หุงตำนาน งามพรรษาฟ้ารุ่งลุกหุงข้าว ผมดำยาวตัดสีขี้เถ้าหอม เรียงเศษฟืนหลั่นแถวเป็นแนวดอม บิดกระลอมตอกเก่าเผาเชื้อไฟ จิบน้ำข้าวซาวเกลือเจือรองท้อง หวานน้ำรองชายคาแฝกแรกฝนใหม่ โอ้ละหนอบุญฟ้ามาจากใด โพสพใยเลี้ยงคนแต่บุราณ สืบครองสงฆ์องค์ล้ำธรรมสาวก อุปถัมภกหุงหาภัตตาหาร ใส่บาตรเอื้อเกื้อหนุนสืบบุญทาน สืบวิญญาณธรรมพุทธวิมุติไกล อุษาโยคย่ำรุ่งปรุงวสันต์ ห้วยเถื่อนหนองคลองธารยังซ่านไหล เปรียบเวลาผ่านเคลื่อนเลื่อนครรไล คู่กันไปกับสัทธรรมพระสัมมาฯ ชื้นละอองเรือนกายไสบบาง เย็นบ่สร่างกายนักตรึงหนักหนา เย็นน้ำค้างวางดอกยอดใบคา น้ำค้างนาวางดอกข้าวยอดนั้น เจ้าพายุดับแล้วแก้วตะเกียง ห้อยเสาเอียงเถียงนาดูน่าขัน ผ่านหลายฝนเติมต่อทอตำนาน เหงื่อแรงงานเติมยุ้งจากทุ่งทอง เติมเต็มเม็ดทุกเม็ดของเม็ดข้าว ทุกคำคราวรวยจนคนทั้งผอง อิ่มพระคุณบุญแม่โพสพทอง อิ่มเอมท้องอิ่มหนำทุกคำเคี้ยว ความอุดมห่มโลกวิโยคอุษา สายคันนารายทางยังแน่นเหนียว ตราบท้องนาทั่วถิ่นแผ่นดินเดียว จะยังเขียวความขจีตราบตรีกาล งามพรรษาฟ้ารุ่งลุกหุงข้าว ผมหงอกขาวเท่าสีขี้เถ้าถ่าน หุงชีวิตหุงข้าวหุงตำนาน ล้วนสืบสานต่อยุคทุกรุ่นไป ฟ้าฟื้น ธรรมชาติ
6 กรกฎาคม 2555 14:10 น. - comment id 1237500
ด้วยเป็นพุทธเรียบเรียงเพียงในบัตร จึงไม่ชัดรู้รอบกรอบศาสนา แต่ซาบซึ้งรสธรรมท่านนำพา อริยสัจจาที่ครองใจ จึงยากต่อแต่งงานกานท์กวี ด้วยคลังคำที่มีมิสดใส เป็นคนรักแห่งความเหงา เศร้าทรวงใน กี่กวีบทใหม่ชวนให้ตรม จึงแวะเวียนเยี่ยมอ่านผลงานงาม ที่ปลุกใจตื่นตามผู้สุขสม สิ้นทุกข์ สิ้นโศก ร้าวระบม แต่งานเขียนกลับขื่นขมเสียทุกที
6 กรกฎาคม 2555 15:45 น. - comment id 1237501
พี่พุดแวะมาอ่านงานงามของน้อง ชื่นใจจังเลยค่ะ และ.. ขอฝากบทกวีของลำน้ำน่าน ที่เขาเคยมีเวลารจนาไว้นานแล้วค่ะ ตอนนี้กำลังทำปริญญาเอก กำลังเดินทางหาข้อมูล วันก่อนไปพนมเปญ พี่พุดว่าจะตามไป แต่ติดธุระ ขอให้น้องเขียนบทกวีธรรมชาติชีวิตบ่อยๆนะคะ ขอเป็นแรงใจให้เสมอไปค่ะ รักและชื่นชมน้อง เรือนไทยริมน้ำ (Thai House