มิติห้วงดวงมานแสนบรรเจิด เป็นบ่อเกิดกลอนงามความอ่อนไหว เรียงร้อยคำขับกล่อมย้อมจิตใจ แสนสดใสสุขสมอารมณ์ตน แม้นหลากหลายเรื่องราวคราวรังสรรค์ แฝงความฝันฝักใฝ่ไร้สับสน ยังคงความรื่นรมย์สมกมล บัลดาลดลจิตมั่นไม่หวั่นเกรง มากมุมมองมั่นหมายไม่จมปลัก แจ้งประจักษ์แก่จิตคิดถูกเผง ส่งเสริมให้ร่ายเรียงดั่งเสียงเพลง ที่บรรเลงกล่อมใจในทุกครา กลั่นความแฝงกรองฝันอันวิจิตร พากย์พิพิธจิตรการด้านภาษา เก็บอารมณ์เรื่องราวคราวผ่านมา ยังมีค่ามากครั้งยังจำเป็น แม้นมุ่งมั่นการใดอันไร้โทษ เป็นประโยชน์มากน้อยพลอยมองเห็น ดั่งสายลมสายรักมักฉ่ำเย็น ขับทุกข์เข็ญเศร้าโศกจากอกไป คงคาดว่าคืนวันอันแปรเปลี่ยน แม้นหมุนเวียนเหว่ว้าพาหวั่นไหว ยังค้นหาอุดมการณ์อันวิไล ตราบหัวใจยังรับเร่งปรับปรุง อย่าข่มขืนวิสัยทัศน์พิลาสล้ำ อย่าเหยียบย่ำเหยียดหยามความหมายมุ่ง อย่าบั่นทอนบีฑาพา ลรรลุง* อย่ากระทุ้งกระแทกจิตจนคิดคด ขอเรียงร้อยร่ายเรียงเยี่ยงกล่อมโลก ขอลืมโศกล้างเศร้าคราวปรากฏ ขอสืบสานบทกวีที่งามงด ขอละลดอัตตาอันบ้าบอ ย้ำโคลงกานท์ฉันท์กาพย์อันจับจิต ย้อนความคิดมุมมองตรองหัวข้อ โยงศัพท์เสียงอักษรส่งคงเพียงพอ ไยย่อท้อ ?ฤๅท่านนั้นวางมือ อุดมการณ์ด้านกวีมีหลากหลาย แม้นบรรยายคงยากหากยึดถือ ล้วนลึกล้ำลีลาถ้าฝึกปรือ สมควรฤๅถ้าท่านสิ้นจินตนาการ ? ๚ะ๛
24 ธันวาคม 2546 23:07 น. - comment id 194150
...ฤๅ...โลกแห่งกวี...ละปราศจากผู้สืบทอดและมีความรักด้านกวี...ไปอีกหนึ่ง... ...ฤๅ...โลกแห่งกวี...จะไร้ซึ่งมุมมองของกวีที่เน้นความสวยงามด้านภาษา...และความสวยงามด้านมุมมองของกวี... ...และเน้นให้โลกนี้เห็นว่าโลกยังคงมีความสวยงามที่สัมผัสได้...ด้วยกวี...ไป... ...ฤๅ...นักกวีรุ่นใหม่...และเก่า...จะเริ่มล้าและถอยหลัง...เก็บความมุ่งมั่นและความรักษ์สร้างสรรค์..ไว้ในก้นบึ้งแห่งจิตใจ...โดยไม่อาจสามารถบรรยายออกมาได้ด้วยความสวยงามด้านภาษาไปอีกหนึ่ง... ...ฤๅ...โลกแห่งบทกวี...จะเหลือมุมมองของกวี...เพียงแค่ด้านเดียว...มุมเดียว...แนวเดียว... ...ฤๅ...จะเป็นยุคแห่งการดูถูกเหยียดหยามในความรู้ความสามารถของผู้อื่น...และยกย่องเชิดชูอุดมการณ์และมุมมองของตนโดยฝ่ายเดียว...คงเป็นเผด็จการด้านจิตวิญญาณแห่งบทกวี...ให้หลงเหลือในจิตใจ... ...ฤๅ...จะเป็นความปรารถนาของใคร...ที่พยายามกำจัดเมล็ดพันธุ์แห่งกวี...ให้ลดน้อยลงเรื่อย ๆ ...และสุดท้ายจะคงอำลาจากไป...เช่นกัน...
