เปลวสุรีย์ ที่ส่อง ต้องผืนหล้า
ดูทีท่า ว่าปอง จ้องเผาผลาญ
ทั้งพืชสัตว์ ให้พลัน บรรลัยราญ
อวสาน โลกา คงมายล
ความร้อนแดด แผดจ้า ผืนหล้าแห้ง
ผิวดินแยก แตกระแหง ทุกแห่งหน
ลมสะบัด พัดฝุ่น หมุนเวียนวน
น้ำขุ่นข้น ขอดหนอง ทั้งคลองคู
พอลมโบก โยกไผ่ ให้ไหวพลิ้ว
ใบก็ปลิว ร่วงกราว คราวลมลู่
กิ้งก่าแย้ เขียดกบ หลบลงรู
แต่ปลาปู ติดตม จมก้นคลอง
ใต้สะเดา เงาร่ม แต่ลมร้อน
ผิวอ่อนอ่อน เกรียมดำ ดูคล้ำหมอง
ตะวันรอน ตอนบ่าย ปรายตามอง
เขม็งจ้อง จะเผา ให้เราวาย
เพราะแมกไม้ ไพรพนา ผืนป่ากว้าง
ก่อนเคยรก วันนี้ร้าง ต่างหดหาย
เพียงตอเห็น เป็นฟืน ยืนต้นตาย
ผู้ทำลายนั้นหรือ ก็คือใคร
จงเตรียมพร้อม ยอมรับ กับวิบัติ
เริ่มเห็นชัด ทุกวัน รู้กันไหม
ธรรมชาติ เหี้ยมโหด โทษสิ่งใด
จงเตรียมใจ ให้พร้อม ยอมรับกรรม