คือกิเลสและกรรมนำวิบาก ที่แสนยากจะหลุดหยุดสงสัย เป็นวงจรไตรวัฏฏ์สัตว์ทั่วไป เที่ยวหลงใหลเกิดก่อต่อวิญญาณ์ ไม่มีจุดเริ่มต้นให้ค้นพบ ไม่รู้จบเหตุใดไม่กังขา วิ่งไปตามแนวทางแห่งมรรคา ปล่อยเวลาหมุนเวียนเปลี่ยนผันไป สิ่งที่เริ่มคือจบพบครั้งแรก แต่ก็แปลกไม่พบจบตรงไหน สิ่งที่เท็จคือจริงเกินสิ่งใด สิ่งที่จริงเหตุใดกลับไม่จริง เพราะใจแคบมืดมนจนไม่เห็น ปัญญาเร้นอ่อนเยาว์เขลาอย่างยิ่ง จึงไร้ฐานชีวิตคิดพึ่งพิง หันเข้าไปแอบอิงอวิชชา เที่ยววนเวียนต่อไปไม่รู้จบ ไม่มีวันสยบจบปัญหา เพราะชีวิตมืดบอดยอดนัยน์ตา คือปัญญามองเห็น เช่นนั้นเอง แต่ละตนจึงต่างเข้าทางวน ปุถุชชนย่อมถูกทุกข์ข่มเหง เพราะดวงจิตมืดมัวไม่กลัวเกรง ไม่รีบเร่งให้ลุผลพ้นวงจรฯ
27 กรกฎาคม 2545 23:19 น. - comment id 63212
เขียนดีครับ ชัดเจนดี
27 กรกฎาคม 2545 23:22 น. - comment id 63216
เยี่ยมไปเลยค่ะ...ภีม...ความหมายลึกซึ้ง...
28 กรกฎาคม 2545 00:19 น. - comment id 63253
มรณานุสติไซร้...............เตือนใจ แม้ยิ่งใหญ่ สักเพียงไหน....ไม่พ้น สูงสุด กลับคืนสู่ สามัญ..........ทุกคน ไม่อาจจัก หลีกพ้น................จิตกาธาน เกิด แก่ เจ็บ ตาย.................. สงสารวัฏ สรรพสัตว์ เวียนว่าย..............วัฏสงสาร เวลาอยู่ เร่งสะสม................... แต่บุญทาน เพราะนิพพาน พาสราญ........พ้นบ่วงกรรมฯ --------------------------------------------------------------------- ปล. คำว่า จิตกาธาน หมายถึง เชิงตะกอน ค่ะ บุษ ติดตาม และ ประทับใจ ทุกบทกลอน ของภีม นะคะ แต่งกลอนได้ไพเรา ความหมายดี น่าชื่นชม ค่ะ เห็นด้วย ค่ะ http://www.thaipoem.com/web/poemdata.php?id=17948
28 กรกฎาคม 2545 00:54 น. - comment id 63264
มนุษย์เรา มีกรรม ติดตามตัว ใครทำชั่ว ผลกรรม ตามสนอง ใครทำบุญ จิตกุศล คงสมปอง ความดีจัก ตอบสนอง การกระทำ ----------------------------------------------------- งดเว้นบาป ทำแต่บุญ จุนเจื้อทรัพย์ จงน้อมรับ สดับธรรม เตือนใช้ย้ำ ตามหลัก ศาสนิกชน พึงกระทำ เป็นเครื่องน้อมนำ..........ให้หลุดพ้น จาก อบาย ----------------------------------------------------- ลดละเลิก...................จาก อบายมุข หก ล้างใจสกปรก...........ให้ ผ่องแผ้ว เช่น ตะวันฉาย ยึดมั่นในหลักธรรมะ..........จนชีพวาย จงอย่าอาย............จะละบาป.......กล้าทำบุญ ---------------------------------------------------------- มี หิริ โอตัปปะ..............เครื่องเตือนจิต มี สัมมาสติ...................คอยเกื้อหนุน โยนิโสมนสิการ............นั้นเป็นบุญ ขอให้คุณพิจารณา .......โดยแยบคาย --------------------------------------------------------- ประกอบอาชีพ ........ด้วย สัมมาอาชีวะ มีสติสัมปชัญญะ.......ไม่หดหาย ศรัทธาใน........พุทธศาสนา...ไม่เสื่อมคลาย เป็นเช่นสายธารธรรม........ฉ่ำชื่น.....จิตเบิกบาน --------------------------------------------------------
28 กรกฎาคม 2545 01:43 น. - comment id 63277
กลอนรักของภีมก้อหวาน.... กลอนนี้ก้อเขียนได้ดีจ้า.........
28 กรกฎาคม 2545 20:55 น. - comment id 63479
♥ ดังเกรียวคลื่น กลืนกลีบม้วน ผวนเป็นสาย โถมหาดทราย แล้วคลายเกรียว เลี้ยวคลื่นซ้อน อ่อนตัวลง ตรงเข้าโผ ชโลทร เป็นวงจร ย้อนมาหา ชลาลัย ♥ เห็นวัฏจักร ชักชวน หวนให้คิด ถึงชีวิต ติดบ่วงกรรม ทำไฉน จึงเวียนว่าย ตายเกิดซ้ำ อยู่ร่ำไป ที่ตราบใด ไม่หยุดสร้าง ทางอบาย ♥ เพราะวังวน หลงสงสารวัฏ เป็นเครื่องมัด สัตว์และคน วนเวียนว่าย ให้กลับมา เกิด แก่ และ เจ็บ ตาย วิถีทางพ้นทุกข์ได้ คือ นิพพาน ♥ ได้แรงบันดาลใจ มาจาก กลอนนี้ของภีมค่ะ ขอแจม ด้วยคน นะคะ