..๏ ฤาลำพังระหว่างเส้นเช่นทางฝัน มีขอบคั่นจริง-ลวงช่วงอ่อนไหว ครั้นบรรจงกลั่นกรองทำนองใจ ด้วยหลงใหลร่ายรจน์ บทกวี ย้ำหยดหมึกตรึกตรองพ้องอักษร เป็นกาพย์กลอนฉันท์โคลงบ่งศักดิ์ศรี ใช่เปรื่องปราดช่ำชองพ้องเมธี เพียงผู้ที่หัดเขียนเลียนแบบครู จำจดจารวรรณกรรมนำสื่อสาร แม้กลอนกานท์ไร้ค่าน่าอดสู ขอร่ายเรียงจินตนาการอันพร่างพรู ด้วยความรู้ยังด้อยคอยพากเพียร วอนเหล่าครูเมตตามาสอนสั่ง ศิษย์จักฟังอรรถรสแล้วจดเขียน ยากฤๅง่ายเพียงใดใคร่ร่ำเรียน ด้วยคำเธียรล้ำค่ากว่าสิ่งใด จักบรรจงบ่งความตามภาษา แล้วรจนาเรียงร้อยถ้อยขานไข อาจผิดเพี้ยนฉันทลักษณ์มากเพียงใด ขออย่าได้มองเห็นเป็นเศษกลอน ด้วยยังหมายขยายความตามใจหวัง หากพลาดพลั้งเผลอบ้างโปรดสั่งสอน อย่าเหนี่ยวรั้งอุดมการณ์ให้สั่นคลอน แม้นบทกลอนเป็นดั่งเกร็ด ..เศษกวี.. ๚ะ๛
30 สิงหาคม 2547 23:27 น. - comment id 319687
เลยมาลงทะเบียน เป็นครูไว้ก่อนเลย... ว่าแต่หน่วยกิต แพงหรือเปล่าไม่รู้.. เคยมีคนบอกผม เป็นครูใจดี..เลยมาให้กำลังใจ..การสอนคนไม่ยาก เท่ากับสอนตัวเองหรอกคุณ...แวะมาเยี่ยม สวัสดีครับ ขอให้มีความสุข..
30 สิงหาคม 2547 23:31 น. - comment id 319691
...เศษกวีดีดีมีอยู่มาก เราต่างหากไม่รู้ดูไม่เห็น ค่ากวีที่สร้างอย่างลำเค็ญ กว่าจะเป็นเศษส่วนที่ควรจำ.... ...............สวัสดีครับ....................
30 สิงหาคม 2547 23:43 น. - comment id 319699
คุณอัลมิตรานี่อ่อนน้อมถ่อมตนจัง ;) อย่างนี้คุณครูที่ไหนจะใจร้ายกับคุณได้ลง ;)
31 สิงหาคม 2547 00:01 น. - comment id 319718
มายิ้มครับ คุณถล่มตัวได้น่ารัก
31 สิงหาคม 2547 01:05 น. - comment id 319761
สุดยอดแห่งการถ่อมตัวค่ะ.. เป็นกำลังใจให้เหล่ามือใหม่หัดขับด้วยนะคะ.. กอกกก็คือหนึ่งในกลุ่มผู้ต้องการกำลังใจค่ะ ติติงชี้แนะด้วยนะคะ.. ขอบคุณค่ะ
31 สิงหาคม 2547 01:51 น. - comment id 319769
...ถ้างานคุณอัลมิตราเป็นเศษกวี แล้วเราจะเป็นเศษอะไรละเนี่ย...อ๋อ ธุลี ใช่แล้ว
31 สิงหาคม 2547 02:27 น. - comment id 319783
ไม่มีงานชิ้นไหนเป็นเศษเป็นธุลีหรอกครับ ทุกงานย่อมมีคุณค่าไม่ทางใดก็ทางหนึ่งในตัวมันเอง ขึ้นอยู่กับมุมมองครับ
31 สิงหาคม 2547 03:09 น. - comment id 319795
ละอองหมึก อย่างฉัน คงหวั่นไหว เขียนอย่างไร คิดอย่างไร ไปไงนี่ ถ้างานงาม ค่าเห็น เป็นเศษกวี เถ้าธุลี เป็นฉัน แค่นั้นเอง @@@@@@@@@@@@@@ โห ถ้าอย่างคุณ อัลมิตรา เป็นเศษกวี ใครหนอจะเป็นกวีศรีรัตนโกสินทร์ ครับ
31 สิงหาคม 2547 07:26 น. - comment id 319818
มีครูในด้านกลับ ขอคำนับมิสับสน งานใดแนบใจคน ตนรังสรรค์กลั่นชีวิต.....
