เสร็จทำนากลับบ้านมากะควาย อาทิตย์อุทัยจะลับลาแล้วฟ้าค่ำ หอมสาบน้ำโคลนนาคราคราดไถ ค่ำแล้วค่ำบอกนาว่าจะไป ขึ้นขี่ควายฟังเสียงแคนละแล่นมา สุดสะแนนให้หยุดฟังดังลายเศร้า ดูหงอยเหงาจากเคยฟังครั้งก่อนหน้า ต้อยแล่นแตรเบาแต่ก้องทุกท้องนา และเพลงแคนลำนำช้ากว่าควรเป็น นกโบยบินเที่ยวฟ้ากว้างคืนรวงรัง สดับฟังภาษานกที่พบเห็น ไปสุดหล้าฟ้าที่รักไม่ยากเย็น คงโลดเล่นตามประสาปักษาพันธุ์ ขี่หลังควายเหมือนลอยลมชมทิวทุ่ง กางแขนกางกว้างและสูงอย่างสุขสันต์ กางเหมือนปีกจะโบยบินจินตนาการ กลับสู่บ้านสู่หนบนที่นั้น ฟังสิฟังกางแขนฟังฟังธรรมชาติ ที่ลึกซึ้งเกินอำนาจสกัดกั้น ณ เวลาขณะใดในจักรวาล ขณะนี้ขณะนั้นไม่เท่าเทียม เพียงทุกก้าวงดงามความเคลื่อนไหว ในหัวใจก็รับรู้อยู่เต็มเปี่ยม เสนอค่าแห่งท้องนาว่าทัดเทียม กับวิมานชั้นเยี่ยมในแผ่นดิน คือวิมานของคนที่รู้ค่า รับแล้วว่าซึมสู่ใจไม่รู้สิ้น ธรรมชาติแผ่วสำเนียงเพียงได้ยิน ฟ้า ป่า ดิน สัตว์ นา ว่าอะไร หนุ่มน้อยรู้สึกสำนึกบ้าน ที่โน่น ที่นั้น หรือที่ไหน แต่รับสดับรู้อยู่ภายใน คือที่เหมาะควรไปสำหรับเรา หุบแขนกลับพักพอกอดคอควาย ตุหรัดตุเหร่ดุ่มไปในทางเก่า มุ่งจุดหมายปลายทางระหว่างเรา คอกหลังเก่า บ้านหลังเก่า ควายและคน ทุกเรื่องราวหมื่นพันหวานขมขื่น ล้วนจุดยืนคู่ขนานความสับสน เพียงเข้าใจส่วนมีความตีปน จะตีแตกขุดค้นบนส่วนใด ชนบทแห้งแล้งแร้นแค้น... มี! ส่วนดีดีไหนเลยจะเคยหาย เพียงรับรู้สิ่งงามงามอยู่ร่ำไป สิ่งร้ายร้ายอย่าไปรู้อย่าไปรู้ หนุ่มน้อยเป็นคนชนบท หัวจรดเท้าก็เห็นว่าเป็นอยู่ เข้าหมู่บ้านกลับละเนาะเลาะคลองคู ยะฮูยะฮู่สิกลับเฮือน ฟ้าฟื้น ธรรมชาติ
13 กันยายน 2552 23:40 น. - comment id 1038504
หลายคนด่าว่าฉันนั้นโง่เง่า ตื่นแต่เช้าทนไถนาเป็นว่าเล่น จะไปไหนต้องคอยจูงเดินไม่เป็น อยู่ลำเค็ญถิ่นท้องนาป่าโคลนตม รู้จักฉันดีแค่ไหนไอ้เพื่อนเกลอ จึงเสนอให้ตัวฉันโดนทับถม บ้างเปรียบเปรยอืดอาดเป็นทาสคน ฉันนี่แหล่ะโคตรตัวตนแห่งข้าวปลา หยาดเหงื่อแรงฉันหยดรดแผ่นดิน ไถทำกินให้มนุษย์หว่านข้าวกล้า ผลผลิตงามด้วยมูลฉันในท้องนา ยามเหนื่อยล้าแค่ให้ฉันแช่ตมเลน เอารูปฉันไปล้อเล่นเช่นไอ้ควาย เอาฉันขายได้เงินมาใช้เล่น ขี่หลังฉันแล้วสบายหายลำเค็ญ เคยเห็นมั้ยว่าฉันนั้นน้ำตานอง ถึงอย่างไรฉันเตรียมเจียมเนื้อตัว ฉันมันชั่วอาจจะพานให้คนหมอง อยากให้เธอคิดสงสารมาปรองดอง อยากครอบครองตัวฉันมั่นในใจ ฉันดีใจที่เธอรักและชอบฉัน ในวันนั้นน้ำตาฉันพลันเอ่อไหล รู้หรือเปล่าว่าซาบซึ้งกับน้ำใจ ที่อยากได้รูปฉันก่อนร่ำลา อย่าน้อยใจไปหากได้แค่รูปเดียว ถ่ายภาพเดี่ยวก็พอแล้วที่ทุ่งท่า อยากได้ภาพอีกมากมายให้กลับมา คำสัญญาฉันมั่นไว้จะไม่แปร..... ตอนไปงานบวชเพื่อนที่จังหวัดสุรินทร์ในต้นวสันต์ของปีหนึ่ง ตอนกลับได้พบควายน้อยตัวหนึ่งยืนเดียวดายอยู่ในท้องทุ่งเขียวขจี กับเพื่อนอยากทำความรู้จักและก็ขอเก็บภาพไว้เป็นที่ระลึก เลยบุกน้ำลุยโคลนลงไป เห็นแววตาหม่นเศร้า มีน้าตาไหลตลอดเวลา เป็นภาพที่ตรึงอยู่ในหัวใจจนทุกวันนี้ เลยเก็บภาพมาไว้เค้าดีใจมาก และคิดว่าวันหนึ่งจะกลับไปเยี่ยมเค้าอีก..เค้าสัญญาว่าจะรอ...เพราะพวกของผมเป็นเพื่อนคนแรกในชีวิตของเค้า..
14 กันยายน 2552 11:08 น. - comment id 1038579
เมื่อสุริยันย่ำค่ำสนธยา หมู่นกกาบินกลับสู่รังนอน เสร็จงานข้าวดำนาเดินลัดจร คันนาคอนมุ่งสู่บ้านมืดค่ำลง นั่งล้อมวงกินข้าวเราน้องพี่ คืนนี้ดีจุดไฟสุมไม้ขอน ไม่มียุงกัดเราแล้วเข้านอน พรุ่งนี้จรจักไป...ในท้องนา