สะพานไม้ผุเก่าเสาเอียงโย้ หลังคาโหว่ฝาหลุดพื้นทรุดต่ำ เหม็นคละคลุ้งชาชินกลิ่นน้ำครำ ภาพทรงจำซ่อนเร้นความเป็นเมือง หลากผู้คนทนทุกข์เศร้าซุกร่าง เคว้งและคว้างคืนวัน...แค่ฝันเฟื่อง วาดวิมานความหวังอันเปล่าเปลือง ยุครุ่งเรืองคนยากมากคนจน อิ่มน้ำตาแทนข้าวร้าวรู้สึก อ้อมป่าตึกน่ากลัวทั่วทุกหน ยื้อและแย่งแข่งขันขีดชั้นชน ฟากถนนเบื้องหน้า ฟ้ากับดิน ต้องเผชิญต่อสู้อย่างผู้กล้า เหน็ดเหนื่อยล้า...แรงใจไม่เคยสิ้น แลกหยาดเหงื่อต่างน้ำมุ่งทำกิน ท่ามกลางถิ่นเมืองหม่นเล่ห์กลลวง รอยเส้นเอ็นปูดโปนโชนชีวิต ฝ่าวิกฤตอดีตกาลผ่านเลยช่วง จากบ้านนอกคอกนามาเสี่ยงดวง ภาพเมืองหลวงยิ่งใหญ่...แสงไฟพราง มากความโศกโลกเศร้าเหงาสะทก ดังกระจกสะท้อนซ่อนความต่าง เพียงคำตอบอาจเร้นบนเส้นทาง คือ ช่องว่างสังคม...อันซมทรุด
14 ตุลาคม 2546 14:03 น. - comment id 174222
กลางเมืองใหญ่ใฝ่แย่งเข้าแข่งขัน ผลประโยชน์แบ่งปันกันถ้วนหน้า คนจนต้องกินข้าวเคล้าน้ำตา รอฝนฟ้าปรานีไม่มีเลย
15 ตุลาคม 2546 12:50 น. - comment id 174407
มองภาพรวมเมืองกรุงที่ฟุ้งเฟื่อง ไม่ประเทืองปัญญาพาฉงน ไปอยู่ในมุมมืดสุดจะทน หลีกให้พ้นน้ำครำจำให้ดี..... เราเลือกเกิดไม่ได้แต่เราเลือกทางเดินชีวิตของเราเองได้ บทกลอนของ แววดาวสุดสวยลงตัวมากชื่นชม ๆ