ชนบทแสนงามความทรงจำ หลังฤดูหว่านดำคร่ำคราดไถ คือเส้นทางผู้คนตำบลไกล ผู้อุทิศดวงใจให้ผืนนา สืบชีวิตสามัญวันวัยรุ่ง เจิมจรุงยามเช้าหนาวพฤกษา หยาดน้ำค้างพร่างพร้อยย้อยคบคา หยดลงมาเย็นสงบกระทบใจ หอมมิหน่ายอายดินกระถินป่า ลอยลมมาปรุงทุ่งคุ้งไสว หอมข้าวปลาไอละอองท้องถิ่นไท มิลำบากยากไร้จนพ่ายพัง กระจาบทุ่งจากจรขอนคบเก่า ทิ้งลูกเต้าเกิดใหม่ไว้เบื้องหลัง โผไปเป็นนกหลวงลืมรวงรัง ลืมเสียงสั่งฟางหอมกระท่อมทับ ดนตรีไพรวงเก่าร้าวบรรเลง เป็นบทเพลงเรียกนกโผผกกลับ แดดอบอุ่นบอบบางสว่างวับ ฟ้าระยับทอทองในคลองตา รอสิบห้าขึ้นค่ำวันพระพุทธ เทียนทองจุดจันทร์กระจ่างกลางพรรษา สิ้นคืนหนาวนานนิจอวิชชา ตื่นมาหุงข้าวปลาหาทำกิน ข้าวแก่นจันทร์หุงหอมพร้อมใส่บาตร จิตสะอาดธรรมชาตินิวาสศิลป์ บุญมณฑลรวงข้าวแหละดาวดิน เลี้ยงชีวินมวลมนุษย์ทุกยุคไป ผ้าซิ่นสวยผืนใดให้หนาวคลาย เท่าผ้าผวยพรรลายฝ้ายทอใหม่ ทอด้วยหยาดเหงื่ออุ่นละมุนละไม ยามสาวนาซับไหล่ในรุ่งนี้ อีกไม่นานทุ่งทางสว่างแจ้ง ปิ่นโตแกงห่อข้าวดาวเรืองสี จักถวายสงฆ์แสดงแหล่งความดี กลางวารีเรือล่องคลองบัวบาง ชนบทปลุกตื่นคืนสมดุล ปลุกมาหมุนวิถีทุ่งเมื่อรุ่งสาง ปลุกชีวิตชีพจรอันอ่อนบาง ผู้หลงหลับเลยร้างหนทางไทย แว่วไก่แก้วขันรับหรีดหริ่งพฤกษ์ จากดื่นดึกรุ่งแล้วแนวพงไผ่ กังสดาลหวานหวังวังเวงไป กล่อมชีวาป่าไพรให้งดงาม ชนบทบึงบางกลางพรรษา ทุกทิวาราตรีนี้ไต่ถาม ทุกเหมันต์แอกไถไร่นาทาม คือนิยามแสนสามัญตราบวันนี้ -------------------------------- ทุกฤดูกาลชีวิตที่ว่ายเวียนอยู่มิรู้เหน็ดเหนื่อย หลังฤดูเก็บเกี่ยวรวงข้าว ตะแบกแหละคูนพากันบานพราว ให้แสนจะคิดถึงชนบทที่เคยพาใจไปพัก กับบึงบัวบานสะพรั่งและกองฟืนลอมฟางซีดเซียว สะแบงหลวงต้นใหญ่ทิ้งใบลงลาเลือนยามอาทิตย์อัสดง ท่ามยากไร้และแล้งแห่งคิมหันต์ ธรรมชาติเปลี่ยนสี หากสุดแสนจะงดงามยินดีในความรู้สึกสามัญ... และดำรงไว้ซึ่งคุณค่าแห่งธรรมที่ไม่ปรุงแต่ง แหละในวันนี้ที่พบว่า... ท้องถิ่นชนบทกำลังรอให้จิตวิญญาณที่แสนจะอ่อนล้า ได้ชุบชื่นและมีพลังหวังอีกครั้ง แค่เปิดใจให้เห็นงาม ลำน้ำน่าน บุรุษแห่งสายน้ำนิรันรด์ กับวันที่ชนบทเรียกหา 6 เมษายน 2552
2 ธันวาคม 2547 00:14 น. - comment id 382154
