เอ้า!นั่งลงใครอยากฟังนิทานก้อม (เรื่องสั้น) ขยับล้อมเข้ามาเป็นวงสาน มาใกล้ใกล้จะได้ชัดในนิทาน เรียกเรื่องสั้น "นิทานก้อม" ล้อมเข้ามา มีชายหนึ่งหนุ่มแน่นแสนหล่อเท่ แต่งตัวดีโก้เก๋จากเคหา ไปทำงานรีบเร่งเคร่งเวลา ทั้งเดินวิ่งสลับขาฝ่าฝูงชน ทันใดนั้นได้มีชายคนหนึ่ง เข้ามายืนหน้าบึ้งริมถนน ตะโกนด่าหนุ่มงามท่ามกลางคน ด่าเสียจนหมดดีราศีตัว เอ็งมันโง่บัดซบเรียนจบสูง แล้วยังมุ่งโกงกินผิดศีลชั่ว แอบเป็นชู้เมียเขาไม่หวาดกลัว เอ็งมันวัวลืมตีนไร้ศีลธรรม ประชาชนมุงมองปองสงสัย ใครกันหนอด่าใครใจนึกขำ บ้างเชื่อตามคำด่าบ้าระยำ บ้างก็ทำเป็นไม่รู้ไม่อยู่ชม เขาจึงมีโทสะโกธะมาก อยากกระชากมาทำร้ายให้สาสม มึงเป็นใคร มาด่ากูผู้หล่อคม แต่ต้องข่มเพราะรีบไปทำงาน ทำงานไปใจเดือดไม่เหือดหาย คิดถึงชายแปลกหน้าช่างกล้าหาญ มันเป็นใครกันวะมาระราน กูอยากฆ่าประจานให้โลกดู สามอาทิตย์จิตหม่นจนฟุ้งซ่าน แม้เดินผ่านที่เก่าเศร้าอดสู อยากถามมัน ทำไมมึงด่ากู แต่ไม่รู้มันอยู่ไหนหาไม่มี เมื่อโกรธเข้าเขาเห็นเป็นคนโง่ เมื่อโมโหเขาว่าบ้าพาเสียศรี เขาก็รู้ความโกรธสิ่งไม่ดี แต่เจ็บนี้ดั่งไฟที่ไหม้ฟืน มันร้อนรนเดือดดาลปานไฟไหม้ มันกระสับกระส่ายไม่อาจฝืน นอนไม่หลับมันทิ่มตำทุกค่ำคืน ต้องขมขื่นฝืนไม่ได้ใจมันจำ เมื่อใจหม่นใบหน้าก็หมองเศร้า ใจร้อนเร่าโทสะพาถลำ คิดถึงแต่ มันเป็นใคร ใจระยำ ใช้ถ้อยคำหยาบร้ายไม่เคยเจอ หนึ่งเดือนผ่านเขาเล่าให้เพื่อนฟัง อยากสอนสั่งคนที่ด่าทีเผลอ หากฆ่าได้ก็จะฆ่าถ้ากูเจอ เพราะทำกูเขินเก้อกลางประชา เพื่อนรับฟังนั่งคิดจิตสงสาร จึงบอกว่า ไอ้คนนั้นมันคนบ้า หลายเดือนก่อนกูก็ถูกมันด่ามา ก็อยากล่าฆ่ามันหั่นเป็นตอน แต่ต่อมารู้ว่ามันเป็นบ้า จิตอยากฆ่าหายไปใจถ่ายถอน โกรธที่เคยปลุกเร้าเข้าไชชอน ก็คลายผ่อนผันเป็นเยือกเย็นใจ แปลกแต่จริงพอรู้เห็นมันเป็นบ้า ในอุราเปลี่ยนโปร่งโล่งผ่องใส อยากขู่ฆ่าทำร้ายสูญหายไป เป็นไปได้อย่างไรใครตอบที ก็เดือนก่อนฟุ้งซ่านรำคาญจิต หลายอาทิตย์เศร้าหมองครองราศี โกรธหายไปอยู่ไหนในตอนนี้ กลับกลายเป็นอารมณ์ดีราศีงาม โกรธเคยมีหนีไปที่ไหนหรือ หรือมันคือมายาน่าไถ่ถาม มันมีได้อย่างไรใคร่ติดตาม แล้วบางยามหายไปไร้ทิศทาง พุทธทาสประกาศว่าอุปาทาน ที่ยึดมั่นว่า ตัวกู ชูหัวหาง นี่คือกูนั่นของกูไม่ปล่อยวาง พอถูกขวางตัวกูก็สำแดง อุปาทานนี่นี้ จริงแล หากปล่อยมันไหลแผ่ ทั่วถ้วน ยึดถือว่าฉันแก มัวมืด มนนา มีแต่พบทุกข์ล้วน หมดข้ามสงสาร
22 ตุลาคม 2552 00:01 น. - comment id 1054806
โกรธคือโง่ โมโหคือบ้า หรือเปล่าคะ
22 ตุลาคม 2552 00:35 น. - comment id 1054827
เหมือนคุ้นๆ ว่าเคยเล่าเรื่องคล้ายๆแบบนี้มาครั้งนึง อิอิ แบบ..เนื้อกลอนอาจจะเปลี่ยน แต่สาระเหมือนกันป่าวคะ
22 ตุลาคม 2552 07:35 น. - comment id 1054860
เป็นการเพิ่มเติมมากกว่าครับ ตอนแรกที่ลง ไปมีแค่สิบบท เท่านั้น จิตแรกคิดว่าจะไม่นำมาลงอีก แต่อีกจิตหนึ่งกลับดื้อดึง...และจิตแรกมีลักษณะประนีประนอม มันคุยกันสักพักหนึ่ง..สุดท้ายจิตแรกก็เลยยอมจิตหลัง...
22 ตุลาคม 2552 19:46 น. - comment id 1055178
ดีแล้วค่ะที่เชื่อจิตหลัง ไม่งั้นคงไม่ได้เข้ามานั่งล้อมวงอ่านกะเค้าด้วยนะเนี่ย
22 ตุลาคม 2552 19:51 น. - comment id 1055187
อ่านจบคิดถึง โลกไซเบอร์ คิดถึง บรรยากาศบ้านกลอน ณ มุมหนึ่ง เลยค่ะ
23 ตุลาคม 2552 13:39 น. - comment id 1055531
ลองสังเกตุใจตัวเอง.. ว่าเราเคยเห็นคนเขาร้องไห้เสียใจ เมื่อเขาสูญเสียลูกเมียพ่อแม่ญาติพี่น้อง..สูญเสียผู้ที่อันเป็นที่รัก แต่ ณ เวลานั้นทำไมเราไม่ร้องไห้เสียใจเหมือนเขา..... ท่านพุทธทาส บอกไว้ในหนังสือ คู่มือมนุษย์ ว่า ...มีตัวกูของกู....จึงมีทุกข์
23 ตุลาคม 2552 21:49 น. - comment id 1055970
ขอบคุณนิทานก้อมค่ะ เห็นความจริงในชีวิตขึ้นเยอะเลย
23 พฤศจิกายน 2552 19:53 น. - comment id 1067411
ธงไม่ได้ปลิว และลมไม่ได้พัด แต่เป็นใจเราที่ถูกพัดไปด้วย"โลภ โกรธ หลง"ต่างหาก.....