เส้นทางไกลทอดยาวยามหนาวล่วง กลางริ้วรวงข้าวหลงจากดงไสว ตื่นมารับอมฤตรสหยาดหยดไพร กลางกลิ่นอายแดดใหม่ในรุ่งราง เป็นแดดอ่อนเหลืองอุ่นเคล้ากรุ่นหอม พร้อมกลิ่นอายพะยอมยามฟ้าสาง จากพลบค่ำบานพรายรายริมทาง สู่ดื่นดึกอ้างว้างกลางคืนคราว ได้ยินไหมเสียงเพรียกสำเหนียกนก ยามโผผกคืนคอนตอนสิ้นหนาว นอนละเมอสิ้นหวังกลางค่ำยาว จนรุ่งเช้าแดดอ่อนย้อมเรือนรัง จึงจรสู่เส้นทางระหว่างเนิน มาเพลิดเพลินรวงข้าวหลงไร้กรงขัง ที่ชูช่อล้อลมตรมตอซัง จนระฆังดังแว่วจากแนววัด แล้วแตกพรูหรู่ตรงสู่ดงโบสถ์ อันสันโดษเก่าคร่ำลำไผ่ดัด เพียงเสียงสวดแว่วเปรยลมโบยพัด สงบสงัดงดงามนิยามธรรม ข้าวก้นบาตรจึงหว่านไหวลงในดิน ต่างจิกกินเศษบุญอุ่นอิ่มหนำ อิ่มพระพุทธอิ่มสุขทุกกลืนคำ อิ่มลึกล้ำลำนำแผ่เมตตา ทุกชีวิตสามัญของวันนี้ คือเสรีเส้นทางต่างค้นหา เพื่อไปสู่อิสระแห่งวิญญาญ์ สู่ปรมัตถ์สัจจาพระนิพพาน ชีวิตน้อยหมุนเวียนรอยเกวียนกง ต่างจบลงกรงกลัดวัฏสงสาร แม้นไม่พ่ายสิ่งใดในดงมาร หากต้องแพ้สังขารอนิจจัง เมื่อแดดใหม่ทอแสงสู่แหล่งหล้า เถิดนกกาหากินอย่าสิ้นหวัง หากทุกอย่างสิ้นไปไม่จีรัง เพียงรับฟังธรรมะจากพระพุทธ เห็นไหมนั่นเส้นทางกลางท้องนา เมื่อบุปผาบานแต้มแย้มสายหยุด คือวิถีอันงดงามความวิมุตติ กลางประทุษสังคมนิยมเมือง ความหมายใดจะยิ่งใหญ่ไปกว่านี้ ยามสะแบงบานคลี่ในฟ้าเหลือง ประสานเสียงสกุณาฟ้ารองเรือง สุขนองเนืองสถิตอยู่มิรู้ร้าง เส้นทางไกลทอดยาวหนาวล่วงแล้ว อาทิตย์แก้วทออาบทาบแดนสาง ออกเดินสู่ทุ่งนาทองหมองหมอกพราง ตราบสุดทางแสนไกลเวไนยนา ------------------------------------ สายลมหนาวแห่งเหมันต์เริ่มจรจางจากแผ่นดินถิ่นนาแล้ว กาลฤดูยังคงหมุนเวียนและทำหน้าที่อย่างมิรู้เหน็ดเหนื่อย พร้อมๆ กับต้นสะแบงหลวงต้นใหญ่เริ่มทิ้งใบลงลาเลือน บ่งสัญญาญของสายลมแล้งกำลังจะมาเยือนในไม่ช้านี้ แม้นจะหนาวๆ อยู่บ้างในยามอุษาฟ้าสาง... กลางวัดป่าดงดอนในท้องนาอุษาตำบลหนึ่งในแผ่นดินสยาม ข้าพเจ้าดื่มด่ำกับความงดงามแห่งธรรมชาติ เสียงวิหคป่า และแดดใหม่ เพียรให้นึกไปถึงเส้นทางสายหนึ่ง ที่ทอดตัวสู่ท้องทุ่งทองของชาวนา เป็นเส้นทางสายดอกพะยอมและสะแบงหลวง เส้นทางสายลอมฟืนตอซัง ที่ข้าพเจ้าชอบนักชอบหนาในวีถีความงดงามสามัญเช่นนี้ หมู่มวลวิหคบินผกมาแต่รังนอน ทุกฉากภาพแปรไปตามวิถีธรรมชาติ เสียงระฆังกังสดาลดังเหง่งหง่างมาจากวัดเก่าคร่ำ โบสถ์ทำด้วยไม้ไผ่นา ข้าพเจ้าคิดว่าทุกเวทีชีวิตนี้มีเส้นทางที่ถูกลิขิตไว้แล้วจากพระพุทธ เกิดขึ้นมา ดำรงชีวิตอยู่ แล้วก็มีมรณาเป็นที่สิ้นสุด