ใครโง่กว่าใคร
หิ่งห้อย
***ผ่านทุ่งนาป่ากว้างหนทางเปลี่ยว
เดินคนเดียวแรมรอนนอนพักบ้าง
วันต่อวันมั่นหมายสู่ปลายทาง
เดินเหยียบย่างทางคดหมดเรี่ยวแรง
***ทุ่งกุลาอากาศร้อนตอนยามสาย
ตกตอนบ่ายสุริยันพลันอ่อนแสง
นภาผ่องมองรอบขอบฟ้าแดง
กลิ่นหญ้าแห้งหอมโหยโชยเฉื่อยเย็น
***ตามเส้นทางที่ผ่านบ้านน้อยใหญ่
สังเกตได้วัวควายไม่ค่อยเห็น
ถามชาวนาเขาว่าไม่จำเป็น
ภาพที่เห็นเป็นทุ่งหญ้าน่าเสียดาย
***ลืมกันได้วัวควายหายไปไหน
สบสมัยไถคราดมิขาดหาย
อันงานชิ้นดินโคลนโยนให้ควาย
มีข้าวขายได้กำไรไม่ขาดทุน
***อันควายตัววัวด้วยช่วยปลดหนี้
แต่บัดนี้หนีเดิมเขาเติมศูนย์
พากันบ่นต้นดอกยิ่งพอกพูน
การเกื้อกูลกสิกรรมตกต่ำลง
***วัวก็หายควายหมดเริ่มอดอยาก
จึงขอฝากชาวนาอย่าลุ่มหลง
สำนึกเก่าเอามาฝากจากคนดง
ด้วยประสงค์สืบสานโบราณไทย
***มองทุ่งกว้างยามเย็นเห็นภาพเก่า
บ้านนาเราโบราณนั้นจำได้
ยามเย็นเย็นเช่นนี้มีวัวควาย
เดินกรีดกรายชายทุ่งอิ่มพุงกาง
***แต่ภาพนั้นวันนี้ไม่มีแล้ว
เหลือเพียงแนวคันนาขอบฟ้ากว้าง
แสนเสียดายหญ้าปล้องและกองฟาง
ถูกทิ้งขว้างไร้ค่าน่าเสียดาย
***คำว่าโง่เหมือนควายใครโง่แน่
นึกจะแก้อย่างไรแก้ไม่ได้
ควายนั้นโง่เหลือทนคนหรือควาย
ใครตอบได้หายข้องใจให้รางวัล