แรงไฟโหมโลมเล้าเคล้าราคะ จารผัสสะเริงลิ่วราวหิวโหย ครวญละล่ำพร่ำเพรียกสำเหนียกโอย กลิ่นกามโชยข้ามรุ่งพรุ่งจากจร เหลือเพียงรอยราคีก่อนตีจาก หลงลมปากคำหวานพร่ำแท้คำหลอน หากเห็นค่าพรหมจรรย์มั่นสังวรณ์ ยั้งคิดก่อนไฟจะผลาญรานตัวเอง
27 เมษายน 2546 15:35 น. - comment id 131994
life is love,love is sex,sex is life ปราชญ์กล่าวไว้ในกาลก่อนแต่ตอนหลัง เป็นวัฎวนว่ายไปในวนวัง คำนั้นยังคงขลังอยู่เช่นเดิม แต่ตัณหาราคะหากคาจิต ก็เป็นพิษทั้งกายใจไม่ส่งเสริม แม้นหากพลาดพลั้งไปไม่ซ้ำเติม ธรรมะเริ่มเติมที่ใจให้โลกเย็น
27 เมษายน 2546 16:20 น. - comment id 132008
โหห.... ชื่อกลอน แบบว่าโดนมาก ๕๕๕ ดีครับ กลอนดี เขาว่า ผู้ชายรักเพราะ sex แต่ผู้หญิงอ่ะ sex เพราะรัก อันนี้ก็ไม่รู้ว่าจริงป่าว....
27 เมษายน 2546 16:36 น. - comment id 132016
เพลิงพิษผลาญผ่านใจอย่าให้เหลือ ให้หมดเชื้อพิษร้ายทำลายขวัญ สรรพสิ่งเสื่อมไปในคืนวัน ค่าของมันคงไว้กับใจตน ถึงไฟร้อนกลับรุมมาสุมอีก รู้หลบหลีกหล่มลึกเคยฝึกฝน รู้เท่าทันไฟเจือเชื้อกมล สลายบนไฟเย็นมองเห็นทาง
27 เมษายน 2546 17:54 น. - comment id 132038
ก่อนกระทำสิ่งใดให้พึงคิด ก่อนจะติดกับสิ่งใดที่หลอกหลอน หากเป็นหญิงคิดก่อนอย่าเพิ่งยอม อย่าเพียงหอมลมปากก็ยอมคน
27 เมษายน 2546 21:45 น. - comment id 132107
หู..... ดูน่ากลัวจังค่ะ
27 เมษายน 2546 21:49 น. - comment id 132110
ขอบคุณค่ะ คุณเจือจันทร์ คุณผู้ชายรักสบาย คุณดาวศรัทธา คุณsmiley face... ลูกเป็ดจ๊ะ ..อย่ากลัวเลย จะโอ๋ให้นะ เพลิงสวาทนำใจให้ใฝ่ต่ำ จึงถลำสู่หุบเหวความเหลวไหล หิริโอตัปปะเลือนละไป จึงหมกไหม้อยู่กับเพลิงระเริงตน
27 เมษายน 2546 23:14 น. - comment id 132155
นิยมแท้ มีแจมนิ ไฟราคะ ชะไฟโหม ไฟตัณหาล้นลุกโลม ไฟอวิชาหม่ร้างเร้าชโลม ไฟอบายล่มโลกลวงกลวง เย็นลมบ่มไฟโหมโลมไล้ เย็นพงไพรสงัดสงบสำเริง เย็นไอหมอกใจให้หาญเหิม เย็นเพลิงเริงธรรมรสรู้ไฟลน ล้วนไฟให้ดิ้นไปในกานท์ลึไฉน
27 เมษายน 2546 23:15 น. - comment id 132156
โอ้ว่าไฟราคะประหม่ายิ่ง ใครจะทิ้งได้เล่าเขาอยากเห็น ไฟรุ่มร้อนรุมเร้าเผาทั้งเป็น เจอลมเย็นเดี๋ยวก็หายพอคลายไป อิอิ
28 เมษายน 2546 01:51 น. - comment id 132194
โอ้โห... เหมือนพี่แจมปรามน้องๆแบบเข้มๆเลยอะค่ะ
28 เมษายน 2546 01:55 น. - comment id 132195
โอ๊ยๆๆๆๆๆๆๆ ตายแล้วอะค่ะ ขอโทษนะคะ อัลมิตรา พู่อ่านกลอนคุณแล้วชอบ แต่ดันเปิดอ่านทีละหลายหน้าต่าง อ่านพร้อมกลอนพี่แจมอะค่ะ เลยกลายเป็นเหมือนบอกพี่แจมเลยอะค่ะ ขอโทษนะคะ แต่เหมือนกำลังปราบแบบเข้มๆจริงๆค่ะ
