เพราะชีวิตมี 2 ด้าน ฉันจึงจำเป็นต้องเห็นทั้ง ด้านมืดและสว่างของเธอ... ....หากเราสองคือธาตุหยินและธาตุหยาง เธอคือหยินอ่อนโยนพิสุทธิ์ใส ฉันคือหยางเด็ดเดี่ยวกล้าที่ใจ สองสิ่งไซร้สมดุลใจสมดุลธรรม หยินและหยางไม่ข้ามพ้นโลกุตระ เวียนวัฏฏะทวิลักษณ์เหตุทุกขา หากจิตหนึ่งข้ามไปสู่สุญญตา อีกจิตหนึ่งตัดมายาสู่สุขาวดี ฉันและเธอเดินโคจรจักรวาลภพ ได้ประสบพบเจอแล้วหลีกลี้ เธอบวชพระฉันนั้นก็บวชชี(พราหมณ์) พบสิ่งดีช่วยกันประกาศธรรม เธอเล่าเรียนวัชรเฉทิกสูตร อีกพระสูตรมหายานปรัชญาล้ำ ฉันฝึกฝนหินยานเรียนอภิธรรม เพื่อน้อมนำ " ปฏิจจสมุปบาท " เข้าใจตน หากชีวิตมีฟ้าดินคอยลิขิต ช่วยดลจิตเราสองคนประสบผล ฉันและเธอมีอัตตาเป็นของตน ต่างฝึกฝนเพื่อค้นหาทางตนเอง อาจเป็นแค่การเดินทางบนเส้นขนาน อีกไม่นานหากชะตาไม่ข่มเหง อธิษฐานสวดมนต์เป็นเสียงเพลง กังสดาลบรรเลงเธอยินพลัน เธอเรียนรู้พระธรรมชี้นำสุข ฉันเรียนรู้ฝ่ายทุกข์เพื่อดับขันธ์ หากเส้นทางสองเราบรรจบกัน สู่นิรันดร์แดนนิพพานที่หมายปอง
2 กุมภาพันธ์ 2553 23:10 น. - comment id 1095160
หยินหยางเป็นของคู่กันเนาะ แวะมาสดับกลอนเพราะๆ ค่ะ
2 กุมภาพันธ์ 2553 23:38 น. - comment id 1095179
เป็นมุมมองที่น่าสนใจมากครับ ไม่เคยนึกมาก่อนเลยเรื่องนี้ ปล.ชื่อนามสกุลผมก็เป็นหยิน หยางเหมือนกันนะ หุหุ
2 กุมภาพันธ์ 2553 23:50 น. - comment id 1095192
แล้วหยินกับหยาง จะมีโอกาสพบกันทุกๆกี่ปีนะเนี่ย แต่อย่างน้อยคงเหมือนจิตใจ ที่ต้องใช้เวลาในการกำหนด
3 กุมภาพันธ์ 2553 00:13 น. - comment id 1095196
แฝงไปด้วยคติธรรมมากมาย..ผมคนสกปรก.. เปรอะเปิ้อนไปด้วยกิเลสตัณหา..จึงพยายาม เข้ามาฟังธรรมมะในบ้านหลังนี้บ่อยๆครับ.. แวะมาอ่านครับ
3 กุมภาพันธ์ 2553 00:23 น. - comment id 1095198
สู่สมดุลของธรรมชาติ สวัสดีครับ คุณ หลี่เหม่ย
3 กุมภาพันธ์ 2553 07:24 น. - comment id 1095245
เพลงเร้าใจดีครับ
3 กุมภาพันธ์ 2553 20:23 น. - comment id 1095571
virismara ขอบคุณที่แวะมาเยี่ยมค่ะ สุริยันต์ จันทราทิตย์ จริง ๆ หยิน-หยาง อยู่คู่กัน สุริยะฉายแสง จันทราก็ยังสถิตอยู่ในนภา เพียงแต่ว่ามองไม่เห็น จันทราสาดส่อง ใช่ว่าสุริยาจะหายไป ยังอยู่คู่บนอากาศเพียงแต่ เมื่อหยินมีพลังสูงสุดหยางต้องถอยออกมา เมื่อหยางมีพลังสูงสุดหยินก็ต้องเป็นเช่นเดียวกันจึงจะอยู่คู่กันไปอย่างสมดุล
3 กุมภาพันธ์ 2553 20:29 น. - comment id 1095574
