สังขาร ลอยฟ่อง บนกองทุกข์ ความสุข สมเจต นั่นเศษเสี้ยว ที่เห็น รุ่มรวย สวยประเปรียว แว็บเดียว ก็หาย มลายไป ต่างคน ทนหวัง ทั้งชีวิต ขบคิด กังวล จนหม่นไหม้ เคี่ยวเข็ญ เค้นเหงื่อ โหมเชื้อไฟ เพียงใคร่ ถึงฝั่ง ดังวาดวาง คนมี มักมาก อยากมีเพิ่ม ตักเติม อำนาจ สร้างบาดหมาง คนจน บักโกรก เชื่อโชคลาง หาทาง ยาไส้ ไปวันวัน ร้อยแปด อาชีพ ล้วนรีบเร่ง คร่ำเคร่ง ตะกาย หมายสู่ฝัน มิตรที่ ปั้นหน้า ยิ้มหากัน ฉับพลัน อาจเปลี่ยน เป็นเสี้ยนใจ พี่น้อง ร่วมครรภ์ ยังขันแข่ง เรื่องแบ่ง เรื่องปัน นั้นลืมได้ เก็บเกี่ยว เหลียวแล แต่กำไร เหมือนไม่ รู้เหง้า รู้เหล่ากอ บ่อเกิด แห่งทุกข์ ยุควิวัฒน์ สมบัติ เทียมเท่า พระเจ้าหนอ มิต้อง โทษใคร ให้แตกคอ ต้นตอ อยู่ใน ใจเราเอง
29 พฤศจิกายน 2554 02:56 น. - comment id 1216391
เห็นด้วยอย่างยิ่งค่ะ
29 พฤศจิกายน 2554 10:14 น. - comment id 1216422
ขอบคุณครับ
29 พฤศจิกายน 2554 11:58 น. - comment id 1216463
ต่างหลงใหล ในสุข จนทุกข์ท่วม สุขทุกข์ร่วม รวมเป็นสุข สนุกเป็นทาส ทางแห่งพุทธ หยุดมันได้ ให้หลุดให้ขาด แค่สลัด ! ปัดพ้นร่าง ..ก็บางเบา พบแล้วนะ ? ..ธรรมมะ ละแล้วว่าง หลงแบกหนัก ไม่พักวาง..ก็เป็นอย่างเก่า ปลดแอกลง ปลงจากบ่า อย่าไปเอา ! ปล่อยตัวเบา เปล่าว่าง ! ..อย่างชื่นบาน แจมอ่ะ..
30 พฤศจิกายน 2554 16:49 น. - comment id 1216564
กระหายสุข พานทุกข์ มันจุกอก ตื่นตระหนก มักได้ จึงไร้สุข ถูกกิเลส ตัณหา พาเคล้าคลุก ฉุกละหุก ทุกข์ท้น เพราะตนเอง