28 เมษายน 2546 04:10 น. - comment id 132205
ความอยากไม่มีที่สิ้นสุด
28 เมษายน 2546 09:27 น. - comment id 132289
ชอบตรงวรรคสุดท้ายของบทที่สอง เคยจุดไฟเผาตัวเองเหมือนกัน แต่เป็นไพรักนานมาแล้ว ณ วันนี้ไฟดับ แต่ว่า ยังกรุ่นอยู่ครับ
28 เมษายน 2546 22:04 น. - comment id 132564
ขอบคุณค่ะ คุณน้ำ เจ้าลม คุณทะเลรัก คุณพู่กัน คุณลำน้ำน่าน .. :) ยื่นน้ำให้นะคะ สาดโครมใหญ่ จะได้ดับสนิทค่ะ ถือว่าเป็นควันหลงวันสงกรานต์ค่ะ ..555
28 เมษายน 2546 23:45 น. - comment id 132637
...มาเยือนครับ...แล้วก็กลับ....คุณอัลมิตรา ...บริสุทธิ์ผุดผ่องต้องหมองหม่น เหมือนเดินหล่นลงแหล่งแห่งตัญหา ความมืดดำซ้ำเติมเพิ่มเข้ามา เลยไร้ค่าชื่นชมพรหมจรรย์ ควรยั้งใจไว้นิดกันผิดพลาด เดี๋ยวกระดาษหัวใจไม่เฉิดฉัน ราคะในใจเกิดเตลิดพลัน จะห่ำหั่นเป็นไฟไหม้ตัวเอง... .........................สวัสดีครับ.....................
29 เมษายน 2546 01:06 น. - comment id 132682
เกมกลกามราคร้าย รุงรัง เสน่ห์สนิทสุดประทัง รุ่มร้อน ซิบกระเส่าฤดีหวัง คุกรุ่น อกไหม้ สมอิ่มทรวงสะท้อน พักฟื้นคืนคราง
29 เมษายน 2546 06:08 น. - comment id 132765
สวัสดีค่ะหนูอัลมิตรา นาน ๆ จะแวะมาสักครั้ง พอเห็นอะไรผิดหูผิดตา ขออนุญาตทักนะคะ จะขอเป็นจันทร์งามยามราตรี สถิตย์ที่กลางนภาเวหาหน ระยิบระยับวับวาม ณ เบื้องบน ลิขิตกานท์จารสกลนิพนธ์ความ ๑.คำว่า สถิต ไม่มี ย ยักษ์ การันต์ ค่ะ ๒.ท้ายวรรค ๓ ขอแก้เป็น...ระยิบระยับวับวามตามใจตน...หรืออื่น ๆ ที่ใกล้เคียงนะคะ คือท่อนลงต้องรับสัมผัสค่ะ ส่วนท่อนขึ้น จะเว้นไปบ้างก็ไม่กระไร สำหรับกระทู้นี้ก็น่าอ่านนะคะ วันหน้าวันหลังลองเขียนถึง ไฟจาคะ บ้างดีหรือเปล่าคะ :) สุดท้าย สำเหนียก เขียนเยี่ยงนี้ค่ะ
29 เมษายน 2546 08:29 น. - comment id 132786
คุณใบบอนแก้ว .. เพลิงกิเลสเผาพลาญให้วอดวาย ดวงวิญญาณเมามายแลสับสน โอ้อัตตาชี้นำเถิดในตัวตน ให้หลุดพ้นเพลิงร้ายไฟพญามาร คุณฤกษ์ .. ขอบคุณค่ะ คุณครูไหวฯ .. อัลมิตราแก้ไขแล้วค่ะ คุณพิราบเงินส่งมุขมาให้เขียน ไฟโมหะ ไฟโทสะ (คล้ายกันจัง) ไฟจาคะ ... ค่ะ เท่ากับเป็นการบ้านนะคะ ไปล่องใต้กลับมาเขียนส่งคุณครูค่ะ
25 พฤษภาคม 2546 23:40 น. - comment id 140495
สวัสดีค่ะคุณอัลมิตรา ชื่อน่ารักมากค่ะ เขียนกลอนได้เก่งนะค่ะหากว่างๆจะ แวะมาอ่านอีกค่ะ เขาว่าผู้ชายให้ความรักกับผู้หญิงเพราะ ต้องการความใคร่ตอบแทนแต่ผู้หญิงให้ ความใคร่กับผู้ชายเพราะต้องการความรัก (เขียนเล่นๆค่ะ)