24 ธันวาคม 2546 23:14 น. - comment id 194151
http://www.thaipoem.com/web/poemdata.php?id=32306 แด่ดวงตาดารางามนามนักเขียน http://www.thaipoem.com/web/poemdata/poemdata_32429.php ฉันอยู่นี่กลางใจในโลกฝัน http://www.thaipoem.com/web/poemdata/poemdata_34706.php คนเขียนฝัน... ด้วยรักค่ะ จากนักฝันนักรักรจนานักอยากจะเขียนเพียรมา388เรื่อง นะวันนี้..และจะไม่หยุดจิตวิญญาณรักนี้เพราะคำคนเพราะคำใคร..
25 ธันวาคม 2546 00:40 น. - comment id 194166
ไพเราะและความหมายดีจริง ๆ ชื่นชมเสมอค่ะ คิดถึงด้วยค่ะ ไม่เห็นหน้าหายวัน
25 ธันวาคม 2546 02:54 น. - comment id 194196
เห็นด้วยนะ เพราะอยากเขียนไรก็ได้ตามใจ ไม่อยากเอาไม้บรรทัดมาวัดบรรทัดโน้นนี้ ไม่อยากเปิดพจนานุกรมทั้งวัน และอยากเขียนคำไทยไทยธรรมดา ที่ตัวเองพอใจ อย่าเรียกกวีก็ได้ เดี่ยวจะไปเป็น กระวีกระวาดเสียแทน
25 ธันวาคม 2546 11:51 น. - comment id 194226
ผมเห็นด้วยครับ ที่ควรมีอุดมการณ์และจรรยาบรรณ งานเขียนจะงดงามก็ต้องขึ้นอยู่กับจิตใจของผู้เขียนด้วย ไม่ใช่ว่าสักแต่ใช้ปากกาคอยทิ่มแทงผู้อื่น นักเขียนหลายคนที่ร่ำลาวงการไป ก็เพราะใจไม่หนักแน่น และโดนทำร้ายจากนักเขียนด้วยกันเอง อดสะท้อนใจไม่ได้ครับ
25 ธันวาคม 2546 13:16 น. - comment id 194249
สุดท้ายก้คงต้องหวังพึ่งผู้สืบทอด ว่าจะเห็นคุณค่าของงานเขียนหรือไม่และที่สำคัญอุดมการณ์ที่สร้างขึ้นนั้นจะอยู่ต่อไปได้หรือไม่ ก็แล้วแต่ผู้สืบทอดจะตีความนั้นๆครับ
25 ธันวาคม 2546 14:21 น. - comment id 194265
คุณพุดพัดชา ..เมล็ดพันธุ์แห่งกวีผู้มีน้ำใจงาม .. ขอให้คำที่คุณกล่าวเป็นอุดมการณ์ที่แนบสนิทกับดวงจิตของคุณ เพื่ออนุชนรุ่นหลัง เพื่อความเป็นคนไทย และเพื่อตน.. คุณผู้หญิงไร้เงา .. คิดถึงเช่นเดียวกันค่ะ ขอบคุณมากนะคะ คุณทิกิ .. อัลมิตราคิดเองว่า เมื่อใดก็ตามที่จิตวิญญานของเราเป็นอิสระในการเขียน ไม่ว่าสิ่งที่เขียนออกมาจะถูกสนองตอบเช่นไร แต่เป็นความปีติของผู้เขียน เป็นความสุขใจที่ได้ถ่ายทอดมาค่ะ คุณคนผ่านทาง .. ขอบคุณค่ะ ที่เข้าใจกลอนที่อัลมิตราสื่อ .. คุณเพชรพรรณราย .. อุดมการณ์นอกจากจะร่างขึ้นมาแล้ว หากไม่ได้ดำเนินตาม สิ่งนั้นไม่ได้เรียกว่าอุดมการณ์ ดังนั้นรากเหง้าของชาววรรณศิลป์ควรเริ่มต้นจากจิตใจ ตั้งมั่น มีจรรยาบรรณ ที่จะดำเนินไปยังอุดมการณ์ที่กล่าวไว้ ค่ะ