http://thaipoem.com/web/songshow.php?id=6189 ใกล้รุ่ง เพลงพระราชนิพนธ์ : : Key E ได้ยินเสียงแว่วดังแผ่วมาแต่ ไกล ไกล ชุ่มชื่นฤทัย หวานใดจะปาน ฟังเสียงบรรเลง ขับเพลงประสาน จากทิพย์วิมาน ประทานกล่อมใจ ใกล้ยามเมื่อแสง ทอง ส่อง ฉันคอยมองจ้อง ฟ้าเรืองรำไร ลมโบกโบยมา หนาว ใจ รอช้าเพียงไร ตะวันจะมา เพลิดเพลินฤทัย ฟังไก่ประสานเสียงกัน ดอกมะลิวัลย์ อวลกลิ่นระคนมณฑา โอ้ในยามนี้ เพลิน หนักหนา แสงทองนวลผ่องนภา แสนเพลินอุราสำราญ หมู่มวลวิหคบินผกมาแต่ รัง นอน เข้าเชยชิดช้อน ลิ้มชมบัวบาน ยินเสียงบรรเลง ดังเพลงขับขาน สอดคล้องกังวาน ซาบซ่านจับใจ ใกล้ยามเมื่อแสง ทอง ส่อง ฉันคอยมองจ้อง ฟ้าเรืองรำไร ลมโบกโบยมา หนาว ใจ รอช้าเพียงไร ตะวันจะมา เพลิดเพลินฤทัย ฟังไก่ประสานเสียงกัน ดอกมะลิวัลย์ อวลกลิ่นระคนมณฑา โอ้ในยามนี้ เพลิน หนักหนา แสงทองนวลผ่องนภา แสนเพลินอุราสำราญ หมู่มวลวิหคบินผกมาแต่ รัง นอน เข้าเชยชิดช้อน ลิ้มชมบัวบาน ยินเสียงบรรเลง ดังเพลงขับขาน สอดคล้องกังวาน ซาบซ่านจับใจ...
2 ธันวาคม 2547 00:16 น. - comment id 382155
ผ้าซิ่นสวยผืนใดให้หนาวคลาย เท่าผ้าผวยผืนลายด้ายทอใหม่ ทอด้วยหยาดเหงื่ออุ่นละมุนละไม ยามสาวนาซับไหล่ในรุ่งนี้ วรรคทอง งามระยับจิตวิญญาณภายในสาวนานาทีนี้จ๊ะ
2 ธันวาคม 2547 00:23 น. - comment id 382156
ภาพสวยยยยยยยยยยยยมาถูก.............ใจ
2 ธันวาคม 2547 00:32 น. - comment id 382157
ด้วยน้ำตาซึมซึ้งใจ ปิติใจเกินกล่าวจ๊ะ ขอบคุณบุรุษแห่งสายธาร ที่เคียงคู่กันมานานเนิ่น กับ อัญมณีไพรอัญมณีใจดวงนี้ ที่จะส่องใสพร่างกระจ่างจิตไปตราบชั่วนิจนิรันดรระหว่างเรา.. ************ ปะทับใจดื่มด่ำใจจนล้ำลึกกับค่าคำเข้าใจในรักวิถีทุ่งวิถีไพรของสาวนาจ๊ะ เธอจะหุงข้าวเมล็ดเรียวงามนี้ไว้ใส่บาตรทุกๆ วันพระแปดค่ำ และสิบห้าค่ำ เธอชอบที่จะตื่นเช้ามารับแสงแรกแห่งอรุณ ผ้าซิ่นคลุมไหล่ที่ถักทอด้วยมือกร้านงานนั้นอบอุ่นในความรู้สึก เธอจะคลุมไว้ที่ไหล่เพื่อกันหนาว ตราบจนห่มเฉียงบ่ายามใส่บาตร ข้าพเจ้าคิดว่าเป็นภาพงดงามในความรู้สึกของชาวนาไทยทุกคน.....
2 ธันวาคม 2547 01:32 น. - comment id 382167
มาอ่านงานงามแห่งท้องทุ่งของคุณ
2 ธันวาคม 2547 07:24 น. - comment id 382240
ยังคงความนุ่นนวลได้ดีนะครับ มาทักทายยามเช้า และมาเป็นกำลังใจให้นะครับ
2 ธันวาคม 2547 09:45 น. - comment id 382286
ได้กลิ่นอายท้องทุ่ง และความสงบแห่งวิถีชีวิต ... รู้สึกเยือกเย็นขึ้นมา...