และคิดลึกเลยไปว่า ในหมู่นักปฏิบัติธรรมแล้วต่างตระหนักกันดีว่า วัฏสงสารนี้น่ากลัวเพียงใด เขาเหล่านั้นจึงเพียรเดินไปสู่ความวิมุตติ ตามทางที่พระบวรพุทธศาสดาได้แสดงไว้แล้ว... ไม่ปรารถนาการเกิดในภูมิใดภูมิหนึ่งอีกต่อไป เป็นการเดินทางไกลในเส้นทางสายท้าทาย ทว่าจุดหมายนั้นงามนัก เริ่มย่างเข้าสู่ฤดูใหม่แล้ว วันเวลาไม่เคยหยุดนิ่ง หวังให้ทุกดวงใจตระหนักในความไม่กลับคืนแห่งเวลา และเพียรพยายามใช้เวลาให้คุ้มค่า มีสติ ปัญญา และระลึกรู้ถึงสัจจะชีวิต มีชีวิตที่งดงามอยู่ทางกลางวงล้อมแห่งพุทธะธรรมทั้งปวง
30 มกราคม 2548 16:00 น. - comment id 417030
บ่งบอก ถึงท้องนาและรสพระธรรมดีครับ หายไปนาน งานงามมากครับ ขอชม ภาษาจรรโลงใจดี
30 มกราคม 2548 16:30 น. - comment id 417049
ปล่อยหัวใจเดินทางไกลไปกับเนื้อความ การเป็นคนดีนั้นถึงจะยาก แต่ก็มีความสุขใจมิใช่น้อย ^-^
30 มกราคม 2548 16:34 น. - comment id 417057
เป็นแดดอ่อนเหลืองอุ่นเคล้ากรุ่นหอม พร้อมกลิ่นอายพะยอมยามฟ้าสาง จากพลบค่ำบานพรายรายริมทาง สู่ดื่นดึกอ้างว้างกลางคืนคราว ชอบบทนี้มากนะคะ... .................................................................................................. ลี่...ผู้มาเยือน .
30 มกราคม 2548 16:41 น. - comment id 417064
ยังคงความงดงามเสมอครับ แวะมาเป็นกำลังใจกันครับ
30 มกราคม 2548 17:20 น. - comment id 417081
อ่านบทกลอนของลำน้ำน่านทีไร ผมมักจะคล้อยตามและจินตนการไปด้วยเสมอๆ มันบรรยายไม่ถูกขอรับ รู้แต่ว่าชื่นชมและชอบบทกลอนของคุณเสมอ สวัสดียามเย็นนะขอรับ : )
30 มกราคม 2548 17:39 น. - comment id 417089
ประทับใจ..ในทุกบทกลอน..ของลำน้ำน่าน..ที่ร้อยเรียงได้อย่างไพเราะ..โดยเฉพาะธรรมชาติ...แห่งท้องไร่ท้องนา..มองเห็นภาพได้อย่างชัดเจน...ชื่นชมมากค่ะ.. ...หายไปไหนนานจัง...สบายดีมั้ยคะ..คิดถึงค่ะ...
30 มกราคม 2548 19:39 น. - comment id 417124
งดงามมากครับ คิดถึงเพื่อนสมาชิกทุกๆคน
30 มกราคม 2548 19:46 น. - comment id 417129
สาธุ ขอข้าวก้นบาตรให้เมกด้วยนะครับ ฮิๆๆ เมื่อตอนที่เมกเป็นเด็ก ข้าวก้นบาตร คืออาหารที่เมกโปรดที่ซู๊ด.ดดด คริๆๆ +-*-+ +-*-+-*- ปู๊ชายอารมดี๊ดี -*-+-*-+ +-*-+
30 มกราคม 2548 20:07 น. - comment id 417149
...ระบำใบไม้เรี่ยลงตรงรายทาง เมื่อรุ่งรางเริ่มทอแสงแห่งแดดฉาย สีเหลืองอ่อนทอดยอดอย่างพริ้มพราย พรมกลิ่นอายอบอุ่นอวลกรุ่นไพร ร่ายลำนำลำน้ำน่านขานกลอนขับ ให้สดับรสกลอนอันอ่อนไหว ฑีฆรัสสะบัดหวานละมุนละไม สะกดใจคนอ่านครั้นผ่านเยือน...