31 สิงหาคม 2547 08:37 น. - comment id 319848
การอ่าน ก็เหมือนดั่งเรา *เพาะบ่มเมล็ดแห่งปัญญา* ไว้ภายในค่ะ และ รอวันที่จะนำมาปลูก ให้แทงช่อออกมาเป็นกอรัก เป็นเสมือนดั่ง ต้นไม้แห่งรักแห่งปัญญา อันเป็นขุมทรัพย์จากบ้านภายใน ที่ต้องอาศัย ประสบการณ์แห่ง ความดีความเพียรความอดทน อาศัยน้ำใจรักเมตตา รู้ให้เสียสละ ค่อยๆฟูมฟัก รดระรินนวลเนื้อใจดวงใสดวงงาม หอมบ่มพรมพร้อม จนได้ที่นะคะ และ คนดี ต้นไม้แห่งชีวิตจิตวิญญาณ จะเบ่งบานชูช่อ ออกดอกเป็นดวงแก้วพราวพรายพร่าง ใบนั้นงามงามพราวระยิบราวเพชรพรม ที่จะเป็นดั่งร่มใจและ ร่มรักเอื้อคืนกลับแด่ผองชนและผืนดิน ให้นกกามาอาศัยใบบุญ ให้ละมุนลบโลกให้ละไมงามค่ะ ดั่งงานรจนาด้วยรัก ที่เรานักอยากจะเขียน กวีกระวาด ต่างพากเพียรเททุ่มใจ และเพียงขอไหล่อันโอบเอื้ออ้อมอุ่น และ มืออันอบอุ่นจับจูงตามกันไป ให้พลังใจให้น้ำใจรัก แด่ คนบนถนนสายฝันสายดอกไม้งาม สายเดียวกัน แบ่งฝันปันใจและเติมต่อใจด้วย ดวงดอกแห่งความดี ศรัทธาพลีบูชา แบบไม่เลือกที่รักมักที่ชัง ... และ นั่นคือ ความคารวะจาก ตัวเองอย่าเกรงผู้ใดค่ะ และ สิ่งตอบแทน คือ*ดวงตาสวรรค์* จะเปิดรับให้ เราพบขุมทรัพย์ภายใน ให้ระรินไหลพร่างพรูสู่จินตนาการ อย่างมิรู้จบรู้สิ้นตราบชีพวาย ให้ใช้ดวงตาดวงใจใสพิสุทธิ์ บริสุทธ์ราวน้ำค้างแก้ว ผ่าน สมองสองมือร่ายรจนาอย่างหาญกล้า พาผองชนพบ *ค่าคำค่าคนกมลละไมไปตราบชั่วนิจนิรันดร์* ด้วยรัก
31 สิงหาคม 2547 09:20 น. - comment id 319868
ลมพัดใบไม้ปลิดปลิว ลอยลิ่วลงธารน้ำใส ดุจเรือลำน้อยลอยไป เลื่อนไหลฤๅรู้ยถากรรม ..กลอนหกนี้ อัลมิตราเขียนมาหลายวันแล้ว แต่ก็ไม่ได้เริ่มบทที่สองเลยค่ะ ความหมายที่จะเขียนนั้น ก็คงเหมือนอัลมิตรา ที่เลื่อนไหลไป โดยที่ยังไม่รู้ว่า บนเส้นทางนี้จะเป็นเช่นไร ..
31 สิงหาคม 2547 09:43 น. - comment id 319926
แวะมาอ่านมาเป็นกำลังใจ ไม่ใช่ใครคนกันเอง กลอนน่ารักดีนะครับ
31 สิงหาคม 2547 10:04 น. - comment id 319951
น้อมรับคำสั่งสอนมินอนเล่น เพราะยังเป็นเศษผ้าน่าใจหาย หวังติดบ้างข้างข้างผืนยืนสบาย จึงเวียนว่ายขายฝันคู่กันเอย.. เราเป็นเศษผ้าแล้วกันน่ะ..ถ้าคุณอัลมิตราเป็นเศษกวี... ..
