วันนี้เดินดินกินข้าวแกง สองขายังมีแรงพอเดินไหว สลดหดหู่หนอ...ช่างท้อใจ ชั่นเข่าเหงาได้ก็เพียงเรา จะร้องไห้ก็ไม่มีน้ำตา จะหัวเราะออกมาก็เงียบเหงา ได้ยินเพียง...เสียงของใจ....ไหวแผ่วเบา ลมหายใจที่ไม่เข้าข้างตัวเอง ทำไมหนอชีวิต...คิดไม่ถึง ก่อนนั้นก็ดื้อดึงและอวดเก่ง อุปสรรคหน้าไหนไม่เคยเกรง เริงละเลงชีวิตไม่คิดกลัว ยามนี้เพียงชันกายหมายลุกขึ้น ยังเมามึน...ไม่รู้...สู้ดีชั่ว เท้าจะพาไปทางไหนไม่รู้ตัว มือปีนป่ายไปมั่ว...เหมือนมัวเมา ชีวิตล่มล้มละลายไร้ทางแก้ ถูกเหยียบซ้ำย่ำแย่....แคร์ใครเขา ที่ถูกเค้าแนมเหน็บเจ็บใจเรา ถูกของเขา..ก็เรา....เป็นคนทำ ยามคนล้มอย่าข้าม..เขาปรามไว้ ทีของเราเขาสะใจ..หมายกระหน่ำ ชีวิตช่างรันทดกฏแห่งกรรม ก่อนนั้นก็เคยทำเขาช้ำใจ อย่าทำเขาให้เจ็บ...ให้เก็บกด ยามคืนกลับมาหมด....อดไม่ไหว ยามนั้นจะรู้จักหนักเพียงใด อย่าทำเขาเจ็บใจ...จะเข้าตัว
11 พฤศจิกายน 2546 00:00 น. - comment id 180377
เมื่อคนล้มอย่าข้ามเขาห้ามไว้ แต่ถ้าคนมีใจให้ห่วงหา ก็โปรดใจกลับรับอุรา เพื่อจะได้สานสัมพันธ์ให้มั่นคง ***กลอนคุณไพเราะและความหมายดีมากเลยค่ะ แต่งานนี้ผู้หญิงไร้เงาขอมั่วหน่อยแล้วกันนะค่ะ***
11 พฤศจิกายน 2546 02:05 น. - comment id 180418
กลอนดีค่ะ แต่จริงๆเราแค่หกล้มนิดหน่อยค่ะ อย่าลืมแกว่งแขนวันละห้าร้อยครั้งค่ะ อิอิ