เลยมาแสดงความคิดเห็นเพิ่มเติม ใว้เป็นทางเลือกให้เพื่อนๆได้ไปคิดกันครับ
    
    ส่วนในเรื่องนรก สวรรค์ นั่นผมก็ยังไม่ถึงกับเชื่อสนิทใจ แต่จากข้อคิดเห็นต่างๆที่ผมเคยอ่านเคยได้ยินมา เลยทำให้ได้คิดขึ้นมาบ้างในเรื่องนี้ก็เท่านั้น ผมไม่ได้มากวนอะไรนะครับ ;)
    
    แล้วอีกอย่างผมก็ไม่ได้เก่งกาจอะไรเลย เพียงแค่ได้อ่านได้เห็นมาก็เลยแสดงความเห็นร่วมด้วยนะครับ ;)
    
    และอีกอย่างเรื่องแนวนี้ไม่ได้มีไว้ วิพากษ์วิจารณ์ หรือ ไว้ถกเถียงว่าใครถูกใครผิด ใครเก่งหรือใครไม่เก่ง ต้องคิดและพิสูจน์ ถ้าพิสูจน์ไม่ได้ ก็ต้องพิจารณาเองครับ ก็อย่างที่คุณบอกนั่นแหละ ใดใดล้วน อนิจจัง ผมเพิ่มอีกสองอันคือ ทุกขัง และอนัตตา ด้วยแหละ ;)
    
    ส่วนที่ผมกล่าวถึงผู้รู้ที่ตอบคุณ ผมหมายถึงพระพุทธเจ้าและอรหันตสาวกครับ ไม่ใช่ตัวผม ;)
    
    
    
    
  • Oracle

    24 มีนาคม 2548 23:11 น. - comment id 444098

    (  เรื่องวันพรุ่งนี้ เพราะหากวันนี้เป็นวันที่5 พรุ่งนี้เป็นวันที่ 6 พอถึงรุ่งเช้าของวันที่ 6 ไม่เห็นมีใครเรียกว่าวันพรุ่งนี้ซักทีค่ะ เจอหน้ายายมีเช้า ๆ ท่านมักจะร้องถามเสมอ ๆ ว่า คุณมัดหมี่วันนี้ไปทำงานแต่เช้านะคะ อิอิ จริง ๆ นะคะไม่เชื่อถามคนอื่นดูก็ได้นะคะ )
    
    ส่วนเรื่องนี้ก็อย่างที่ผมบอกนั่นแหละคิดเป็นปรัชญาให้งงทำไม มันก็เหมือนกับคุณมัดหมี่ถามว่า ไก่กับไข่ อะไรเกิดก่อนกันนั่นแหละ
    
    ผมยกตัวอย่างอีกอัน เพื่อนนัดคุณ บอกว่าพรุ่งนี้เจอกัน ถ้าไม่มีพรุ่งนี้ แล้วคุณจะได้เจอกับเพื่อนไหม คุณคงไม่ได้ไปพบกับเพื่อนตามนัด  ถ้าคุณคิดว่าพรุ่งนี้มันไม่มีทางมาถึง กรณีนี้มันก็แค่การเล่นคำเท่านั้น แต่ความเป็นจริงก็รู้ว่าพรุ่งนี้ต้องมีและเราก็ไปเจอเพื่อนตามนัด ;)
    
    
    
    
  • Oracle

    24 มีนาคม 2548 23:22 น. - comment id 444104

    ถ้าเราอยากเจอเพื่อนพรุ่งนี้ เราจะบอกว่าเพื่อนว่าวันนี้เจอกันนะ หรือเปล่า ? 
    
    ผมตอบเป็นกลอนไม่เก่งเลยขอตอบแบบนี้นะ ;)
    บางทีเราอ่านกลอนอาจจะเข้าใจความหมายผิดไปก็ได้ แบบว่าเราตั้งใจว่าหมายความแบบนี้ แต่คนอ่านกลับเข้าใจอีกแบบ เลยตอบแบบธรรมดานะครับ 
    
    ยินดีที่ได้ร่วมแสดงความเห็นครับ ;)
    
    
  • Oracle

    24 มีนาคม 2548 23:27 น. - comment id 444108

    ถ้าคุณมัทเข้ามาศึกษางานผมก็จะรู้ว่าผมนะดื้อกว่าคุณอีก ลองดูซิ 555555 ;)
    
    
  • sun strom

    27 มีนาคม 2548 21:17 น. - comment id 445289

    ยิ้มให้แล้วนะคะคุณโอรา
    
    
    มัดหมี่ขอบคุณที่มาเม้นท์ให้ 
    จะอย่างไรเราก็เป็นชาวไทโพเอ็มด้วยกัน
    ยินดีที่มีเพื่อนเพิ่มขึ้นค่ะ
    
    ม่ายรู้ดิ มัทคิดว่าตัวเองเป็นคนดื้อแล้วนะคะ
    ยังจะมีคนที่ดื้อกว่ามัทอยู่อีกหรอคะ
    ป๊าว่ามัทเสมอว่าเป็นคนดื้อที่สุดในบรรดาลูก ๆ ค่ะ แต่ป๊าก็รักมัทนะคะ
    
    แล้วคุณโอราหละ จารักมัทป่าวคะ...เหอ ๆ 
    อยากให้เป็นเหมือนป๊านา รู้ป่าว
    
    โป๊ก....มะเหงกลงหัวแล้วค่ะ
    พี่พายุจ๋า มัทล้อคุณโอราเล่นเจ้าค่ะ
    
    
    ขอโทษด้วยที่เข้าใจผิดค่ะ
    ขอบคุณอีกครั้งนะคะ
    
    

thaipoem ที่สุดกลอนดีๆ

thaipoem บ้านกลอนไทยที่ที่สร้างแรงบันดาลใจของทุกๆคน เป็นเพื่อนเมื่อยามเหงา คอยปลอบใจเมื่อยามร้องไห้ ที่ที่อยากให้ทุกๆคนรู้ว่าสิ่งดีๆเกิดขึ้นได้ทุกวัน