ใช่แค่มือสิบนิ้ว จะพริ้วพรม เป็นคำคม อาวรณ์ กลอนหรูหรู ต้องใช้ชั้น เชิงวาง อย่างชั้นครู จึงจะดู รื่นใน ไวยลักษณ์ ใช่ท่องบ่น ตำรา มาล้านเล่ม กลอนจะเข้ม ข้นคั่น วรรณวิจักษ์ ต้องใช้กาล กลั่นกรอง ลองประทักษ์ จึงประจักษ์ ว่าเป็นงาน ผ่านสมัย ฉะนั้นจึง พึงสดับ จับกำหนด แต่ละบท กวีวัจน์ ดัดนิสัย ต้องปรุงรส อิ่มเอม เปรมฤทัย ด้วยละมัย ที่สั่งสม บ่มจนหอม ใช่จะเรียง ร้อยถ้อย รอยสิขิต มาปะติด ปะต่อคำ ลำนำกล่อม แล้วทุกบท จะล้วนดี ประนีประนอม ต้องอาบย้อม ด้วยรักร้อย ค่อยเรียบเรียง ใส่รสทิพย์ นำทาง อย่างรู้ธรรม ใส่ลำนำ ลงลำดับ สดับเสียง ใส่บัญญัติ ลงบรรยาย ร่ายลำเลียง ใส่สำเนียง ลงเสนาะ ไพเราะนัก ใช้ว่าร้อย ล้านผู้ อยู่เปล่าเปล่า จะขัดเกลา กวีได้ ในล้านหลัก นับแค่หนึ่ง เพียงพัน นั้นยากนัก หนึ่งที่รัก บทกวี มีหนึ่งเดียว แม้เปรียบตน ดังธุลี ที่ล่องลอย เหมือนค่าด้อย ต่ำใต้ ไร้แลเหลียว แต่หนึ่งฝุ่น ก็วาววับ ระยับเชียว แค่หนึ่งเดียว เรืองมลัง ดังฝุ่นเพชร
3 สิงหาคม 2553 08:54 น. - comment id 1149304
ยั้งไม่ได้ ใจมัน ฝันเป็นกาพย์ นอนพังพาบ เขียนอ่าน หมั่นศึกษา เขียนแล้วลบ ลบแล้วเขียน เพียรนานมา โอ้แซมจ๋า แต่งได้แต่ แค่เพลงยาว...... มาเยี่ยมชมค่ะ แซม
3 สิงหาคม 2553 10:12 น. - comment id 1149312
นั่นสินะ..กว่าจะได้กลอนบทหนึ่ง อารมณ์ถึง คำถึงซึ้งประจักษ์ ต้องขีดฆ่า ค้นคำยากล้ำนัก กว่าตวงตักคำกวี...นี้ยากเย็น ...
3 สิงหาคม 2553 10:29 น. - comment id 1149315
........แม้ไม่มี กวีไหว ในคำถ้อย แม้เรียงร้อย ไม่ได้ครึ่ง ซึ่งความฝัน มีเพียงใจ อยากร้อยคำ มาจำนรร เพียงให้ฝัน นั้นปรากฎ เป็นบทกลอน.... เราแต่งไม่เก่ง ไม่ว่ากันเน๊าะ.......
3 สิงหาคม 2553 16:17 น. - comment id 1149420
ไพเราะ สวยงาม ไม่เปลี่ยนเลยนะคะ
4 สิงหาคม 2553 13:25 น. - comment id 1149715
งดงามค่ะ