เมื่อฟากฟ้าสีครามสิ้นความหมาย คงสิ้นทรายหลากสีที่พระสร้าง สิ้นผีเสื้อสดใสใต้หมอกบาง สิ้นระฆังน้ำค้างกลางสายลม เสียง สัตว์คน ก็เข่นฆ่าบ้าอำนาจ ธรรมชาติกล้ำกลืนอย่างขื่นขม แบกรับความทรามโศกโลกโสมม เสียงซากเปรตตรอมตรมระงมไพร ละเลงเพลงเงินตราฆ่าน้องพี่ สิ้นศักดิ์ศรีสรวงเซ่นความเป็นใหญ่ เปลือกวัตถุเป็นกรอบครอบจิตใจ นิยมใช้บอกค่าราคาคน คงมิต่างจากสัตว์ดิรัจฉาน ร่วมวัฏฏะสงสารอันสับสน มีทั้งโศกทั้งสุขทุกข์ปะปน มีรักโลภหลงตนปนอัตตา แต่ฉันยังรักโลกนี้ที่พระสร้าง ยังไม่อยาก ปล่อยวาง ทางเบื้องหน้า ฉันจะขอต่อสู้กู้จรรยา ด้วยแสงทองส่องท้าศรัทธาทาน จะอดทนคนเกลียดเหยียดหยามหมิ่น หมายดับสิ้นคนบาปความหยาบกร้าน จะยอมเสียสละพระนิรพาน เพื่อถ่ายทอดจิตวิญญาณผ่านถ้อยคำ รังสรรค์เสกบทกวีคีตศิลป์ พจน์หลั่งรินร้อยอารมณ์อันบ่มร่ำ วนเวียนว่ายเกาะแก่งกฎแห่งกรรม จนสามโลกจดจำคำกวี
30 กรกฎาคม 2547 10:12 น. - comment id 302702
กลอนที่ไพเราะนิ่มหวาน แต่สามารถส่อสานบ่ง ปณิธานได้ชัดเจนมาก ถึงตอนต้นจะแกว่งเกิน แต่ก็ใช้ตอนท้ายมากลมกลืน ทำไห้เรียบเนียน กลมกลืนได้ นับว่ามีฝีมือในแนวหน้าครับ๚ะ๛ size>
30 กรกฎาคม 2547 11:25 น. - comment id 302780
มาอ่านเป็นกำลังใจให้นะครับ
11 สิงหาคม 2547 21:41 น. - comment id 310531
กล้ามากนะคะที่แต่งประชดสังคมขนาดนี้ นับถือมากค่ะ แสดงปฎิธานที่ตั้งไว้ชัดเจนมากนะคะ จะว่าอะไรไหมค่ะถ้าดิฉันขอสานปฏิธานนั้นด้วยค่ะ (เอ่อ..ขอโทษนะคะ เมื่อก่อนนี้คุณเชษฐภัทรไม่ค่อยแต่งแนวนี้นี่คะ เคยอ่านผลงานแล้วแต่ไม่ได้คอมเมนท์ประทับใจมากค่ะ)
15 สิงหาคม 2547 12:57 น. - comment id 312227
ชอบมากค่ะฝีมือขนาดนี้อยู่ในแนวหน้าได้สบายเลยค่ะ
3 ตุลาคม 2547 19:50 น. - comment id 343332
มาดูค่ะ