31 สิงหาคม 2547 10:35 น. - comment id 319973
งดงามในเนื้อหาและอารมณ์ที่เสริมใส่มา กับอักษร เรื่องของอารมณ์เป็นเรื่องที่คน ต้องการรับรู้ต้องใช้ใจสัมผัสครับ มันอาจ จะไร้ค่าสำหรับผู้ที่ไม่รับรู้ แต่มันอาจงาม เลิศหรูเกินจับสำหรับบางคน ไม่มีสิ่งใดที่ ไี่ำร้ค่า ถ้ามันกำเนิดมาจากหัวใจครับ ๚ะ๛ size>
31 สิงหาคม 2547 11:03 น. - comment id 319987
คุณผู้เฒ่า.. บางคนบอกว่าคุณเป็นครูที่ใจดี เดาได้เลยว่า คือน้องเรนค่ะ แต่บางคนบอกกับอัลมิตราว่า อัลมิตราเป็นศิษย์ที่ดื้อเหลือประมาณ สอนก็ไม่จำ เถียงก็เก่ง ดื้ออีกต่างหาก .. เฮ้อ !! คุณค้างคาวคืนคอน.. ..ต้องเจียมตนเจียมใจในงานเขียน ..แม้นพากเพียรแค่ไหนให้อดสู .. ..เศษกวี.. เยี่ยงเราใครเอ็นดู ..ด้วยรับรู้ความจริงยิ่งมืดมน คุณม.ปณิธาน .. อัลมิตราอาจเขียนถูกใจเพื่อน (บางครั้ง) แต่ก็ ขัดใจครู (หลายครั้ง) นะคะ คุณก่อพงษ์ .. ถอนสายบัวรับยิ้มด้วยท่าทางที่น่ารัก ค่ะ :) คุณกอกอ .. จะเป็นกำลังใจให้เสมอ ค่ะ คุณรัถยา .. อัลมิตราติดตามงานเขียนของคุณนะคะ แอบลักจำมา ก็มิใช่น้อยเชียวค่ะ คุณOracle .. ค่ะ คุณกล่าวได้ถูกต้องแล้ว ในความสำคัญของงานเขียนที่ผู้เขียนมอง ย่อมไม่ไร้ความหมาย คุณเรไร .. เรามาเป็นนกเพนกวินกันมั๊ย พวกเขาน่ารักนะคะ เส้นทางนั้นอาจไกลเกินไปถึง แต่ดื้อดึงเขย่งเท้าเพื่อก้าวหา อาจล้มลุกคลุกฝุ่นวุ่นอุรา เพื่อปลายทางข้างหน้า..จำฝ่าไป คุณplaing_piu .. ขอบคุณมากค่ะ :) คุณพุดพัดชา .. ..ต่างคนก็ต่างใจรัก ..กระทั่งรูปแบบการเขียนต่างๆก็แตกแขนงหลายประเภท ..หากจะเปรียบเช่นดนตรี ..ซึ่งมีเครื่องเสียงแยกหมวดใหญ่เป็น ดีด สี ตี เป่า ..และหมวดย่อยมีเกินจะนับ ..ทั้งนี้ยังไม่รวมถึง ปี๊บ ถัง กาละมัง ฯลฯ ..หากจะชี้ชัดลงไปว่า ..เสียงดนตรีชนิดใดเป็นเสียงที่วิเศษสุด ..อัลมิตราเอง ก็จนใจที่จะตอบ ..กลับกัน .. ..บนเส้นทางวรรณศิลป์ ..ลำพังแกงเขียวหวาน (อัลมิตราแอบเรียกกลอนแปดเช่นนั้น) ..หลายต่อหลายคน เขียนได้ ..และก็แตกต่างหลายสำนวนกันไป ..แล้วตามความถนัดของแต่ละคน ..ใครจะปรุงแต่งรสแกงเขียวหวานของตน ..ให้ออกมัน หวานปะแล่ม หรือรสชาติใด ..ทั้งนี้ผู้ปรุงเองย่อมชิมแล้ว ว่าอร่อย ..ผู้เสพย์ ที่ผ่านมาอ่านก็เช่นกัน ..