25 ธันวาคม 2546 15:04 น. - comment id 194279
อุดมการณ์นักกลอนเหมือนย้อนยุค เขียนสนุกโศกเศร้ายั่วเย้าหวาน จะท้วงติงปลุกใจให้เบิกบาน ใช้กลอนกานต์ตีแผ่ยุแหย่ดัง...... นิยมเขียนบอกรัก อย่างอื่นไม่ค่อยนิยม อิอิ
25 ธันวาคม 2546 16:01 น. - comment id 194288
เขียนให้ สดายุ เหรอ แฮะๆ
25 ธันวาคม 2546 18:04 น. - comment id 194355
คุณฤกษ์ .. ได้เขียนบอกรักใครไปบ้างหรือยังคะ พิมพ์นี้นิยมจังค่ะ ตะเอ๋า .. เขียนมาสั้นๆ แต่หากอัลมิตราตอบยาวๆ อย่าบ่นนะจ๊ะ ...บางคนมีมุมมองต่อสิ่งแวดล้อม...และบทกวี...ที่เป็นเอกลักษณ์... ...และพยายามชี้และสื่อ...หรือบังคับได้ถ้ามีโอกาส...ว่าทุกคนต้องมีมุมมองดั่งเช่นตน... ...และเมื่อใดใครมีมุมมองต่างจากตน...( อาจ ) จะถูกพิพากษาว่า...เป็นกบฏ...ด้านอุดมการณ์และความคิด... ...และไร้ซึ้งความเก่งกาจสามารถ... ...โดยหารู้ไม่ว่า... ...โลกนี้ควรมีความหลากหลาย...ในทุกเรื่อง... ...และควรมีไมตรีจิตต่อกัน...เอื้อเฟื้อต่อกัน...ให้กำลังใจกันและกัน... ...อัลมิตราเคยไม่เข้าใจ ...และถามตัวเองว่า...ทำไม...จึงคิดเช่นนี้ ...และพยายามที่จะไม่ให้ใครคิดและมีมุมมองเช่นอัลมิตรา ...และก็คิดเสมอว่า...จะไม่ไปเปลี่ยนอุดมการณ์และความคิดด้านต่างๆ ของผู้อื่นด้วย ...อัลมิตราคิดว่า...อยู่ที่ใดสบายใจ..พบใครและรู้สึกดีสบายใจ...ก็จะพบและคบผู้นั้น ...และพยายามจะสร้างโลกให้สวยงามด้วยมุมมองและจิตวิญญาณ...ด้วยความสามารถที่มี... ...อย่างน้อย...สิ่งนี้จะเป็นเหมือนน้ำที่หล่อเลี้ยงใจให้ชุ่มชื้นอยู่เสมอ...ไม่แห้งแล้ง...ไร้น้ำใจเหมือนทะเลทราย... ...แม้ว่าผลงานต่างๆ ...จะไร้รางวัล...ไร้คนชื่นชม... ...และถึงแม้จะได้รับการดูถูกเหยียดหยาม...เป็นการตอบแทน... ...แต่หากว่าผลงานนั้น ๆ เป็นสิ่งสร้างสรรค์ต่อตัวเองและผู้อื่น... ...โดยไม่สร้างสิ่งสกปรกและไปทำร้าย...หรือเบียดเบียนผู้อื่น...และต่อโลกนี้ ...อัลมิตราก็ยังจะคงสร้างงานนั้นๆ ต่อไป... ...ขอแสดงความยินดี...ต่อผู้ร่วมอุดมการณ์ที่รักษ์ในบทกวีและความวิจิตรการด้านอักษร...รุ่นใหม่และรุ่นเก่า...และที่กำลังสร้างผลงานอยู่... ...ขอเป็นกำลังใจและสิ่งความปรารถนาดีต่อผู้ตั้งมั่นสร้างสรรค์งาน...และเริ่มหัดเขียนบทกวี...และผู้กำลังพัฒนาการบทกวีสูงส่งขี้น... ...ขอชื่นชม...นิยมยกย่อง ขอบคุณและมอบความรัก...