ณ เรือกสวนร่มรื่นผืนป่าปก ในร่มรกเรือนไม้ตาข่ายสวรรค์ สุมาลีดอกน้อยลอยสุคันธ์ ณ ใจกลางอรัญญิกาลัย ลมสุดท้ายเหมันต์แห่งวันพระ พรมกระทบผัสสะอันอ่อนไหว กลางมณฑลอรหังภวังค์ไพร ปวงดอกโมกโบกใบอลงกรณ์ เดียวดายอยู่ท่ามกลางรุ่งรางนั้น ในลึกซึ้งวนาวัลย์บรรจถรณ์ ยามต้องลมรวยรินกลิ่นขจร ดั่งนางไม้อุปรากรมาร่อนลอย เขียวแซมเขียวใบโมกริมโตรกธาร แม้นบางคราวอุทยานวนานต์หงอย เจ้าช่อเอยช่อโมกยังโบกคอย ด้วยนิดน้อยขาวกลีบของชีพนี้ ขาวแกมขาวราวเมฆเอกวรุณ นำความสุขสมดุลย์หมุนวิถี ทั้งอารัณย์พันธุ์ไม้สายนที งามอยู่กลางบารมีพุทธคุณ แตกต่อยอดทอดกายเรี่ยสายน้ำ ทุกโมงยามสลัดโศกทุกโลกหมุน เจ้าช่อเอยช่อโมกโบกการุณย์ ดุจซิ่นขาวสไบบุญอุบาสิกา เมื่อใบเดี่ยวออกคู่สู่กิ่งก้าน กุสุมาลย์ไหนเล่าที่เฝ้าหา ในอ้อมกอดเรือนใบคละสายตา แท้พุทธาคละเคล้าเหล่าสาวก ทั้งดอกซ้อนดอกลาบุหงาคว่ำ หอมดื่มด่ำอวลระรื่นอยู่ดื่นดก กลีบมนเรียวขาวพร่างดั่งไข่นก หอมศีลงามอุบาสกเสาวคนธ์ บานคว่ำหน้าลงดินถิ่นสามัญ อยู่ทุกเมื่อเชื่อวันหวังมรรคผล อรัญวาสวิเวกเพียงเขตตน ภาวนาจิตดลบนความจริง วเนจรสู่ป่าเบญจพรรณ สู่มิ่งไม้เถาวัลย์อารัญสิง ปวงโกสุมรายทางต่างประวิง ให้ดำดิ่งสู่ธรรมทุกย่ำเดิน ธรรมชาติมาลีทุกคลี่ดอก ต่างเพียรบอกธรรมจินดาพาจิตเหิน สู่ดินแดนสุรโลกดอกโมกเงิน ไปเพลิดเพลินทิพย์ธรรมอมฤต ณ เรือกสวนร่มไม้ไพรป่าปก เหล่าสาวกพุทธะสละจิต ดอกโมกเอยธรรมธรสอนชีวิต เพื่อสถิตวิมุตติโมกข์โลกนิพพาน --------------------------- เมื่อสิ้นเหมันต์ แล้วย่างเข้าสู่คิมหันตฤดูของฤดูหนึ่ง ข้าพเจ้าได้มีโอกาสท่องไพร เดินทางศึกษาพันธุ์ไม้ พันธุ์พืช สัตว์ป่า และวนอุทยานในประเทศไทย ดอกไม้หนึ่งบานสะพรั่งกลางป่าดงพงพีอรัญญิกาลัย นาม *ดอกโมก* ดอกไม้สีขาวดอกเล็กๆ ที่หอมอ่อนๆ เป็นดอกไม้คล้ายดอกราตรี มะลุลี ฯลฯ ข้าพเจ้าชอบดอกโมก ดอกไม้ดอกนิดที่สามัคคีกันบานสะพรั่ง ส่งกลิ่นหอมไปทั่วร่มไม้ชายน้ำ บางดอกร่วงลงสู่ผิวน้ำ ราวกับชีวิตที่ดำดิ่งสู่ความร่มเย็นแห่งพระนิพพาน หมดเยื่อใยต่อโลกนี้ ดอกโมกบานคว่ำหน้าลงสู่ผืนดิน สื่อพุทธนัยและคติชีวิตอย่างน่าอัศจรรย์ แม้นในวันที่ทุกข์ที่สุด ก็มีความสุขและสงบได้ เมื่อเห็นดอกโมกยิ้มให้แผ่นดิน คนเรานี้ไม่มีอะไรยิ่งใหญ่ไปกว่าการมีชีวิตที่สามัญ และถ่อมตน มองเห็นความสามัญคือสภาวะธรรม ที่ควรพิจารณาอยู่เนื่องๆ เพียรน้อมใจเอื้ออารีย์แก่ผู้ยากไร้และด้อยโอกาส ตามกำลังศรัทธา อ่อนโยนและอ่อนน้อมต่อทุกๆ ธรรมชาติรายรอบตัว ประดุจหนึ่งดอกโมกดอกไม้ป่าสามัญ ที่มีค่าน้อยนิด แต่อยู่อย่างอ้อนน้อมถ่อมตน บานแย้มคว่ำหน้าสู่ผืนดิน มีเสน่ห์ชุบชูกำลังใจแก่นักเดินทางไกล แล้วร่วงโรยจากไปโพ้น..