by River Side) ลำน้ำน่าน ระฆังเหง่งหง่างขานแล้วแก้วกาลบุญ หอมละมุนดอกลำดวนมาด่วนหอม ริมเรือนไทยอวลบ่สิ้นกลิ่นพะยอม โอบล้อมชานพาไลทรายจันทรา สบวันพรุ่งเดือนแปดแรมหนึ่งค่ำ งามลึกล้ำคำขานนาคจันทร์เจ้าขา ข้าวออกรวงไหวว่ายตะเพียนปลา ข้าแผ่นดินร่มเย็นอยู่นิรันดร์ เรือนริมน้ำแลระเบียงโบสถ์คร่ำคร่า แว่วเสียงมาซอสามสายคล้ายเสียงฝัน ท้องร่องสวนเรียงรายลดหลั่นกัน ลำน้ำนั้นทอดทุ่งสายสู่ปลายนา ปลูกเรือนใหม่ตามรอยอารยธรรม หวานน้ำคำไปสู่ขอเสน่หา สึกบวชเรียนสนองคุณพระศาสดา ออกพรรษากล้วยอ้อยจักยังงาม มีเรือนนอนหมอนมุ้งยุ้งฉางข้าว เรือนบุตรสาวบุตรชายทาสสยาม มีหอนั่งรับแขกเหรื่อขจรนาม สะท้อนข้ามเสียงมนต์สวดจากหอไตร แว่วไก่ขันมาปลอบปลุกพุทธมณฑล ดอกอุบลบึงบางเบ่งบานไสว หลังเรือนครัวสลัวบันลอยควันไฟ เรียวรำไรระแนงขัดแตะอรุณราง ฤาครุวนาดั่งทิพย์ทองของแสงไต้ ค่าคบไม้งามอบอุ่นตราบรุ่งสาง เกล็ดน้ำค้างหยาดวนบนใบบาง สลัวลางเรือนตะเกียงสายมุ้งเลือน งามแสงทองวันพระลอดฟากฝา หอมข้าวปลาหวดหุงใหม่มะลิเหมือน ดุเหว่าหวานแว่วลับกับดาวเดือน เตือนสัญญาว่าขลุ่ยไม้ยังครวญคราง หอมพลับพลึงเทียนขาวสาวห่มตาด เก็บสไบใส่บาตรริมน้ำท่าขวาง จบขันข้าวเบญจรงค์บรรจงวาง พรางจวักตักถวายสำรวมใจ เกินเปรียบเปรยคุณงามความดี กุลสตรีนุ่งยกห่มผ้าไหม นั่งเก็บพกชายผ้าบนเรือนไทย สบกว่างามเยี่ยงนี้ไซร้ไป่มี หลังเรือนไทยปลูกเรือนทาสคลอเคียง สรมเสียงขูดมะพร้าวห้าวอึงมี่ ดั่งตะแบงมานพาดพันกายชายชาตรี บ่าวไพร่มีหล่อพระเครื่องถมทอง ผันศกโศกเกษมสมัยอยุธยา สิ้นทาสข้าคหบดีสืบศรีสนอง นาฏนางในสไบมาลย์ม่านมาครอง ลอยข้าวของวังสวรรค์พังทะลาย อนิจจาเรือนริมน้ำแต่โบราณ ผกผ่านเพรงเวลาน่าใจหาย เก่าคร่ำคร่าสิ้นวิญญูชนวางวาย ร้างเรือนตายเสียกรุงศรีหลายปีแล้ว --------------------------- วันนี้วันว่าง ข้าพเจ้าหยิบหนังสือเล่มงามนาม เรือนมยุราอ่านอีกคราว ภาพอดีตเรือนไทยริมน้ำและวัดไชยวัฒนารามในเพรงกาล กลับมามีชีวิตขึ้นในห้วงสำนึกอีกคราว แก้วเก้าได้บรรยายฉากหนึ่ง