หมู่พฤกษ์เขียวเรียวไหวไกวตามแรง คล้ายลมแปลงร่างซ่อนซ้อนไพรสณฑ์ ระบัดความอ่อนช้อยคล้อยตามกล ไม่หาญหักลมบนที่ลิ่วแรง แฝงความหมายคล้ายน้ำเชี่ยวหมุนเกลียวหลาก เรือข้ามฟากอย่าฝืนคลื่นผาดแผลง ต้องพลิกคว่ำไม่อาจวาดกรรแซง ความเปลี่ยนแปลงกลบกลืนดุจคลื่นธาร เทียบภาพธรรมชาติวาดภาพจริง มีหลายสิ่งถึงซึ่งอวสาน เพราะแข็งขืนยอมหักอย่างแหลกราญ ไม่ยอมงอต่อการณ์ไม่ถูกใจ หากอีกมุมกลุ่มมองให้ตรองตรึก ผ่อนความลึกเพียงนิดคิดแก้ไข รู้กาละเทศะแห่งเภทภัย ปรับตัวไปตามระบอบครอบชีวี หลิ่วตามองผองชนคนตาหลิ่ว ไม่ยักคิ้วยียวนกวนวิถี หากแต่ใจไม่หลิ่วเพราะรักดี ยังคงศักดิ์และศรีเช่นสนไพร เมื่อลมพาลผ่านไปได้สงบ ไม้ยังครบยืนต้นสนไสว มีจุดยืนไม่ฝืนกระแสใคร มีจุดใจไม่ฝืนกระแสคน ความอ่อนน้อมค้อมใครใช่อ่อนแอ หาใช่ความพ่ายแพ้หรือหวังผล รู้จักกาล รู้ประมาณ รู้ชุมชน รู้เหตุผล ตนผู้อื่น ต่างพื้นเพ ลมจะบ้ากี่คราครั้งยังคงอยู่ เพราะใจรู้จักพาลกาลหันเห ทำที่ตนฝึกที่ตนอย่างทุ่มเท ไม่ซวนเซหวั่นไหวไร้รากธรรม
23 มิถุนายน 2547 11:14 น. - comment id 288543
๏ เมื่อรากหยั่ง ..ดินชุ่ม...คลุมราก..ต้น ใบที่วน..สู้ลม..ก็พรมมั่น ปรับตัวเป็น ฝอยกระเซ็น..เส้นเล็กนั้น เพื่อฝ่าฟัน พายุลม...อันถ่มกระเซิง... เปรียบประดุจ..มนุษย์เรา..ในนาวา คลื่นลมกล้า....พายุร้าย...ร่ายสุดเหลิง ถูกคลื่นโยน...โจนกล้า...ท้าชั้นเชิง มิรู้หลบ...จะยืนเบิ่ง...จะบอกใคร ก็โยนตัวตามคลื่นลมอันพรมพร่ำ คลื่น และ ลม จะกระหน่ำ ..สักเพียงไหน ก็ก้มหน้า..งุดงุด มุดน้ำไป หวังให้โผล่ขี้นใหม่...ไกลคลื่นลม แต่เปรียบสน ทนไสว...เห็นใบแกว่ง รับลมแรง รับลมแย้ง ได้ทุกหน อยู่ที่การ...เปลี่ยนปรับ..รู้จับตน วิวัฒนาการ..อันเลอล้น..บนค่าธรรม ๚ งานดีเหลือเกินค่ะ คุณดอกแก้วคะ ทิกิ_tiki
23 มิถุนายน 2547 12:01 น. - comment id 288551
อืม...เพราะมากเลยครับ เพราะจริง ๆ เมกขอเก็บไว้ที่หน้ากลอนเมกนะครับ เพราะมากเลยอ่ะ เมก
23 มิถุนายน 2547 13:22 น. - comment id 288593
ดีมากๆ เลยค่ะพี่ดอกแก้ว ......................................
23 มิถุนายน 2547 13:54 น. - comment id 288619
มีความหมายดีมากทุกบทค่ะ ให้แนวคิดกับชีวิตที่สับสน และใช้คำเพราะมากๆด้วย ไพเราะเหลือเกินค่ะพี่ดอกแก้ว
23 มิถุนายน 2547 13:54 น. - comment id 288620
เหมือนดั่งไผ่ต้องลมชมลู่ลิ้ว ต่างพัดปลิ้วเพียงใดไม่หวั่นไหว เดียวก็ตั้งตรงได้ไม่นานไป เพียงแค่ลมหมดไปก็ตั้งตรง *-*กลอนไพเราะและสวยงามด้วยความหมายมากๆๆๆๆๆๆๆๆๆเลยค่ะ ชื่นชมผลงานคุณพี่ดอกแก้วเสมอนะค่ะ*-*
23 มิถุนายน 2547 16:13 น. - comment id 288689
@...tiki... ทางสุดโต่งสองสายคล้ายความฝืน ที่ทนยืนทรมานการแก้ไข มีแต่ความชอกช้ำระกำใจ หาได้ใกล้ความประเสริฐเจิดจำรูญ ความพลิ้วไหวทันในความเปลี่ยนแปลง ปัจจุบันพลิกแพลงไม่ขาดสูญ สิ่งใดเกิดก็รับรู้อย่างสมบูรณ์ และเพิ่มพูนปฏิภาณการรู้ตัว ไร้การฝืนกลืนกลบลบความจริง ไร้แอบอิงมายามาเกลือกกลั้ว ไร้ทิฏฐิมานะความถือตัว ไร้มืดมัวบอบช้ำนำสุขพลัน ขอบคุณค่ะคุณทิกิ ... ความเข้าใจในบทธรรมและการนำมาใช้ เป็นสิ่งที่มีคุณค่ามากแก่ชีวิต อนุโมทนาค่ะ
23 มิถุนายน 2547 16:25 น. - comment id 288692
@...เมกกะ... เป็นอีกหนึ่งของมุมมองในสุภาษิต-คำพังเพยของไทย หลายๆคนอาจตีความและนำไปใช้ในสถานการณ์ที่ต่างกัน บางทีก็นำไปตำหนิติติงในความประพฤติกันก็มี วันนี้พี่ดอกแก้วจึงขอเสนอในมุมมองของบทธรรมบ้าง อาจจะไม่ถูกใจใครไปบ้าง..ก็เป็นสิทธิของแต่ละคนที่จะรู้สึก ขอบคุณมากนะคะที่ให้ความรู้สึกที่ดี และยินดีมากที่สร้างประโยชน์และความสุขให้น้องเมกได้ ว่าแต่วันนี้หายเหงายังคะ???