2 ธันวาคม 2547 10:29 น. - comment id 382328
เหลือจะกล่าว เขลาจะชม!!!!!
2 ธันวาคม 2547 12:30 น. - comment id 382391
สวยงามมากเลย คะ
2 ธันวาคม 2547 13:13 น. - comment id 382416
สไตล์ ลูกทุ่งดีนะ ภาษา อ่ะนะ มาทักทายเหมือนกันนะ ไปบวชมาครับ กลับมาและ แต่ คงแต่งไปเรื่อย ๆ ถ้ามีเวล่ครับ ขอบคุณครับ
2 ธันวาคม 2547 13:27 น. - comment id 382426
^_^ งดงามมากเลยค่ะ เหมือนได้เข้าไปอยู่ในเหตุการณ์นั้นเลยค่ะ ขอบคูรมากค่ะ
2 ธันวาคม 2547 13:32 น. - comment id 382428
ลี่..เป็นคนกรุงเทพฯ ภาพแบบนี้จึงไม่ได้เห็นบ่อยนัก เวลาได้ออกเที่ยวต่างจังหวัด จะตื่นแต่เช้า ออกมาเดินซึมซับภาพเหล่านี้ไว้ในหัวใจ ทุกครั้ง...ก็จะให้ความสบายใจ เหมือนละลายความเหนื่อยล้า บทนี้...ทำให้เหมือนได้กลับไปสู่ความคิดถึงนั้นเลยนะคะ ............................................................................................... ลี่...ผู้มาเยือน .
2 ธันวาคม 2547 13:34 น. - comment id 382429
งามจริงๆครับยอดกวีชาย เห็นภาพแล้วแฝงธรรมเข้าไปด้วย ขอปรบมือให้ดังๆครับ แก้วประเสริฐ.
2 ธันวาคม 2547 14:42 น. - comment id 382474
อ่านแล้วเพลินเลยขอรับ จินตนาการไปด้วย กลิ่นหอมติดอย่ในหัวใจเลยขอรับ ผลงานยอดเยี่ยมจริงๆขอรับ ข้าน้อยขอคาราวะ 1 จอก อิอิ
2 ธันวาคม 2547 16:20 น. - comment id 382516
หอมวิถีชีวิตพื้น ระรื่นคำดื่มด่ำจิต หวนคำนึงซึ้งชีวิต ผิดที่ไยใจวุ่นวาย ....หวนคำนึงถึงความงดงามที่ว่าจริงๆครับ ความสุขยิ่งกว่าความสงบแห่งจิตแห่งธรรมชาตินั้นไม่มี........
2 ธันวาคม 2547 20:19 น. - comment id 382647
งามเหมือนฝั่นถิ่นไหนเล่าเฝ้าฝันถึง คอยคนึงยามหลบหนีจากเมืองหลวง ถิ่นธรรมฃาติแสนงานจับในทรวง สุขทั้งปวงรายรอบล้อมก่อพลัง
3 ธันวาคม 2547 07:42 น. - comment id 382844
มีคนเชียร์ให้แต่งกลอนแบบลักษณะทำนองนี้ แต่ติดขัดตรงแต่งให้ซึ้งไม่ค่อยเป็น ถนัดไปทางสนุกมากกว่า เสียงครกสาก กระทบลั่น สนั่นทุ่ง อาหารปรุง การเรือนน้อง ไม่ข้องขัด เก็บแตงกวา ริมรั้ว ยิ้มหัวนัด ผักบุ้งผัด หอมทั่วบ้าน หวานปากอ้าย
3 ธันวาคม 2547 13:50 น. - comment id 382983
คิดถึงลำน้ำน่านเสมอ
7 ธันวาคม 2547 20:39 น. - comment id 384559
อัญมณีแห่งลำน้ำน่าน ครับ
14 ธันวาคม 2547 19:29 น. - comment id 388663
มาตรแม้หนาวเหน็บแต่ไม่เหน็บหนาว ยังเป็นกำลังใจให้เสมอ
16 ธันวาคม 2547 12:45 น. - comment id 389892
อ่านแล้วเห็นภาพเลย ยอดจริงๆ