ณ แผ่นดินอันเป็นที่รัก
เปลวเพลิง
ฉันพักกายที่นี่นะที่รัก
นอนหนุนตักหญ้างามคลายความหมอง
ห่มกายด้วยรังสีสุรีย์กรอง
ฟังไผ่พร้องดุริยศัพท์ขับคีตกานท์
เพลงลูกทุ่งผิวแผ่วแว่วมาโน่น
รวงข้าวโอนระเนนลู่ดูอ่อนหวาน
โอบอ้อมแขนขุนเขาเนาสราญ
แช่มชื่นบานถ้วนทั่วทั้งหัวใจ
แม้เพียงเอนหลังเพลินบนเนินหญ้า
ก็สุขแล้วยิ่งกว่าเวลาไหน
ที่รักจ๋า...ถ้าเหนื่อยเมื่อยเกินไป
แนบหทัยไสยาเถิด...อย่าติง
ณ แผ่นดินถิ่นซึ่งฉันพึงรัก
ได้รู้จักและสุขกับทุกสิ่ง
ผืนแพรทองผ่องไผทไม่ทอดทิ้ง
ซื่อสัตย์ยิ่งคงมั่นจนวันตาย
ก่อนหันกลับสู่เมืองที่เรืองรุ่ง
ขอบฟ้าปรุงแต้มแต่งแสงเฉิดฉาย
แหงนสบเนตรจันทรา ดาราราย
ดื่มความหมายชีวิต สิทธิ์เสรี
ฉันพักกายที่นี่นะที่รัก
อย่าห่วงนักและอย่าเมินหน้าหนี
ต่อรุ่งเช้าสว่างฟ้าทาบธาตรี
ฉันจะกลับสู่วิถีกาลีเมือง
ปล.บทนี้เป็นบทที่ต่อจาก พิมานทอง ครับ