23 มิถุนายน 2547 16:31 น. - comment id 288693
@...ลี่...ผู้มาเยือน... หลายสัปดาห์ที่ผ่านมา.. บ้านเมืองของเรามีข่าวคราวหลายอย่าง ทั้งตามกระแสและสวนกระแส ทำให้มองไปถึงระบอบการปกครอง ผู้บริหารก็ต้องฟังประชาชนที่เป็นเสียงส่วนใหญ่ และประชาชนก็ต้องปฏิบัติตามกฎระเบียบด้วย มิฉะนั้น ความขัดแย้งก็จะเกิดขึ้นและกระจายวงกว้าง ไม่เกิดประโยชน์แก่ส่วนรวมเลย ขอบคุณที่แวะมานะคะลี่
23 มิถุนายน 2547 16:35 น. - comment id 288694
@...เอม... ขอบคุณมากค่ะเอม ชีวิตไม่สับสน..หากเรามีจุดยืนที่มั่นคง ยอดสนอาจจะพลิ้วไหวไปตามแรงลม แต่ต้นสนก็ไม่เคยเคลื่อนไหวไปตามแรงใคร แตกต่างกันมากกับกอผักที่ล่องลอยอยู่ในน้ำอย่างไร้รากแก้วหยั่งดิน...
23 มิถุนายน 2547 16:39 น. - comment id 288695
@...ผู้หญิงไร้เงา... ความเอนลู่อยู่รอดปลอดอันตราย คือเลี้ยงกายไม่ฝืนคลื่นปัญหา รอแรงลมหมดไปในห้วงฟ้า ความร้อนแรงแห่งปัญหาก็หมดลง ขอบคุณค่ะน้องตูนที่น่ารัก..สบายดีนะคะ?
23 มิถุนายน 2547 18:40 น. - comment id 288752
ขอบคุณครับพี่ดอกแก้วที่แวะมาทักทายครับ กำลังแรงอยู่ที่ตนบนกายนี้ กำลังใจอยู่ที่คนเคียงข้าง ความลำบากเพียงไหนในเส้นทาง มิอาจสร้างความหวั่นไหวให้ได้เลย มาเยี่ยมค่ะ จาก : พี่ดอกแก้ว รหัส - วัน เวลา : 292947 - 23 มิ.ย. 47 - 16:43 ตอบ พี่ดอกแก้วครับ งานจะหนักมากล้นเลยพ้นหน้า แต่ทว่ามีเธอสื่อใจฝัน ความเหน็ดเหนื่อยเหมื่อยล้าก็หายพลัน เพราะเธอนั้นคือยาใจของคนจน
23 มิถุนายน 2547 18:44 น. - comment id 288753
กับความงามของเงาไม้ ตราตรึงได้ให้ใจโหยหา ความสงบสยบใจยามเหมื่อยล้า เมื่อได้มาเจอไม้ก็หายพลัน ธรรมาชาติมีค่ากว่าที่คิด ชุบชีวิตให้คนเราได้สุขสันต์ แต่ป่าไม้เหลือน้อยตามไพรวัลย์ อะไรกันคือสาเหตุอาเพทภัย น้องแวะมาชมความงามกลอนของพี่ดอกแก้วครับ ยังแต่งได้ดีเหมือนเดิม
24 มิถุนายน 2547 01:46 น. - comment id 288942
,มาดูรอบดึก อีก ค่ะ เป็นรอบที่สิบแล้วมังวันนี้
24 มิถุนายน 2547 06:11 น. - comment id 288998
ธรรมชาติสอนใจให้รู้สึก จิตสำนึกมองดูรู้เหตุผล ให้ร่มเงาความสดใสคลายล้ากมล มองต้นไม้ใจคิดค้นตนให้ดี
24 มิถุนายน 2547 17:35 น. - comment id 289227
@...กวีบ้านไร่... เมื่อมีชื่นก็มีเฉา เคยมีเงาก็หมดใบ ทุกสิ่งที่สดใส ก็หมดสิ้นเมื่อเสื่อมทราม ขอบคุณค่ะกวีบ้านไร่
24 มิถุนายน 2547 17:38 น. - comment id 289230
@...tiki... ขอบคุณอีกครั้งค่ะ ..ขอให้มีความสุขมากๆนะคะ
24 มิถุนายน 2547 17:39 น. - comment id 289232
@...ชัยชนะ... ขอบคุณมากนะคะ ขอติดไว้ก่อนเช่นกัน ...ไปธุระก่อนนะคะ
25 มิถุนายน 2547 23:07 น. - comment id 289936
@...ชัยชนะ... มองต้นไม้ใจจดจ่อกับกอไม้ ความวุ่นวายในใจได้สงบ มีต้นไม้เป็นเป้าหมายให้ค้นพบ รู้จุดจบปัญหาพาผ่องใจ ขอโทษอีกครั้งนะคะที่มาตอบช้า...มาก