ได้อย่างงดงามจับจิตใจว่า แสงจันทร์ข้างขึ้นเกือบเต็มดวงสาดส่องต้องพระปรางค์วัดไชยวัฒนาราม ดูเปล่งปลั่งละม้ายเคลือบด้วยทองเนื้ออ่อน ทั้งยังแตะแต้มประกายเงิน ลงบนผิวน้ำอันนิ่งเรียบของแม่น้ำเจ้าพระยายามวิกาล ที่บัดนี้รายรอบไปด้วยเรือนไทยโบราณริมน้ำ เงียบงามสมค่าแผ่นดิน ชายหนุ่มร่างสูงใหญ่ ช่วยประคองสาวน้อยร่างระหงให้ก้าวขึ้นบรรไดอิฐ ซึ่งค่อนข้างชันและแคบไปสู่ลานชั้นบนซึ่งเมื่อเคยเป็นที่ตั้งของโบสถ์ บัดนี้ปลาสนาการไปแล้ว แสงสีเงินเป็นนวลใยสาดจับร่างในสไบและผ้านุ่งสีกลมกลืนกัน ดูผ่องใสราวกับมีแสงสว่างอยู่ในตัว หลังคากระเบื้องดินเผาหมู่เรือนไทย สะท้อนแสงจันทร์ดูงามเนียนในแววตา นานแสนนานในความรู้สึกของชายหนุ่มและหญิงสาว ตราบกลิ่นธูปเทียนถูกลมเย็นพัดหวนตลบ หมุนวนอยู่ตรงหน้าเหมือนสัญญาณการรับรู้จากผู้ที่อยู่ในอีกโลกหนึ่ง โลกของอดีตกว่าสามร้อยกว่าปีมาแล้ว ภาพอดีตเรือนไทยริมน้ำ และวิหารปรางค์ที่กลับมาฉายวนอยู่ตรงหน้า ก็ค่อยๆ เลือนหายไปเมื่อมีลมอ่อนพัดมาวูบหนึ่ง** ข้าพเจ้าเสียดายนักที่ย้อนเวลากลับไปหาอดีตได้ไม่ ยังเพียงจินตนาการและจิตที่งามสล้างเท่านั้นที่จะไปถึง แต่กระนั้นเรือนไทยริมน้ำและวังโบราณจะยังงดงามในหัวใจ ตราบจนแผ่นดินกลบหน้า ไร้บ่วงหลง โซ่ตรวนอวิชชานิรันดร์กาล จะหาไหนได้เหมือนกรุงแล้ว ดังดวงแก้วอันสิ้นแสงใส นับวันแต่จะยับอับไป ที่ไหนจะคืนคงมา ------------------------------------------------------------ ลำน้ำน่าน บุรุษแห่งสายน้ำนิรันดร์ แรม ๖ ค่ำเดือนสาม พุทธศักราช ๒๕๔๙ ปีจอ
6 กรกฎาคม 2555 14:24 น. - comment id 1237504
7 กรกฎาคม 2555 11:22 น. - comment id 1237588
ชอบมากแบบนี้
9 กรกฎาคม 2555 13:29 น. - comment id 1237805
สวัสดีครับพี่กวีปกรณ์ แนวทางของพี่ฟื้นอ่านบ่อยอยู่นะครับ ขอบคุณครับที่ตามมาให้กำลังใจ สวัสดีครับคุณdarikarn พี่พุดสวัสดีครับ ขอบคุณครับสำหรับแรงใจ มีโอกาสคงได้สนทนากันนะครับผม งานของพี่ลำน้ำน่านที่เอาลงให้ เพราะจังเลยครับ ขอบคุณนะครับ พี่พระอาทิตย์สบายดีนะครับผม ทักทายยามบ่ายครับ