บ้านนาสู่ป่าตึก

แววดาว

ทุ่งรวงทองถิ่นนี้เคยมีค่า
   น้ำมีปลานามีข้าว  คำกล่าวขาน
     ทรัพย์ในดินสินในน้ำคำโบราณ
     สืบตำนานท้องทุ่งเคยรุ่งเรือง
          คราดคันไถสงบนิ่งถูกทิ้งขว้าง
     ไร้กองฟางด้ามเคียวควายเคี้ยวเอื้อง
      แผ่นดินที่อัตคัดดูขัดเคือง
      ถูกคนเมืองยื้อแย่งเข้าแข่งครอง
          ใช้เม็ดเงินหว่านนาแทนกล้าข้าว
      ดอกเบี้ยกราวงอกงามบนความหมอง
      หนี้สินล้นพ้นกายขึ้นก่ายกอง
      น้ำที่นองท่วมหน้าน้ำตาใคร
           อพยพหลบเศร้าเข้าเมืองหลวง
      มาเสี่ยงดวงเบื้องหน้า...หาทางใหม่
      พลีหยาดเหงื่อหลั่งรินแทบสิ้นใจ
      ทาสรับใช้นายทุน...เงินหมุนงาน
          เพียงสองมือสองขาก้าวมาสู้
      ภัยซ่อนอยู่รอบตัวทั่วทุกด้าน
      กลางป่าตึกลึกเร้นเช่นวิมาน
      กลับประจานให้เห็น...ความเป็นคน
           หวังลมลมแล้งแล้งเหมือนแกล้งหวัง
      ผิดพลาดพลั้งซ้ำซากมามากหน
       ห่างบ้านนาลาจากความยากจน
       กลับทุกข์ทนบนถิ่น...แผ่นดินเมือง				
comments powered by Disqus
  • ชัยชนะ

    2 พฤศจิกายน 2546 17:58 น. - comment id 178130

    จากบ้านนา มาสู่ตึก นึกสนุก
    คงมีสุข แสงไฟส่อง มองหรรษา
    แทบสลบ มาพบตรง เต็มนัยน์ตา
    ตื่นขึ้นมา รีบขันแข่ง แก่งแย่งกัน
    
    
  • ผู้หญิงไร้เงา

    2 พฤศจิกายน 2546 23:59 น. - comment id 178230

    จากบ้านนามาสู่ในเมืองหลวง
    เจอแต่คนคอยหลอกลวงซ้ำทรวงหนา
    มีแต่คนไม่ซื่อซื้อชีวา
    ไม่มีความจริงใจนั้นให้มาน่าเศร้าจริง
    
    ***กลอนไพเราะอีกแล้วค่ะ  แต่บทแบบนี้ผู้หญิงไร้เงาไม่ค่อยถนัด  ขอมั่วหน่อยแล้วกันนะค่ะ***
  • ต่าย

    4 พฤศจิกายน 2546 11:47 น. - comment id 178480

    โอ้หนอความเป็นคนอยู่ที่ไหน
    คนดีลดหมดไซร้คนชั่วเพิ่ม
    กรุงศรีอยุธยาไม่สิ้นคนดีนั้นความเดิม
    ปัจจุบันคนเลวเพิ่ม คนชั่วเสริม แล้วจะให้ทำไง***** แต่งได้ซึ้งถึงความหมายมากจ้า ชอบจังบทนี้ ไม่มีที่ไหนน่าอยู่เหมือนบ้านเรา เนอะ ต่ายเป็นกำลังใจให้นะคะ

thaipoem ที่สุดกลอนดีๆ

thaipoem บ้านกลอนไทยที่ที่สร้างแรงบันดาลใจของทุกๆคน เป็นเพื่อนเมื่อยามเหงา คอยปลอบใจเมื่อยามร้องไห้ ที่ที่อยากให้ทุกๆคนรู้ว่าสิ่งดีๆเกิดขึ้นได้ทุกวัน