ยาแก้ปวด... หยินและหยางไม่รู้อีกกี่ปีจะได้โคจรมาพบกันอีก....แค่รู้ว่าเราทั้งคู่อยู่ในจักรวาลภพก็พอ ประทาน... เปรียบเช่น ดอกบัวฉันใด เราก็เช่นกันดอกบัวเกิดจากตม แต่ก็ไม่เปื้อนตม...มนุษย์ก็เช่นกัน อยู่กับกิเลสแต่ทำอย่างไรให้ไม่เปรอะเปื้อนกิเลส...เช่นดอกบัวอยู่ในโคลนตมไม่เปื้อนโคลนตม
3 กุมภาพันธ์ 2553 20:31 น. - comment id 1095577
ธันวันตรี.... สมดุลโลก สมดุลใจ สมดุลธรรม ขอบคุณที่แวะมาเยี่ยมค่ะ ป๋อง สหายปุถุชน..... จริง ๆ อยากนำเพลงอื่นที่ไม่ใช่ในบ้านกลอนมาเป็น melody ยังหาวิธีอยู่
3 กุมภาพันธ์ 2553 21:33 น. - comment id 1095603
จากดวงใจสู่ใจใครลิขิต ช่วยดลจิตเราสองต้องสับสน เธอมีฉันบ้างไหมในกมล อยากฝึกฝนดั้นด้นค้นหาเธอ
3 กุมภาพันธ์ 2553 22:24 น. - comment id 1095623
สวัสดีครับ ผมว่างเว้นทางนี้แต่ไม่เขียนงาน ร้อยแก้วทางด้านโน้นครับ วันนี้เขามาก็อดที่จะ มาเยี่ยมเสียมิได้ครับ รักเสมอ แก้วประเสริฐ.
4 กุมภาพันธ์ 2553 00:24 น. - comment id 1095647
หยิน-หยาง สมดุลได้ใจพุทธะ อิสระสมมุติสู่จุดหมาย แท้หยิน-หยางว่างเปล่าแสนเปล่าดาย หลงงมงายด้านหนึ่งจึงทุกข์ทน ขาวหรือดำเกินไปไร้ประโยชน์ ใช้ยามโปรดสัตว์นาอย่าสับสน เพื่อเข้าใจในทุกข์รุกตัวตน หากปราศคน หยิน-หยางล้วนว่างเปล่า แม้นยิน-หยางยังไม่ผ่านพ้นโลกุตตระธรรม แต่พุทธะผู้รู้แจ้งใช้ในการเข้าใจสรรพสัตว์ เพื่อการโปรดสัตว์ กล่าวกันว่าพุทธะต้องมีใจ สมดุลระหว่างหยิน-หยางและไม่โน้มเอียง ไปทางใดทางหนึ่งมากไปทั้งไม่ยึดมั่นถือมั่น เพราะแท้จริงสรรพสิ่งล้วนว่างเปล่า ไร้สรรพ สัตว์ย่อมไร้หยินหยาง เหมือนกับการกล่าวว่า ไม่มีสรรพสัตว์ พระพุทธเจ้าก็ไร้ประโยชน์ ผู้บำเพ็ญทั้งหลายก็สมควรดำเนินตามนี้รอย
5 กุมภาพันธ์ 2553 20:27 น. - comment id 1096513
ขอบคุณค่ะ...ท่านอาจารย์คีตากะ ที่ชี้แนะ...หยิน-หยาง เป็นของคู่กัน เหมือนสุข-ทุกข์ มืด-สว่าง ชาย-หญิง อย่างไรซะก็ต้องเรียนรู้ธรรมคู่ เพื่อรู้ธรรมหนึ่ง อย่างที่พระอาจารย์ ปราโมทย์ ปาโมชโช ท่านว่าไว้ ในหนังสือ เรียนธรรมคู่เพื่อรู้ธรรมหนึ่ง
5 กุมภาพันธ์ 2553 20:38 น. - comment id 1096516
คุณแก้วประเสริฐ ขอบคุณทีแวะมาเยี่ยมค่ะ คุณพี่ก่องกิก จากดวงใจสู่ใจใครลิขิต ช่วยดลจิตเราสองต้องสับสน เธอมีฉันบ้างไหมในกมล อยากฝึกฝนดั้นด้นค้นหาเธอ ค้นไปใยใจของฉันนั้นว่างเปล่า ตั้งแต่คราวเธอจากไปให้ฝันเพ้อ ในใจฉันไม่มีใครรอเพียงเธอ ใจไม่เผลอไปรักใครให้ทุกข์ตรม
18 กุมภาพันธ์ 2553 22:15 น. - comment id 1101946
ถึงจะลดอรรถรสแห่งกลอนไปบ้าง แต่ก็ให้ความหมายที่ดี เป็นมุมมองที่ไพเราะ