ก่อทรายคืนวัด
ฟ้าฟื้า ธรรมชาติ
มิ่งเมษาป่าคูนพูนความเหลือง
รับคนเมืองสู่นาแต่ฟ้าสาง
เด็ดมะลิลอยนำน้ำอบจาง
กลีบคูนวางโปรยหว่านขันน้ำปรุง
แป้งเย็นหอมพร้อมสรรพสำหรับน้ำ
หอมชื่นฉ่ำรดราดสาดผ้านุ่ง
สะกดเสื้อลายดอกออกกลิ่นฟุ้ง
แก้มกระพุ้งลายฟันหวีแป้งมีเขียน
ล่วงเวลาอุษากรายในทุกเช้า
คืนก่อนเก่าสู่วันใหม่โลกไหวเปลี่ยน
ไหวฮีตคองขันโตกเมื่อโลกเวียน
ฝ้ายขาวเคียนคาดพลูรู้พาขวัญ
เมื่อเมษามาย้ำความเป็นคูน
พิณแคนสูญจะได้ฟื้นกลับคืนฝัน
เพียงลมร้อนจนกรายในหว่างวัน
นาสวนนั้นแห่งบ้านนาจะปลื้มใจ
แห่งบ้านนาฟ้ารุ้งปรุงอุษา
ดาริกาวาววับจะหลับไหล
มิหมายมั่นอวิชามายาใด
หมายแต่ในต่อท่ามความอยู่เย็น
แห่งบ้านนาฟ้าค่ำย่ำความพลบ
การบรรจบมืด-สว่างอย่างเคยเห็น
มิหมายมั่นมืดงามด้วยจำเป็น
หมายแต่ว่าตาเว็นลับโลกไป
แห่งบ้านนาดาวตื่นคืนฟ้าดับ
นอบน้อมรับไอกรุ่นอุ่นคบไหว
มิหมายมั่นแสงต่างสว่างใด
หมายแต่ไฟวามผญาโลมป่ามอน
เหง่งจะเหม่งโมงดังระฆังหง่าง
ลมหัวกุดหอบฟางเริ่มร้างอ่อน
ปรารถนาลมสิพักคงอยากนอน
หลังออดอ้อนฟางแล้งแห้งเต็มนา
วาสนาเถียงเก่าเนาว์พระธรรม
ลิ้มรสล้ำคำมนต์บ่นคาถา
เพียงเก่าเก่าเหงาร้างสังขารา
หากมรรคาลอยหอมพร้อมรสพุทธ
ปางค์เจย์ดีทรายสุขทุกก่อก่อง
แจ่มเรืองรองแข่งงามความบริสุทธิ์
เปี่ยมศรัทธาส่องสว่างทางวิมุติ
หน่อพระพุทธแตกกล้าระย้าตำบล
คืนเม็ดทรายสู่อารามงดงามพระ
ทรงศีละร่มอุ่นบุญกุศล
ม้วนสายสิญจน์แต่ละก้อนอ่อนกลมมน
แผ่ผูกด้นต่อยอดปราสาททราย
ประดับคูนประดาด้วยสวยปราสาท
ทั่วลานวัดสาธุชนคนทั้งหลาย
อิ่มแรงบุญในท่ามความวุ่นวาย
แต่มั่นหมายเดียวกันสรรค์เจย์ดี
มิ่งเมษาป่าคูนพูนความเหลือง
อวดคนเมืองคราวคิดถึงซึ่งถิ่นที่
สาดน้ำเย็นแป้งป้ายในขันนี้
เปียกเจย์ดีวัดวาเมษายน
................................................................
งานวัดเล็กๆ ในชนบทยามเดือนห้า
ต้นเวลากลางคืน ผู้คนมากหน้าหลายตา
ยังไม่หยุดเล่นน้ำ ชุดเปียกปอนที่สะท้าน
ถึงขุมขนเมื่อต้องกับสายลมเย็น
บิงโกอักษรที่เปียกจนเปื่อยบ้าง
นักมวยที่ชกบนเวทีเปียกชุ่มไปด้วยเหงื่อและน้ำมันมวย
ผู้ชมข้างล่างก็เปียกไปด้วยน้ำหอมปรุง
กองทรายแต่ละกองที่ก่อนทั้งหน้าบ้าน และในวัด
ก็ชุ่มหอมไปทั่ว
ยามนี้เพียงร่มโพธิ์ที่ไหวเวกวิโว
ดอกคูนก็ไหวโววิเวก เหลืองอร่ามแข่งกับดวงดาว
ราวกับว่าเป็นพระอาทิตย์ยามกลางคืน
ไฟงานวัดก็ส่องสว่างไม่แพ้ แต่ละหลอดห่อด้วยกระดาษแก้วงดงาม
ในยามเดือนห้า หนุ่มๆสาวที่เลอะแป้งหอม
ล้วยสาดน้ำใส่เปียกไปหมด
สัตว์ยามคืนเช่นจั๊กจั่นที่สั่นปีกรั่ว
คงหลงคิดว่าเป็นน้ำฝนกระมัง
งานวัดยามคืน มาพร้อมกับการเล่นน้ำ มีทั่วลานวัด
แม้เณรน้อยและอุบาสิกาภาคฤดูร้อนเองก็ยังอดเล่นไม่ไหว
หลวงพี่หลวงพ่อท่านต้องวุ่นวายทีเดียว
ก็นับว่าเป็นบรรยากาศอีกแบบ
การเปียกปอนด้วยน้ำ ที่สาดใส่ทุกนาม
ในความเป็นอีสานชนบทแบบนี้
ข้าพเจ้าเองได้เห็นว่า
"สาดบุญกุศลเปียกบุญกุศลแท้ๆ"
ฟ้าฟื้น ธรรมชาติ