จับเคียวเกี่ยวฝน
ฟ้าฟื้า ธรรมชาติ
จับเคียวเกี่ยวฝน
แสงสางหล้าเบิกอรุณอุ่นในหนาว
พลิ้วมะพร้าวโบกใบไล่ไอฝน
เสียงเกราะลอล้อลุกปลุกผู้คน
บรรเลงปนเสียงกริ่งกระดิ่งควาย
ยอดหญ้าแนบแอบนิ่งอิงน้ำค้าง
แห้งกระด้างได้ฉ่ำกรุ่นละมุนไหว
ไก่แม่อ่อนต้อนลูกอย่างสุขใจ
คุ้ยเขี่ยไปตามหญ้าพาหากิน
ฝนฟ้างามยามอรุณยังกรุ่นอยู่
แอบรินหลั่งพรั่งพรูไม่รู้สิ้น
คืนความฉ่ำเย็นชื้นผืนแผ่นดิน
ต่อชีวินข้าว-หญ้าผืนนาทอง
จับเคียวเกี่ยวกองละอองฝน
แสนละมุนกรุ่นกมลเมื่อฝนต้อง
เก็บเกี่ยวฝนใส่ฝันมากลั่นกรอง
หลับตามองทุกขอบเขตสังเกตุตน
กระบวยตักน้ำชิมลิ้มคุณค่า
หวานน้ำรองชายคาเหมือนหน้าฝน
ในเหมันต์วันหนาวพราวกมล
บันดาลดลฝนและฝันให้พลันมี
จับเคียวเกี่ยวน้ำค้างต่างรวงข้าว
คมเคียววาวอาบแสงแห่งวิถี
วิถีชนบทนาหลายหล้าปี
ยังคงมีสืบแผ่นดินอวนกลิ่นนา
แดดสายๆลมเย็นๆเล่นยอดพร้าว
หนูตะเพาแอบหลับใหลใต้ใบหญ้า
รอกลางคืนแรมรอนจะจรมา
ค่อยแอบหายอดมะพร้าวยามหนาวกิน
เคียวเปียกปอนตอนหนาวพร่างพราวรุ่ง
คล้องกมลฝนฟุ้งจรุงถิ่น
สกุณาลารังยังโบกบิน
บรรเลงศิลป์เสียงสวรรค์ให้พลันดัง
เก็บเกี่ยวฝนในหนาวมาเนาแนบ
ทาบโค้งเคียวอิงแอบแนบความหลัง
คอยเสียงฟ้าในหน้าร้อนจะนอนฟัง
มาร้องสั่งทิ้งฝนจนฉ่ำเย็น
เคียวคอนโค้งคมใสในต้อนนั้น
คงได้ลับคมฝันให้ฉันเห็น
สลัดทิ้งสนิมสาบคราบลำเค็ญ
ก่อนมาเป็นเคียวคร่ำกรากกรำงาน
จะได้ใช้คมเคียวเกี่ยวใบกล้า
ไปปักดำทำนาเวลาฝัน
ฝันคือจริงคือตื่นในคืนวัน
ฝันคือขวัญปลอมประโลมในคมเคียว
จับเคียวเกี่ยวฝนหลงฤดู
ลับคมอยู่ในถิ่นแผ่นดินเสี่ยว
แผ่นดินแคนพิณผญาป่ากระเจียว
ฝึกคมเคียวรอเกี่ยวข้าว...ยามหนาวมา
ฟ้าฟื้น ธรรมชาติ