30 มกราคม 2548 20:11 น. - comment id 417155
เยือนวิมานไพรอีกครั้ง งดงามเช่นเดิมครับ ...แวะยาตราเยือนสถานวิมานวนา กรุ่นพฤกษาพริ้มพรายเริ่มไหวอ่อน เยี่ยงเยือนทิพย์นิเวศน์สถานวิมานอมร ชวนสัญจรสราญจิตภิรมย์ใจ ลำน้ำน่านขานกลอนมากล่าวขับ ได้สดับให้พะวงพาหลงไหล พจน์ไพเราะเสนาะยิ่งกว่าสิ่งใด ชวนคลั่งใคล้เคลิ้บเคลิ้มเสริมสุนทรีย์ ลำนำประภัทร์ตวัดวาดวิลาศอักษร ราวอัมพรผ่องสกาวด้วยพราวสี ร่ายลีลาอรรถรสบทกวี ราวดนตรีจากแดนสรวงร่วงสู่ดิน ผันอักษรราววิหคโผผกผัน สืบสีสันกานท์กลอนอักษรศิลป์ แม้นนราทั่วสากลได้ยลยิล ต่างเปรมปรีดิ์มิสิ้นสืบวิญญาณ ส่งสัมผัสขักขระแต่ละวรรค เล่นรูปลักษญณ์รื่นรมย์ผสมผสาน ราวสายลมโลมไล้ดอกไม้บาน ให้หอมนานเนาสถิตนิจนิรันดร์...
30 มกราคม 2548 20:15 น. - comment id 417163
แวะมาอ่าน งานงาม ๆ สวยมากค่ะ ..................
30 มกราคม 2548 20:31 น. - comment id 417188
ลมหนาว..ใกล้จร..ลาจาก ลมพราก..ฤดู..เปลี่ยนผัน ลมร้อน..คงมา..แทนกัน ลมนั้น..ยังอยู่..คู่กาล ....................................... .......................................
30 มกราคม 2548 20:48 น. - comment id 417203
อืม ความหมายดีจัง อิ อิ...
30 มกราคม 2548 21:01 น. - comment id 417216
งามนักทุกลีลาคะ
30 มกราคม 2548 22:08 น. - comment id 417277
สะแบงคืออะไรค่ะพี่นิว ..........คิดถึงค่ะ
30 มกราคม 2548 22:14 น. - comment id 417285
เมื่อบุปผาบานแย้มแต้มฟ้าใส ก็ทำให้โลกเราเฝ้าสุขสันต์ ยิ่งกว่านั้นในชีวีทุกวี่วัน เพียงแต่เรายิ้มให้กันก็สุขใจ *-*แต่งได้ดีมากๆๆๆๆๆๆๆเลยค่ะ ชื่นชมในผลงานเสมอนะค่ะ*-*
30 มกราคม 2548 22:16 น. - comment id 417288
งดงามทั้งกลอนลำน้ำน่าน และคำชื่นชมของหมึกมรกต
30 มกราคม 2548 22:50 น. - comment id 417313
เส้นทางทอดยาวก้าวไกล สองขาก้าวไป สู่ทุ่งท้องธารบ้านนา รวงข้าวเหลืองทองทาบทา ฟ้าเป็นสีฟ้า นกร้องขับขานเพลงไพร เข้า-ออกจังหวะหายใจ ด้วยความสดใส ธรรมชาติวาดแต่งแต้มเติม ปล่อยวางใจบ้างสร้างเสริม ธรรมะแต้มเจิม กิเลสละลดปลดวาง รู้เห็นเป็นใจในทาง ใจโล่งใจว่าง นิ่งพักรักษาอารมณ์ หยุดพักเพื่อใจได้ชม ความงามพร่างพรม สุขอยู่ในห้วงแห่งใจ เส้นทางทอดยาวก้าวไกล สุขหรือทุกข์ใด เลือกได้ด้วยจิตแห่งตน เส้นทางผ่านหนาวผ่านคน ผ่านร้อนผ่านฝน ผ่านได้ด้วยใจแห่งธรรม ชอบค่ะ ขอวางกาพย์ฉบังด้วยนะคะ
30 มกราคม 2548 23:17 น. - comment id 417328
ยอดกวีชายคนนี้ช่างขีดเขียนอะไรก็งดงามเสมอครับ แก้วประเสริฐ.