เบื้องแดนวิมุตติโมกข์
12 กุมภาพันธ์ 2548 18:58 น. - comment id 424588
++ ดอกโมกข์ หอมเฉพาะกลางคืนเหรอคะ เหมือนดอกราตรี กับดอกแก้วหรือเปล่าคะ ++
12 กุมภาพันธ์ 2548 19:15 น. - comment id 424594
ดอกโมกข์..เป็นดอกไม้ไทยที่ชอบมากที่สุด สีขาว..ทำให้รู้สึกสบายตา กลิ่นหอมอ่อนอ่อน..ได้กลิ่นแล้วรู้สึกสบายใจ ................................................................... เขียนงานได้ดีสม่ำเสมอ.. เอ..!!! ดีขึ้นเรื่อย ๆ ดีกว่า.. ชอบอ่านงานแนวนี้มาก..สบายใจดีจัง ...................................................................
12 กุมภาพันธ์ 2548 22:01 น. - comment id 424613
เยี่ยมจริงๆ อย่างยิ่งยง ดุจกวีผู้เงียบนิ่งคงนิ่มนวล....
13 กุมภาพันธ์ 2548 00:03 น. - comment id 424632
โมก..นัยนี้วิมุตติแห่งชีวิต ไม่ยึดติดวิจิกิจฉา ขาวดั่งเทียนเรียนชี้ธรรมมีมา ไตรลักษณ์พึงรักษาสติตน...
13 กุมภาพันธ์ 2548 00:41 น. - comment id 424642
งามมากครับงามด้วยธรรมและธรรมชาติ อุดมด้วยปรัชญาแห่งชีวิต น่าภาคภูมิใจสมเป็นยอดกวีชายแห่งยุคครับ แก้วประเสริฐ.
13 กุมภาพันธ์ 2548 01:52 น. - comment id 424650
-- ณ เรือนร่มกวีที่ชมศิลป์ ศิลปินผู้ฝากร่างให้ลงฝัง ริมสายน้ำงามไหลในวนวัง ลำน้ำน่านนั้นดั่งที่ฝังกาย-- พี่เขียนงานได้ละเมียดละไมครับ
13 กุมภาพันธ์ 2548 03:25 น. - comment id 424656
เห็นด้วยกับคุณ แก้วประเสริฐ ครับ ด้วยความนับถือครับผม ;)
13 กุมภาพันธ์ 2548 10:16 น. - comment id 424693
ที่บ้าน...แม่ปลูกใส่กระถางไว้ เวลาถึงฤดูออกดอก จะส่งกลิ่นหอมอ่อนๆ ชื่นใจ...สบายใจดีจังค่ะ เคยสงสัยสัยว่าทำไมไม่เห็นมีใครนำดอกโมกตากแห้งทำเครื่องหอม เหมือน...กระดังงา มะลิ กุหลาบ... ก็เลยลองเก็บเอามาลองตากแห้งดู ปรากฏว่ากลิ่นแปลกๆ ไป ประทับใจกับผลงานของคุณลำน้ำน่าน...ในทุกๆ บทนะคะ... ...................................................................................................... ลี่...ผู้มาเยือน .