ต่อนักกวีที่เก่งกาจทั้งมวล.. ....ที่สร้างแรงบันดาลใจให้นักกวีรุ่นใหม่ เก่า...และรวมทั้งอัลมิตรา... ...ขอแสดงความเสียใจ...ต่อนักวีผู้จากไป... ...ขอแสดงความเสียใจ...แก่ผู้ไม่รู้คุณค่าของกวี...ที่มีความหลากหลายด้านมุมมอง แนวทาง อุดมการณ์และความคิด...ความสวยงามด้านภาษา... ...น่าเสียดายยิ่งนักที่เขาผู้นั้น...ไม่อาจเข้าใจและเข้าถึงจิตวิญญาณของกวีอย่างแท้จริง.
25 ธันวาคม 2546 18:17 น. - comment id 194363
...ในส่วนตัว... ...อัลมิตราคิดว่า...จิตรกรเอกของโลก...ที่มีความเก่งกาจอยู่ในตัว... ...จะไม่บ่มและสะสมมุมมองด้านการดูถุกเหยียดหยาม...และปรามาสผู้อื่น...ที่มีฝีมือด้อยกว่าตน... ...เว้นใว้แต่การดูถูกที่เขาสื่อไป..จะสร้างความมุ่งมั่นและแรงบันดาลใจให้เกิดขึ้น...และเป็นสิ่งที่ดี... ...เขาจะไม่ว่าร้ายและดูถูกเด็ก ๆ ที่พึ่งเริ่มจับดินสอ...แล้วเขียนรูปไป...โดยไร้รูปแบบและไร้ความสวยงาม... ...เขาย่อมมองอย่างเอ็นดูและชื่นชม...และในขณะเดียวกัน...เขาอาจจับมือเด้กน้อยนั้นให้แน่ว...และจับมือเด้กเขียนรูปไปอย่าอารมณ์ดี... ...เขาย่อมพอใจและดีใจ...ว่าในอนาคต...ศิลปะจะไม่ตาย...เพราะมีผู้สืบทอดแล้ว...มีผู้มีมุมมองและจินตนาการที่จะสื่อด้านภาพเขียนแล้ว... ...เพราะเมื่อใดที่เขาดูถูก...เหยียดหยามเด้ก ๆ ที่เริ่มหัดเขียนภาพ...และปรามาสผู้เขียนรูปไม่ดี... ...นั่นจะเป็นการทำลายความุ่งมั่นและมุมมอง...และความรักษ์ด้านศิลปะไป... ...สุดท้าย...ศิลปะจะตายและหายไปจากโลกนี้... ...แม้บทกวี...และผู้เป็นกวี...ก็มีความเปรียบเทียบเช่นนี้... ...อัลมิตราชื่นชอบ...นิยม...และรู้สึกดี...ต่อบุคคลที่มีมิตรภาพ...ไมตรีจิตและมุมมองที่สวยงามของโลก... ...ไม่เบียดเบียนผู้อื่นอย่างจงใจ...โดยปราศจากเจตนาที่ดีและมีเหตุผล... ...คงชื่นชมและนิยมผู้ที่มองโลกด้วยความสดใสงดงาม... ...แม้บางครั้งโลกนั้น...สำหรับเขาอาจหมองมัว...สำหรับเขาบ้าง...แต่เขาก็จะไม่ยอมสร้างความหมองมัวให้กับโลก ...ชื่นชอบและรู้สึกดี...ต่อบุคคลที่ให้กำลังใจกัน...และชื่นชมเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่...วิทยาการความรู้...สิ่งของ... ...และแบ่งปันความสุข...ให้แก่ผู้อื่นเท่าที่ตนเองจะให้ได้... ...แม้ว่าอัลมิตราจะไม่สามารถทำได้...สมบูรณ์แบบเช่นที่ตนเองตั้งอุดมการณ์ไว้... ...แต่อัลมิตราก็พยายามเสมอ...และพยายาม...