อาจจะติว่าเค็มไป หวานไปจนเลี่ยน นั่นก็เป็นเพราะ ..อรรถรสในการลิ้มรสแตกต่างกัน ..ครั้นจะโยงมาถึงวงการภาพยนตร์ ..พ่อมดสวีเว่น คือบุคคลที่อัลมิตราชื่นชอบมาก ..เขากำกับหนัง และดำเนินบทโดยที่มีหลายเหลี่ยมหลายมุม ..และด้วยความหลากหลายในจินตนาการของเขา ..อัลมิตราได้เห็นไดโนเสาร์ตัวโต ๆ ..เห็นสงครามฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ยิว ..จากสิ่งที่ไม่เคยรู้ ..ก็ได้รับรู้อย่างตื่นตาตื่นใจ ..หากเขากำกับหนัง ..และเลือกที่จะเดินตามบทเดิมๆอย่างที่คนอื่นทำกัน ..ก็จะ .. ..ไม่มีไดโนเสาร์ตัวโต เดินเพ่นพ่าน ที่จูลาสสิกปาร์ค แน่เชียว คุณผลิใบสู่วัยกล้า .. แอบกระซิบได้ไหมคะ ชื่อของคุณมีความหมายดีมากค่ะ ต้นอ่อนที่แตกหน่อจากเมล็ดพันธุ์ กระทั่งผลิใบ เพื่อเติบโตไปอีกระดับ อัลมิตราอ่านชื่อของคุณ และคิดเช่นนี้เสมอ ด้วยความหวังว่า พวกเราจะเป็นเช่นนั้นค่ะ คุณกุ้งหนามแดง .. โอ้โห เศษผ้าไหม นะนั่น แพงน๊า คุณโรเบิร์ต .. เขาว่ากันว่า คนเราจะรับรู้สิ่งที่สื่อกันได้ นอกจากสัมผัสทั้ง ๕ แล้ว สิ่งที่สำคัญอีกอย่างก็คือ หัวใจก็คงจะเป็นเช่นนั้น ค่ะ มิตรภาพตราบสิ้นฟ้า ..
31 สิงหาคม 2547 13:28 น. - comment id 320101
ลี่ไม่ดื้อค่ะ เพียงแค่มีเหตุผลของตัวเอง อิอิ มาขอเป็นศิษย์ด้วยคนจ้า ................................................................ ลี่...ผู้มาเยือน .
31 สิงหาคม 2547 14:30 น. - comment id 320125
ยินถ้อยคำพร่ำบอกเพื่อตอกย้ำ เธอร้อยคำเรียงความตามอักษร ด้วยหวังให้ได้เห็นเป็นกาพย์กลอน ส่อสะท้อนฉันทลักษณ์ประจักษ์มา มิเคยคิดติดใจในงานนั้น เพียงแค่สรรค์เสกไว้ใช้ศึกษา เพื่อผ่อนกายคลายอารมณ์สะสมมา คือคุณค่าของกลอนกล่าวสอนเธอ ฉันเคยอ่านกานท์กลอนอักษรฝัน เมื่อเธอนั้นถ่ายทอดตลอดเสมอ ดุจมาลาภาษาใจสดใสเธอ พรั่งพรูเผลอผลิบานเนิ่นนานทน อยากกล่าวชมสมถ้อยเธอร้อยคำ ให้หวานฉ่ำชื่นใจได้สักหน แต่ฉันเป็นเช่นเศษทุเรศตน ไม่กล้าขนถ้อยคำพร่ำพรรณนา
31 สิงหาคม 2547 14:50 น. - comment id 320128
:)
31 สิงหาคม 2547 15:13 น. - comment id 320131
สวัสดี.... คุณอัลมิตรา...คุณ คุณ ...ไทยโพเอ็ม แวะมาทักทาย...........นะ
31 สิงหาคม 2547 15:59 น. - comment id 320145
แวะมาให้กำลังใจครับ...