31 มกราคม 2548 00:24 น. - comment id 417378
ผืนแผ่นนารอยผ้ากาสาวพัสตร์ เรียงรายจัดตามจำเป็นในภูษา มิต่างกันในรอยแห่งชีวา อุดช่องทางตัณหาจักเสรี สวัสดีค่ะบุรุษแห่งสายน้ำ บทกวีธรรมที่ดำเนินไปพร้อมกับธรรมชาติของเส้นทาง และความต้องการในชีวิต..งดงามและให้ความรู้สึกที่ดีมากมาย
31 มกราคม 2548 04:32 น. - comment id 417417
เป็นธรรมชาติ ที่สวยงามทีเดียวค่ะ
31 มกราคม 2548 06:45 น. - comment id 417431
เป็นทุ่งรวงทองที่งดงามตระการตามากครับ สิ่งที่อยู่ใกล้ตัวให้แง่คิดต่อเราได้เป็นอย่างดี สำคัญว่าเราจะมองลึกซึ้งแค่ไหน
31 มกราคม 2548 10:17 น. - comment id 417492
^_^
31 มกราคม 2548 12:56 น. - comment id 417584
มาอ่านบกกวีที่แสนจะมีความหมาย จากชายคนนี้มีชื่อลำน้ำน่าน ต่อให้นานแสนนาน..บทกวีที่มีผ่าน จะยังคงยึดมั่น..ธรรม...ชาติ...ฝันนั้นตลอดไป มาอ่านบทกวี่ที่แสนจะมีความหมายจากคุณ ลำน้ำน่านค่ะ.......ไพเพราะเช่นเดิมเลยค่ะ......
31 มกราคม 2548 13:47 น. - comment id 417626
แม่จิตร ขอบคุณครับที่แวะมาอ่านงานเขียน จริงๆ แล้วผมก้เขียนไปตามประสบการณ์หน่ะครับ ก็หนีเรื่องยามเช้าและท้องนาไม่พ้นสักที เพราะชอบบรรยากาศเวลาเช้าๆ มากครับ Extream life ขอบคุณมากครับที่แวะเข้ามาให้กำลังใจ ผมดีใจมากครับที่ คุณเดินทางไกลไปกับเนื้อความ ลี่..ชวนมาเยือน ขอบคุณครับที่ติดตามอ่านมาตลอด แต่ละบทของการเขียนงานไม่ว่าจะเป็นนักเขียนคนไหนนะครับ มักจะมีวรรคทองเสมอ เป็นวรรคที่เพราะที่สุด อย่างเช่นงานคุณก็มีเหมือนกันนะครับ งานล่าสุดที่เขียนเกี่ยวกับการร้อยมาลัยนี่ อ่านแล้วเข้าใจง่ายมากครับ ผลิใบสู่วัยกล้า ขอบคุณมากครับ ผลิใบเข้ามาอ่านงานกันเสมอ เป็นเก่าที่รู้จักกันมาตั้งนานแล้วครับ อบอุ่นใจมากครับ เมจิคเชี่ยน ต้องบอกว่าเป็นแฟนพันธุ์แท้ของงานเขียนก็ได้นะครับ เพราะทุกครั้งที่ผมลงงาน จะมีกำลังใจจากเมจิคเชี่ยนเสมอมาครับ ก็เป็นมิตรเก่าที่รู้จักกันมาในบ้านเรือนไทยนานแสนนานอีกคนหนึ่ง ทั้งๆ ขอบคุณครับที่ชอบและติดตามงานมาตลอด ราชิกา ขอบคุณในความประทับใจที่ให้กันนะครับ ผมเขียนงานก็เหมือนวนๆ ซ้ำๆ ในบางครั้งเพราะใจจดอยู่กับเรื่องแบบนี้ แต่ก็ดีใจครับที่เพื่อนๆ ชอบและประทับใจ อาจจะห่างหายไปบ้าง