13 กุมภาพันธ์ 2548 10:29 น. - comment id 424696
บุปผชาติสะอาดงามยามสวยสด ขาวหมดจดกลีบดอกขาวราวภาพฝัน ลมรำเพยแผ่วผ่านม่านแสงจันทร์ หอบกลิ่นหอมมากำนัลแก่คนไกล ดำเนินผ่านม่านแสงดาวพราวระยับ ฤดีจับจินตนาการผ่านฟ้าใส คะนึงกลิ่นแก้วผกามาสู่ใจ คุณความดีหอมละไมทวนสายลม แม้นดอกร่วงพวงกลุ่มสุมสู่พื้น ยังดาษดื่นดอกงามตามสะสม อยู่ในจิตอนุพุทธหยุดหมองตรม ได้ชื่นชมมาลาอริยะ ในความงดงามล้วนมีความสามัญ คือสามัญลักษณะ..ให้รับรู้เมื่อร่วงโรย และสงบใจเมื่อได้ความจริง.. สวัสดีค่ะบุรุษแห่งสายน้ำ
13 กุมภาพันธ์ 2548 12:31 น. - comment id 424731
หอมกลิ่นดอกโมก นอนหนุนตักแม่ หลับไป
13 กุมภาพันธ์ 2548 13:11 น. - comment id 424744
อื้ม . . . หวนคิดถึง ป้า แล้วสิเรา ซา หวัด ดี ครับ มาทักทายกันอ่ะครับ
13 กุมภาพันธ์ 2548 14:43 น. - comment id 424774
งดงามในภาษามากๆเลยค่ะ อยากแต่งได้สักติ๊ดหนึ่งของคุณก็ยังดี ขอบคุณมากค่ะ
13 กุมภาพันธ์ 2548 16:01 น. - comment id 424806
สวยงามทั้งภาพ..และลีลากลอนค่ะ..ชอบดอกไม้ที่มีสีขาวมากค่ะ....โดยเฉพาะ...ดอกโมก..กลิ่นหอมอ่อนๆ..ประทับใจมากค่ะ... แวะมาเยี่ยมนะคะ... .
13 กุมภาพันธ์ 2548 17:51 น. - comment id 424853
..เรน ขออนุญาต .. พี่นิว ..ก๊อปไปอ่าน ..ในไดฯ.. ของเรนนะคะ .. ยังคงเป็น พี่ชาย ที่เขียนงาน ได้อ่อนโยน.. และงดงาม .. ในความรู้สึกของเรน ..
13 กุมภาพันธ์ 2548 18:11 น. - comment id 424865
ชอบดอกโมกเหมือนกันค่ะ ดอกน้อยๆแต่รวมกันเข้า ก็หอมได้ไกลนะคะ ขอยืมบทกลอนที่ชอบมาแจมด้วยนะคะ แต่จำไม่ได้ว่าใครเป็นคนแต่งนะคะ โมกช่อนิดใบดกปกดอกซ่อน ยังขจรกลิ่นกล่อมหอมหนักหนา เปรียบผู้น้อยประพฤติดีมีวิชา ย่อมโสภากิตติคุณกรุ่นนิรันดร์
13 กุมภาพันธ์ 2548 19:10 น. - comment id 424885
เพิ่งกลับมาครับ งานงามนะครับ ผมก้มองแล้วสบายตาดีนะ เพราะว่า ไม่รู้จักเหมือนกันนะ ดอกไม้ แต่เคยได้ยินชื่อครับ
13 กุมภาพันธ์ 2548 19:50 น. - comment id 424897
โมกสีขาวที่ลานบ้านยามเช้า หอมคละเคล้าไอละอองของแดดอุ่น เอาถวายบริสุทธิ์พุทธคุณ ดับว้าวุ่นก้มกราบพระระลึกเตือน ให้เข้าถึงธรรมธรรมชาติ ให้แต้มวาดเติมใจ...ไม่คลาดเคลื่อน สอาด สว่าง...สงบ...ครบ..ไม่เลือน มาเยี่ยมเยือนเรือนธรรม...นำบูชา
14 กุมภาพันธ์ 2548 17:23 น. - comment id 425393
ดอกไม้นี้ทั้งสวยทั้งหอมเลยนะครับ
15 กุมภาพันธ์ 2548 14:14 น. - comment id 425788
ชอบมากเลยค่ะ ดอกไม้ธรรมชาติ กลอนก็เพราะมาก อ่านแล้วอิ่มเอมจริง ๆ @^_^@
15 กุมภาพันธ์ 2548 20:03 น. - comment id 426000
กลอนไพเราะมากๆๆๆๆๆเลยค่ะ ชื่นชมในผลงานเสมอค่ะ
19 กุมภาพันธ์ 2548 13:16 น. - comment id 427871
๐จรุงกลิ่นบวงบาศเบื้อง.......................ศาสน์บรรพ์ อุทิศกายรูปพรรณ...............................พฤกษ์พร้อย แด่องค์ปฎิมาสรรค์...............................สรวงโลก ผู้ซึ่งละเกลสร้อย...................................สู่ห้วงมไหยสวรรค์ ฯ สวัสดีค่ะ คุณลำน้ำน่าน กลอนไพเราะมากค่ะ
22 กุมภาพันธ์ 2548 13:00 น. - comment id 429323
http://thaipoem.com/web/poemdata/poemdata_37744.php