o o o o o จะขอกล่าวเล่าเรื่องราวของชาวปราชญ์ ใคร่จะวาดเป็นศิลปะให้นับถือ แต่กริ่งเกรงด้วยข้าน้อยด้อยฝีมือ จึงขอถือนำมาเล่าแด่ชาวกลอน.. พระสององค์สนทนาเรื่องผ้าใบ โบกไสวลมสะบัดจนปลิวว่อน หนึ่งในสองลองปัญญาจึงว่าก่อน นั่นดูท่อนผ้าไหวในกลางลาน ส่วนอีกท่านค้านทันใด มิใช่ดอก ใคร่จะบอกลมนั่นไงไหวสะท้าน ธงไหวหรือลมไหว พูดไปนาน เว่ยหลาง ผ่านพบพวกเขาเข้าสนทนา... จึงซักถามความเป็นไปใคร่อยากรู้ รับฟังดูผู้รู้แท้แก้ปริศนา ลมหรือธงต่างหวั่นไหวในอุรา ในโลกล้าล้วนหวั่นไหวเพราะใจตน พระสององค์ต่างก้มกราบเพราะซาบซึ้ง ผู้หยั่งถึงจะผ่านมาสักคราหน ต่างอุทิศเป็นศิษย์ในบัดดล นี่แหละผลที่ฝึกใจได้ปัญญา ฯ o o o o o ธงและลมไม่ได้ไหว ใจต่างหากที่ไหว *เว่ยหล่าง หรือ หุ้ยเหนิง เป็นสังฆปริณายกองค์สุดท้ายของศาสนา เซ็น.. -----
19 มกราคม 2547 17:19 น. - comment id 204965
สุดยอดมากเลย ชอบท่อนที่ว่า **ธงและลมไม่ได้ไหว แต่ใจเราต่างหากที่ไหว** ชอมมาก มากค่ะ มาทักทาย *________*
19 มกราคม 2547 22:29 น. - comment id 205071
จะห้ามใจ ไม่ให้หวั่น คงไม่ไหว ทำสมาธิ อย่าไร ใจสับสน ด้วยชอบฝัน ใจสั่น ไหวพิกล จะดั้นด้น ค้นหาฝัน อีกซักคืน (ยุบหนอ พองหนอ)
20 มกราคม 2547 11:51 น. - comment id 205229
น่าคิดนะ
20 มกราคม 2547 16:44 น. - comment id 205362
กลอนไพเราะมากๆๆๆๆแถมความหมายยังดีมากเลยค่ะ ชื่นชมผลงานเสมอค่ะ