๏ "เงา"ทอดท่ามทิวาสุริยวัฏ
เคลื่อนคล้อยห้อยเห็นชัดรัศมีฉาย
เลียนอย่างหยอกล้อหยันย้ำบรรยาย
จวบรัตติกาลผ่านกรายลับหายกลืน ๚ะ๛
๏ เงาฉายงายโชติเช้า ....บังแสง
สุริย์ฉายสำแดง .... ยิ่งล้อ
คนเคลื่อนเลื่อนให้แคลง ... คงเล่น ล้อเฮย
จะย่างนั่งวิ่งห้อ.... ก็ห้อมตะล่อมเหมือน
๏ คล้ายเพื่อนคล้ายแฝดคล้าย....สองคน
ตรองกิริยาฉงน .... ต่างคล้าย
ภาพดำม่านหม่นจน ... มืดจับ เจื่อนเฮย
ขยับยกตกตามย้าย .... เยี่ยงเย้าหยอกเอิน
๏ ต่างเพลินต่างเพริดใต้ ....ตาวัน
ท่ามทิวาเฉิดฉันท์ .... ปรากฏไซร้
ห่างหว่างระยะหัน .... เห็นกำเนิด เงานา
หนึ่งมืดหนึ่งสว่างให้ .... แบ่งข้างสองเขลา
๏ ลางเงาลางเกิดซ้อน .... ซ่อนลึก
ครอบกรอบก่อต่อตรึก .... ตริรู้
งำจิตขีดสำนึก ....ชะงัก งันฮา
แผลงปรับเปลี่ยนแปลงผู้ .... พลิกใต้เงางำ
๏ คำกล่าวเงานั้นย่อม .... คู่ตัว
เงาว่างบ่เห็นหัว ..... เหตุสิ้น-
ชีพวิบัติขลาดกลัว .... ลางก่อ ร้ายแฮ
ด่าวชะตาแตกดิ้น .... ดับต้องตามเกณฑ์
๏ เงาตัวเห็นสะท้อน.... ตัวตน
เงาจิตย่อมกลืนกล .... กลบกล้ำ
คือผลิปริแปลงผล .... ปลายสุด แท้เนอ
สรรพสิ่งบังเกิดซ้ำ .... สืบตั้งแต่อัตตา ๚ะ๛
+ กิ่งโศก +
๑ สิงหาคม ๒๕๕๖
แรม ๑๐ ค่ำ เดือน ๘ ปีมะเส็ง
เงานั้น ย่อมสำแดงสถานะ โดยเสมอเพื่อนเสมือนญาติ ยิ่งมิตร