ลิลิตสุวรรณสาม : ริมฝั่งสามะคันธี
ราม ลิขิต
๐ครรไลเลียบข้าง คงคา
บถอ้างอรัญวา แหวกขึ้น
มากหมู่พฤกษา สะพรั่ง
เพลินชมดับล้า เลื่อนโหย
๐ยมโดยดั่งหญ้า กอสยาย
ระดะเรี่ยราย รอบด้าน
ยมหยาดหยดหมาย สงบมุ่ง
ยมเจาะจิตจ้าน เจ็บยม
๐นมสวรรค์สว่างพุ่ม พราวไสว
แดงดอกดูไต ต่อมแต้ม
ถันเทพหนอไฉน นัวหนัก
คนเพียงคู่แย้ม ยุ่งแล้ว
๐แก้วแกว่งกิ่งก้าน กราวสวย
ลมโยกระทวย นาฏท่า
หอมชื่นมาชวย รมฉ่ำ
แก้วไต่แก้วร้า ล่องฉุย
๐คุยคลานเคลื่อนขึ้น โคลงเคลง
เถากอดกระเตง ไต่ลาก
เลื้อยร่ายเลาะเขลง ขนัด
นึกคำคุยมาก แค่โม้
๐ตะโกแก่ต้น ตาดู
พลับไพล่หลงชู ชื่ออ้าง
สองพืชตูสู สลับ
เคียงพันธุ์พิศสร้าง ไสว
๐ไทรสูงสะบิ้ง ระบาย
ต่องแต่งแกว่งกราย เกลื่อนไส้
วิหคมากหลาย เริงร่อน
กรูเกรียวไกลใกล้ กู่เสียง
๐เมียงบัวเกลี่ยเกลี้ย ชลการ
สัตตบุษย์บาน เบิกหล้า
สัตตบรรณสาน สร้อยสอด
กระเพื่อมคลื่นค้า ขับสวย
๐พังพวยพุ่มแผ้ว พรรณราย
แดงดอกขาวมาย ม่วงด้วย
ปอว่อนถวาย ปานวาด
หยอกยอดยั่วย้วย ปีกแย้ม
๐ชมแกมย่างก้าว มาไกล
เลาะตัดลัดไพร ไต่บ้าง
ดงดึกลึกไฉน คงแน่ว
ดึกฉ่ำน้ำค้าง คู่หนาว
๐ราวเจ็ดทิวาวัน สองเร่งถั่นดงเถื่อน เลื่อนบรรลุแดนหนึ่ง
พินิจถึงที่แถบ ด้านหนึ่งแนบธารา นามสามะคันธี
น้ำท่ามีพร้อมมูล ด้านหนึ่งพูนไม้ผล ป่าโปร่งพนเบญจพรรณ
มีขอบขัณฑ์มิข่ม สมคะเนในถิ่น ให้ยินดีการบวช
ตรวจตราตรงจิตต้อง พ่วงเจตนาพ้อง พ่างนี้พำนัก