ดั้นด้นค้นลงตรงความเชื่อ มุ่งเมือเครือคลุมลุ่มสลัว จากสมัยสู่สมัยสมามัว ทุกข์ยั่วคนถามหาความจริง เมื่อมืดชนเฉียงก็เพียงสัตว์ ไสยซัดสับสนทุรนสิง คดข้องอหวำกระหน่ำวิง หมุนวนกลวิ่งในสิ่งทราม ดิ้นไปไร้สุทุจริต กอปรกิจกาฬเร่งเขย่งหยาม อัสมิมานะตะกละกาม อยู่ท่ามการตายกระจายกรรม ลัทธิมองแถนแล้วแล่นบาป จึงฉาบอาบสิ้นกระบิลสำ จักรวรรดิกลัดจวักตักอธรรม ขบเคี้ยวละคำอย่างช่ำคอ ฝูงชนบนเชื่อทะเถือถ้อย ต่างช่อยชีพหวานแต่การหวอ ก้นรั่วกลั้วเก้อกระเชอกอ เพียงพออุบัติศาสดา เกิดเป็นรอยบาทที่ยาตรโลก รอยโยคประกาศศาสนา รอยแย้งแทงย้ำพระธรรมา หลักลอยถอยหล้ารอยปรานี ความรักแผ่ไหลไม่รู้จบ ความชังกรังกลบกระทบหนี นานาสังวาสพิลาสพลี กายใจแจงชี้วิถีชน มิเลือกจำแนกให้แผกภาพ ต่างองค์ทรงทาบระนาบผล สูงต่ำดำขาวอะคร้าวคน ประพนธ์ภาคพื้นพิมานแมน เพื่อโลกร่มเย็นและเป็นสุข จึงทุกข์โอบน้อมสู่อ้อมแขน ชีพคนล้นค่าหาใดแทน เก็บแค้นเคืองกันทุกข์บรรเทา เยือกเย็นแห่งแสงศาสนา เพียงเชื่อเย็นชาทว่าเขลา นับถือโดยข้างไว้อ้างเอา ย่อมเมามัวกลับบรรพกาล/.
25 มีนาคม 2546 17:31 น. - comment id 118665
กลอนแปด ไม่แตกต่าง ทางสัมผัส แต่ ช่างจัด ถ้อยคำ ทำเสียดสี ก็โดดลอย ลอยห่าง ทางวลี คือกวี ประดิษฐ์ คำ ล้ำเลิศแล้ว
25 มีนาคม 2546 19:59 น. - comment id 118723
วันนี้..ฝนตกหนัก เน็ตล่ม เลยถูกน้า (ม้าก้านกล้วย .. ) แซงคิวแฟนคลับคุณรามซะแล้ว เฮ้อ...
28 มีนาคม 2546 02:19 น. - comment id 119527
สวัสดีครับคุณม้าก้านกล้วย, คุณสีน้ำฟ้า ตอนนี้เผ่นไปลองโคลงดูสักตั้ง เนื่องจากเริ่มคิดเรื่องเขียนกลอนไม่ออก ทิ้งไว้สักพัก น่าจะมีแว่บอะไรออกมาได้บ้าง ขอบคุณอีกครั้งครับ