คนปูทางสร้างชีวิตคิดดีงาม ได้ผลตามอย่างคิดนิมิตหมาย ใช้ปัญญารู้เท่าทันอันตราย ตายก่อนตายมิยึดตนทนทุกข์ใจ เพียรฝึกฝนค้นคว้าหาทางออก มิจนตรอกกิเลสมารพาลหวั่นไหว เพ่งพินิจจิตตนพ้นเช่นไร จนแจ่มใสหมดจดและงดงาม มีสุขแท้ไร้ทุกข์เป็นฐานราก ปราศจากกิเลสร้ายภัยทั้งสาม เป็นสุขจริงสดใสทุกโมงยาม อาศัยความพากเพียรเรียนจิตตน สมาธิดื่มด่ำทำให้สุข ปลดปลงทุกข์วางลงส่งเป็นผล เป็นสุขแท้ไม่มีสิ่งเจือปน เกิดเป็นคนพ้นโลกโศกไม่มี อิสระแห่งชีวีที่มุ่งหวัง ด้วยพลังปัญญาอันสดศรี สมาธิเพิ่มบุญหนุนชีวี บังเกิดมีแสงสว่างทางวิชชา แม้ชีวิตทุกข์ตรมแม้ขมขื่น แม้สะอื้นโหยไห้อาลัยหา ต่อให้หลงจนช้ำมีน้ำตา พลิกกลับมาดับไม่เหลือเมื่อเข้าใจ
23 สิงหาคม 2553 10:22 น. - comment id 1152573
ทุกสิ่งล้วนภาพลวงของช่วงกาล เมื่อทางปราณเกิดดับสลับได้ ต่อเมื่อหยุดนิ่งงันในวันใด ทุกภาพลบเลือนไปในทันที สวัสดีค่ะ พี่กันนา มาอ่านกลอนสอนใจค่ะ
23 สิงหาคม 2553 10:34 น. - comment id 1152580
ตนเป็นที่พึ่งแห่งตน แวะมาอ่านกลอนให้คติดีๆค่ะ
24 สิงหาคม 2553 06:56 น. - comment id 1152727
จิตที่สงบทำให้ตนเองมีความสุข มีสติ และพึ่งพิงตนเองได้จริงค่ะ..
24 สิงหาคม 2553 20:02 น. - comment id 1152833
29 สิงหาคม 2553 06:49 น. - comment id 1153401
วลีลักษณา.... ธรรมดาโลกโศกสลด จำต้องอดจำต้องฝืน ชีวิตมิยั่งยืน มิอาจขืนกฏแห่งกรรม... สวัสดีค่า.........
29 สิงหาคม 2553 06:51 น. - comment id 1153403
อนงค์นาง......... ถูกต้องแล้วครับ พึ่งตนเอง ดีที่สุดน้อ
29 สิงหาคม 2553 06:52 น. - comment id 1153405
กิตติกานต์ คมชัดที่ซู้ด
29 สิงหาคม 2553 06:53 น. - comment id 1153407
คุณ .. ขอบคุณสำหรับดอกกุหลาบนะคะ