31 สิงหาคม 2547 16:30 น. - comment id 320172
คุณลี่ .. อัลมิตราก็คิดว่า อัลมิตราเป็นเช่นนั้นเหมือนกันนะคะ แต่ไหง๋ ครูบอกไม่ใช่เนี่ย .. คุณนกตะวัน .. มาฟังคำ ..นกตะวัน.. ครั้นสั่งสอน อันคุณค่าบทกลอนอักษรศิลป์ เพื่อผ่อนกายคลายอารมณ์ที่ขมจินต์ สดับสิ้นขอรับประทับใจ จิตที่เคยอ่อนล้ามานานแล้ว ดั่งลมแผ่วหอบฝนมาดลใส่ เมล็ดพันธุ์แทงหน่อต่อยอดไป ชอุ่มพฤกษ์เขียวใส ณ ไพรวัลย์ ขอบพระคุณที่การุญจุนเจือน้อง ร่วมประคองยึดมือเหมือนถือมั่น ยามพลาดพลั้งก็ปลอบมอบใจพลัน ..ขวัญเอ๋ยขวัญ..จงกล้าอย่าล้าแรง.. แม้เป็นเพียง ..เศษกวี.. ที่ต่ำต้อย ขอเรียงร้อยตอบต่อข้อแถลง จวบสิ้นฟ้าสิ้นภพจบสำแดง จะกล้าแกร่งก้าวไปในเส้นทาง ./ คุณทิกิ .. ขอบคุณมากค่ะ คุณทักทาย .. ขอบคุณมากค่ะ คิดถึงจังค่ะ คุณบินเดี่ยวหมื่นลี้ .. ขอบคุณมากค่ะ :)
31 สิงหาคม 2547 17:04 น. - comment id 320188
บาดเจ็บหรือเปล่าเศษกวีเนี้ย
31 สิงหาคม 2547 17:36 น. - comment id 320197
แม้เป็นเพียงเศษกวีของชีวิต หมึกลิขิตจารจดตัวอักษร บรรจงจัดเรียงร้อยเป็นบทกลอน ละเอียดอ่อน ฤๅแข็งมิควรเชย
31 สิงหาคม 2547 20:19 น. - comment id 320311
ติดตามผลงานของคุณอัลมิตรา เพื่อจำไว้เป็นตัวอย่างเพื่อแก้ไขปรับปรุงตนเองเสมอค่ะ ขอธรรมะคุ้มครองคุณอัลมิตราค่ะ
31 สิงหาคม 2547 21:14 น. - comment id 320363
ไอดาโฮ่เพื่อนรัก .. หากกล่าวเช่นนั้นคงจะใช่ เพราะบาดเจ็บ เพราะคำเหน็บรานใจไม่สุขสันต์ คำก็ด้อย สองคำก็ด้อยสารพัน ไม่เอาแล้ว กวีที่เพ้อฝัน .. ขอเพียงแค่นั้น เพียงแค่เศษกวี .. น้องดินสอ .. อยากแบ่งปันความฝันอันวิจิตร อยากลิขิตอักษรเป็นกลอนสวย แต่อ่อนหัดถ้อยคำย้ำมิรวย ความเลยห่วยเกินทนเขาบ่นกัน คุณมณี .. ขอบคุณมากนะคะ :)
31 สิงหาคม 2547 21:50 น. - comment id 320402
ถึงเป็นเศษคงเป็นเช่นคนพิเศษ ยากจะหาคนปฏิเสธเข้ามาอ่าน เขียนได้ดีวิเศษบทกลอนกานท์ ออกเล่มงานเป็นเศรษฐีมั่งมีทอง
31 สิงหาคม 2547 22:03 น. - comment id 320414
หากคุณนั้นเป็นเพียงเศษกวี ฉันคงเป็นเถ้าธุลีนี้เสมอ หากคุณนั้นเป็นดอกฟ้าที่เลิศเลอ ฉันคงเป็นเสมอคือดอกหญ้า *-*กลอนไพเราะมากๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆเลยค่ะ ชื่นชมในผลงานของคุณเสมอนะคะ*-*
1 กันยายน 2547 08:02 น. - comment id 320688
คุณชัยชนะ .. ขอบคุณมากค่ะ ...จะจริงหรืออัลมิตราเป็นคนพิเศษ .. ออกเล่มหนังสือ อื้อ !! ไม่เคยคิดเลยค่ะ สงสัยต้องรอให้ตั้งโรงพิมพ์เองก่อน .. เนอะ คุณผู้หญิงไร้เงา .. ขอบคุณมากนะคะ
1 กันยายน 2547 17:04 น. - comment id 321115
กวีเจ้าเอ๋ย... แม้ใจเคยคิดท้อก็ไม่ผิด กลั่นผลงานด้วยความหวังทั้งชีวิต งานผลิตมาได้...ภูมิใจแล้ว ..................................... ชื่นชม
2 กันยายน 2547 09:32 น. - comment id 321666
ขอบคุณค่ะ คุณนครา.. ข้อความสั้นๆแต่ก็ซาบซึ้งใจยิ่งนักค่ะ :)