โปรเฟสเซอร์คนหนึ่งเดินเข้าไปถาม ...เซ็นนี้หรือมีนิยามอย่างไรนี่... อาจารย์ยังไม่ทันตอบ...พลันรู้ดี เซ็นอย่างนั้นเซ็นอย่างนี้ว่าเรื่อยไป พระอาจารย์รินน้ำชาอย่างนิ่งเฉย เห็นน้ำร้อนล้นร่วงเลยก่อนรินไหล อาจารย์ครับ...ท่านจะใส่มันอย่างไร น้ำเต็มถ้วยแล้วเห็นไหม...เริ่มไหลริน... อาจารย์บอก ฉันใดก็ฉันนั้น เพราะความรู้ไม่มีวันที่จบสิ้น หากหัวใจไร้ที่พอจะได้ยิน รินความรู้ใส่ดวงจินต์ก็เปล่าเปลือง... เติมความรู้ให้เหมือนน้ำไม่เต็มแก้ว พร้อมดูดซับทุกสิ่งแล้วอย่างต่อเนื่อง ชีวิตคนจะตกต่ำหรือรุ่งเรือง อยู่ที่เรื่องรับฟังไหม...หรือไม่ฟัง
24 สิงหาคม 2553 12:11 น. - comment id 1152769
โอ๊ะ !!!! แซมมาที่หนึ่ง.. หลบไปแต่งนิทานมานี่เอง ไม่เห็นหลายวันเลยค่ะ.. แซมอ่านแล้วก็คิดว่า..เรื่องนี้แบบ.. ตักน้ำรดหัวตอ หรือเปล่าคะ... ถ้าไม่ใช่ ก็คงแบบ ตักน้ำรดหัวแซม..บางทีปัญญาจะงอกงามบ้าง... สวัสดีค่ะพี่ใบไม้...ขอบคุณสำหรับนิทานดีๆ ค่ะ.. มะขิ่น De Calif.
24 สิงหาคม 2553 12:38 น. - comment id 1152772
สวัสดีคะ คุณกระบี่ใบไม้ ได้แง่คิด...ดีๆอีกแล้ว ขอบคุณนะคะ
24 สิงหาคม 2553 13:44 น. - comment id 1152782
เรื่องนี้เป็นเรื่องการสนทนาระหว่างอาจารย์น่ำอิน กับโปรเพรสเซอร์ท่านหนึ่งซึ่งจะมาขอพูดคุยเรื่องเซ็นด้วย ในระหว่างการสนทนาโปรเพรสเซอร์แสดงภูมิและโวหารต่างๆนาๆ โดยไม่ฟังอาจารย์น่ำอินเลย อาจารย์น่ำอินจึงค่อยๆเทน้ำชาลงในถ้วย จนล้นถ้วยชาออกมา เมื่อโปรเพรสเซอร์คนนั้นทักท้วง ท่านอาจารย์จึงบอกว่า ฉันใดก็ฉันนั้น ท่านมาพูดคุยกับเราแต่ท่านทำตัวเหมือนน้ำล้นถ้วยอย่างนี้ ท่านจะเข้าใจเซ็นได้อย่างไร...(น้ำล้นถ้วยแล้ว ไม่ว่าจะเติมลงไปอีกเท่าไรก็ล้นออกมาหมด เหมือนคนที่ทำตัวรู้มากแล้ว ไม่ว่าใครจะเติมความรู้อะไรให้ก็ไม่ยอมรับฟัง...) เรื่องราวมันก็เป็นฉะนี้แลจ้านู๋แซม ไม่ได้ตักน้ำรดหัวหลักหัวตอแต่อย่างใด....
24 สิงหาคม 2553 16:40 น. - comment id 1152792
ไม่มองอีกแง่... เรื่องบางเรื่องที่พร่ำพูดให้ผู้อื่นฟัง หากเรื่องเหล่านั้นเขารู้อยู่แล้ว พูดไปก็ไม่ต่างรินน้ำล้นออกถ้วย เพราะไม่รู้จะฟังไปทำไมไงล่ะ ก็มันรู้หมดแล้ว >> ทฤษฎีเรียนรู้แบบผู้ใหญ่