25 ธันวาคม 2546 19:13 น. - comment id 194383
อุดมการณ์ เก็บลง ใส่ตระกร้า กล่าวอำลา เก็บเสื้อผ้า ใส่กระเป๋า ลาละพราก จากกลอนกานท์ ใช่งานเรา ด้วยถือเอา อัตตา ตีค่างาน ควรแล้วหรือ ถือจริงจัง คำคนกล่าว เก็บเรื่องราว กัดกร่อนใจ คลายห้าวหาญ งานมีผล คนชื่นชม อุดมการณ์ ที่ตั้งมั่น กินไม่ได้ สุขใจเพลิน (กู่เรียกหาคนลาลับให้กลับมา) มาอ่านอย่างเต็มอิ่มกับความรู้สึกที่ดีของอัลมิตรา ก็ขอดีใจแทนไทยโพเอ็มทุกคน ที่ยังมีกวีเช่นอัลมิตรา ที่ยังมีอุดมการณ์ อยู่สร้างสรรค์ผลงาน ให้เราผู้อ่านทุกคน มีความสุขล้น และเห็นงานงดงามผ่านเข้ามาในสายตา
25 ธันวาคม 2546 23:28 น. - comment id 194498
มารับชมและอ่านด้วยคนครับ รูปสวยนะครับ
26 ธันวาคม 2546 00:12 น. - comment id 194521
ขอบคุณค่ะ คุณชัยชนะ ขอบคุณค่ะ คุณแม่จิตร
28 ธันวาคม 2546 14:50 น. - comment id 195456
......อันมารน้อยตัวนิดนิด ...บางคือทิพย์ธิดามารศรี ....บางคือเปรตอสุจีพญามาร....... ....มิอาจหาญเรียกตั้งตนกวีกลอน ................. เพียงคนลอง....เรียงรูปถ้อยคำเรียง.............. .....ชีวีตกผลึกเปล่งแสงสีกวีซ้อน..................... .........เรื่อยๆจรจบพบที่ใจ.................. .ประสบปรุงแต่งแปลงเนื้อหา....... .....อวิชชา ตัณหา อุปทาน.....เป็นครูสอน.... ....ต้นกำเนิดนำพากวีกลอน...........ได้มาลอง...กล่าววาจาพลางกวี
28 ธันวาคม 2546 23:59 น. - comment id 195639
....มีชีวิตจิตใจไม่ต้องขลาด หรือต้องหวาดกลัวใครในอักษร ตามใจสั่งตั้งไว้ในงานกลอน ถึงจะย้อนตัวเราเท่านั้นเอง.... ..................สวัสดีครับ................
29 ธันวาคม 2546 12:56 น. - comment id 195746
ขอบคุณค่ะ คุณไม่ประสงค์ออกนาม คุณแก้วโนรี .. ขอบคุณมาก ค่ะ ตัวอักษรแม้นจะยอกย้อนฟาดฟันให้รู้สึกท้อถอยบ้างในบางครั้ง แต่มันก็ป้องกันได้ได้เพียงต้องยึดมั่นอุดมการณ์และรักษาใจไว้