ผญา วันละบทกับสุรศรี
สุรศรี
ผญา วันนี้เสนอเกี่ยวกับผญาผาษิตครับ
กากินปลิงไปคาคอหมั่ง หมั่งบ่ขี้สามมื้อกระต่ายตาย
กระต่ายตายแล้ว จั่งเห็นซ้างเน่าเหม็น
เพิ่นว่า กากินปลิง สังมาคาคอหมั่ง
บาดห่าหมั่งบ่ขี้ เป็นหยังนอตายกระต่าย
บาดกระต่ายตายแล้ว ซ้างพรายคือเหม็นเน่า
กาผู้กินแท้แท้ สังซ้างมาเน่าเหม็น
เรื่องมันเป็นจั่งซี้ เป็นหยังนอบอกข่อยแหน่
เจ้านักปราชญ์ผู้ฮู้ ซ่อยข่อยแก้แหน่เป็นหยัง
ศัพท์ หมั่ง หมายถึง ละมั่ง
ซ้าง หมายถึง ช้าง
บาดห่า หมายถึง ทีกับ ,แต่กับ
สัง, สังมา,คือ,เป็นหยัง หมายถึง ทำไม เป็นอะไร
นอ หมายถึง หนอ
จั่งซี้ หมายถึง อย่างนี้
ข่อย หมายถึง ข้า ฉัน
แหน่ หมายถึง หน่อย
ผู้ฮู้ หมายถึง ผู้รู้
แปล กากินปลิง ไปติดคอละมั่ง ละมั่งไม่ถ่ายมูล สามวันต่อมากระต่ายตาย
กระต่ายตายแล้ว จึงเห็นช้างเน่าเหม็น
ความหมาย ผญา บทนี้ มีความหมายว่า การกระทำของคนคนหนึ่ง แต่ส่งผล เดือดร้อนถึงใครอีกหลายคน โดยที่พวกเขาไม่ได้เกี่ยวข้องกับการกระทำเหล่านั้นเลย แต่ด้วยความที่ผูกพันกัน เกี่ยวโยงกันอย่างใดอย่างหนึ่งพวกเขาด้องมีส่วนรับผิดชอบอย่างช่วยไม่ได้ ตัวอย่างเช่น เด็กนักเรียนโดนรถชนในเวลาเรียน ครูผู้รับผิดชอบคนแรก คือครูประจำชั้น ต่อไปเป็นครูเวรประจำวัน จำเลยคนต่อไปคือผู้อำนวยการ คนเดือดร้อนคือญาติพี่น้องของเด็ก เพื่อน ๆ ต้องเสียเวลาไปเยี่ยมที่โรงพยาบาล อะไรประมาณนี้ครับ ผมยังนึกไม่ออกว่าตรงกับคำพังเพย ภาษิต ของภาคกลางว่าอย่างไร ใครรู้บอกด้วยครับ จะได้เป็นวิทยาทานครับ