ระหว่งไฟตะเกียง และคืนมืด มีบางอย่างต่างชัดที่วัดได้ มีความหมายแอบนอนหลับซ่อนอยู่ พกพาความส่วนตนเผยคนรู้ เผินเผินดูเห็นชัดว่าขัดแน่ เช่นความมืดคืนสงัดรัตติกาล เตียงเกียงนั้นแตกต่างทั้งสองสิ่ง เช่นขาว-ดำ ดับ-สว่างต่างกันจริง ล้วนอ้างอิงจากที่เห็นความเป็นไป นิ่งและไหวไฟวาวอันพราวพร่าง มืด-สว่าง ไหว-หยุด จุดต่อไหน เพียงเพ่งผ่านขอบวามความเป็นไฟ จะเผยนัยรอยเชื่อมเหลื่อมล้ำกัน ความเป็นไฟในนามของความมืด ย่อมจะยึดความสว่างวางรากฐาน และความมืดนามไหนในไฟนั้น ย่อมยึดการครองที่ด้วยสีดำ ไฟกะพริบริบหรี่ไปกี่รอบ ไฟเท่านั้นที่จะตอบเมื่อสอบถาม คืนจะแจ้งจันทร์มีสักกี่ยาม คืนเผยความลับได้หากหมายฟัง นัยซ่อนอยู่ข้างในจะได้ตอบ ใน-นอกกรอบ ปฏิพัทธ์หรือบาดหมาง อาจคือรักขาว-ดำยังอำพราง มืด-สว่างอาจปะทะจราจล ในคืนมืดตะเกียงไฟได้แยกชัด ล้วนชี้ขาดสว่างแจ้งทุกแห่งหน ในแสงไฟมืดแยกจำแนกตน จุดบอดหม่นดับในไฟก็ไม่มี สองต่างสองคุณสมบัติดูขัดแย้ง หากมืด-แสงร่วมชะตาและหน้าที่ แสนงดงามงามกว่าคืนราตรี ที่ไร้สีแสงสว่างความเป็นไฟ หรือเปลวไฟลุกสว่างอย่างหมดจด คุณค่าคงอับยศหมดความหมาย แม้นให้แสงสาดกระจ่างนำทางใด ขณะฟ้าคงไว้ด้วยตะวัน สังเกตุไหมแสงไฟและกลางคืน การเติบตื่นมืด-สว่างล้วนรังสรรค์ เมื่อฟ้าร้างสุริยะอันตรธาน ทั้งคู่นั้นก็พบกันทุกครั้งไป มืด-สว่างต่างนักเห็นชัดอยู่ เพียงมองดูรู้รับสัมผัสได้ แยกเห็นชัดมืด-สว่างต่างกันไกล แต่รอยต่อมืดและไฟไหนติดกิน? ฟ้าฟื้น ธรรมชาติ
18 มีนาคม 2553 22:47 น. - comment id 1112203
ความคิดและคอนเซ็ปต์ดีครับ แต่สัมผัสระหว่างบทและระหว่างวรรคมีบางที่ต้องแก้ไขนะครับ ติเพื่อก่ออย่าว่าอ้ายเด้อ รักหรอกจึงบอกให้
18 มีนาคม 2553 23:16 น. - comment id 1112214
บ่ว่าดอกอ้าย อิอิ ผมแต่งแบบนี้มาทุกบท ก็กลบทบ่เก่งเด๊ ต้องฝึกอีกหลายๆ ขอบคุณครับอ้ายสุริยันต์ สำหรับคำแนะนำ
24 กันยายน 2553 13:57 น. - comment id 1158401
กลอนบทนี้ดูมีอะไรมากกว่ามีอะไร