แต่ก็จะไม่ทิ้งงานเขียนนะครับ มาโนช ขอบคุณครับที่แวะเข้ามาทักทาย และให้กำลังใจครับ เมกกะ ขอบคุณครับ ที่แวะมาอ่านงาน ข้าวก้นบาตร เขาบอกว่าสามารถเลี้ยงเด็กวัดให้ได้ดิบได้ดีเลยนะครับ แต่ผมก็ไม่เคยกินเหมือนกัน ไม่รู้ว่าจะอร่อยกว่าข้าวธรรมดาหรือเปล่านะครับ น้องดอย หมึกมรกต ต้องบอกว่าขอบคุณมากๆ นะครับสำหรับคำชมเชยและบทกลอนที่เขียนตอบไว้ งามมากทีเดียวครับ นานๆ จะได้เจอและเข้ามาสักที เห็นสบายดีอยู่ก็ไม่เป็นครับ ยังไงก็อย่าลืมเขียนงานมาให้อ่านกันบ้างนะครับ เห็นมีแต่ออกข้อสอบ ดาหลา & ปะการัง ขอบคุณมากครับที่แวะเข้ามาอ่านและให้กำลังใจกันบ่อยๆ และเสมอๆ ครบั Magic ขอบคุณเช่นเดียวกันครับที่แวะเข้ามาอ่านและให้กำลังใจหลายคราเลยครับ ลอยไปในสายลม ขอบคุณครับ ทิกิ ขอบคุณครับ ลีลาธรรมชาติย่อมงดงามเสมอครับ งดงามอยู่ในตัวของมันเองครับ ใจปลายทาง ต้นสะแบงเป็นไม้ยืนต้นขนาดใหญ่ครับ เกิดในป่าเต็งรัง ชอบผลัดใบในเวลาฤดูร้อนมาเยือน ส่วนมากทางภาคอีสานมีเยอะครับ เคยอ่านเจอในงาของคุณลาว คำหอม ด้วยครับ ผู้หญิงไร้เงา ขอบคุณมากครับที่แวะเข้ามาให้กำลังใจกันเสมอ ขอบคุณจริงๆ ครับ ฤกษ์ ชัยพฤกษ์ ขอบคุณในน้ำใจนะครับ สองปีกว่าๆ แล้วที่เป็นมิ่งมิตรติดตามอ่านงานกันมาตลอด ผมขอบคุณนะครับที่ให้เกียรติเก็บงานไว้หลายชิ้นมากครับ มารแมงมุม กาพย์งามๆ ที่ยกมาแปะไว้ ยิ่งทำให้รู้สึกว่า นักเขียนนี้มีพรสวรรค์ชั้นเลิศทีเดียวครับ ขอบคุณมากครับที่แวะเข้ามาให้กำลังใจ เพื่อนแก้ว ขอบคุณสำหรับมิตรไมตรีและน้ำใจ และคำชมเชยที่ดีดีๆ เสมอนะครับ พี่ดอกแก้ว งามใดจะเท่างามธรรมะ และธรรมชาติครับ ผมว่าอันนี้พี่ดอกแก้วก็คงจะตระหนักดีอยู่ ขอบคุณมากนะครับที่แวะเข้ามาให้กำลังใจกันเสมอๆ ภาวิดา ขอบคุณมากครับ พี่ชัยชนะ ขอบคุณนะครับพี่ชัยนะครับที่เข้ามาติดตามอ่าน ไว้มีโอกาสไปอุบลอีกครั้งคงจะแวะได้หา หรือว่าได้เจอกันแล้วก็ไม่ทราบนะครับ แก้วนีดา ขอบคุณสำหรับคำชมเชยและกำลังใจที่ให้กันนะครับ พยายามจะเขียนงานต่อไปตราบเท่าที่มีแรงนะครับ
31 มกราคม 2548 15:03 น. - comment id 417688
-*ผ่านหน้าหนาวผ่าวร้อนระแหงผิว กร้านบากริ้วรอยหนาวยังฝากฝัง มิลบเลือนเหมือนอยู่คู่ประดัง ประดับดั่งรอยลำเค็ญให้เห็นจำ-*