ผืนแผ่นดินผืนหนึ่งซึ้งความหลัง เปี่ยมพลังท้นอยู่คู่ความหมาย สุขสงบอยู่ระหว่างความวุ่นวาย ณ เบื้องปลายแห่งหนตำบลใด ธรณีแหล่งไหนในจักรวาล จำจารึก..ตำนาน..งาน..รอยไถ บ่มเมล็ดรากเหง้าเผ่าพันธุ์ไท จำป่าไพรท้องนาอุษาตำบล --------------------------------------------- จากใจกลางตึกแท่งแหล่งลำนำ จากย่ำค่ำรุ่งรางกลางม่านฝน จากแผ่นดินวัฒนาป่าผู้คน จากวังวนแห่งโลกย์...โศกยังลึก เปิดเปลือกตาเหนื่อยหน่ายหมายมองฟ้า ลิบดาราส่องสรวงยามห้วงดึก คิดถึงบ้านตำบลฝนพรมพฤกษ์ พรายสำนึกผุดคว้างอย่างเงียบงัน ฝันไปถึงทิวตาลตำนานเยาว์ บ้านหลังเก่าปลูกไว้ในทุ่งฝัน ยามดุเหว่าหวานแว่วแผ่วจำนรรจ์ ปลุกวิญญาณตื่นทัน...นั่นแดดมา ทิวทุ่งเวิ้งลานกว้างทางเกวียนไกล รวงริ้วไหวโอนอ่อนอ้อนอุษา เขียวห่มเขียวอุ่นระวีคลี่วิญญาณ์ น้ำค้างทาโน้มรวงหน่วงค้อมลง สุดตำบลหนทางกว่ากว้างใหญ่ อาบอำไพแสงพุทธวิสุทธิ์สงฆ์ ธรรมยาตราดื่มด่ำธรรมธุดงค์ สืบตำนานพุทธิพงศ์ท่ามดงลับ เมื่อต้นข้าวแตกรวงคลอบ่วงใบ ดลดวงใจชื่นฉ่ำรวงธรรมจับ ตราบทิ้งรวงร่วงเหลืองเรืองระยับ คือชีวิตเกิดดับนับกาลนาน จากตำบลสู่ตำบลฝนโปรยปรอง ท่ามนทีห้วยหนองคลองละหาน คือวิจิตรพุทธศิลป์ถิ่นกันดาร บ่มนิพพานสมานยุคทุกปีมา ได้บอกเล่าเรื่องราวข้าวรวงเขียว บุญข้นเคี่ยวนมข้าวคราวพรรษา อมตะพืชพันธุ์บอกปัญญา ลิ้มโอชามวลมนุษย์ทุกยุคครอง ขุนจักรวาลผ่านเมล็ดเล็กน้อยนิด เจิมจุมพิตคนจน..จนพ้นหมอง พุทธจักรแว่นแคว้นทุกแดนปอง ผู้งามผ่องเหลืองรวงปวงผ้าพระ ณ ตำบลแหล่งใดในโลกเล่า ศานติสุขพลิ้วเบาเร้าผัสสะ ห้อมห่มข้าวพลิ้วรวงร่วงธรรมะ เกินโกฏิล้านวาทะจะจำนรรจ์ ผืนแผ่นดินตำบลคนเล่าขาน ถึงนิพพานข้าวรวงร่วงสวรรค์ โปรยมรรคาทอดทางสว่างวรรณ เทียบตำบลข้าวพันธุ์..แต่บุราณ ---------------------------------- เข้าพรรษาแล้ว..ต้นข้าวกล้าที่เริงร่าไสว ผ่านห้วงเวลาการตั้งท้องโอบอุ้มรวงชีวิต จวบถึงวันแตกรวงหล่อเลี้ยงมนุษย์ทั่วจักรวาล งดงามพลิ้วไหวอยู่ในตำบลท้องทุ่ง..อ่อนเยาว์ ต้นข้าวตั้งท้องแล้วออกรวงรอเวลาสุกระยับ เพื่อให้มนุษย์เก็บเกี่ยวไปตามวัฏจักรชีวิต บางเมล็ดร่วงพราวลงสู่พื้นบ่งสัจธรรมอันยิ่งใหญ่ เกิดขึ้น ตั้งอยู่ และดับไป... ในความตั้งอยู่นั้น เพียรพยายามสร้างสรรค์คุณความดี เฉกรวงข้าวที่เป็นศิลปินธรรมชาติ แต่งแต้มท้องทุ่งนามานานนับ จากตำบลสู่ตำบล ปีแล้วปีเล่า ยุคแล้วยุคเล่า ที่รวงข้าวนั้นคือผู้ให้ คุณความดีขจรกระจายสู่ผู้คนทุกแห่งหนตำบล... เป็นมาอย่างนี้และต่อไป ตราบนิรันดร์... ในความเป็นสามัญ ทุกมิติแห่งธรรมชาติ ทุ่งข้าว ราวไพร ล้วนมีความหมายซ่อนเร้น พระบรมศาสดากำหนดให้ภิกษุจำพรรษาหน้าฝน ด้วยเหตุประการหนึ่งที่ไม่อยากให้จาริกแสวงบุญ แล้วเหยียบต้นข้าวของชาวนาช่างน่าศรัทธานัก แท้แสดงถึงการเคารพต้นข้าวของพระศาสดา หากมีเวลาว่าลองท่องไปตามหนทางสายรวงข้าว เราอาจจะพบคติชีวิตที่น่าอัศจรรย์บ้างก็เป็นได้ เพียงเราเปิดตาเปิดใจที่จะรับฟังว่า..แท้จริงนั้น รวงข้าวกำลังกระซิบค่าของธรรมะ..และสัจธรรม ลำน้ำน่าน บุรุษแห่งสายน้ำนิรันดร์ วันจันทร์ที่ ๒๐ กรกฎาคม ๒๕๕๒
20 กรกฎาคม 2552 20:09 น. - comment id 1016985
สวัสดีครับ วันนี้อินสวนโชคดีจังเลยครับ ปกติจะวุ่นวายอยู่กับเรื่องของไข้หวัดใหญ่ 2009 จนแทบไม่มีเวลาเลยครับ ทำวอร์รูม ...ทุกวันจนห่างจากบ้านกลอน วันนี้นึกอยากแวะมาหน่อย เจอท่านลำน้ำน่าน..คุ้มค่าที่แวะมาจริงๆ หวังว่าจะมีโอกาสนี้บ่อยๆนะครับ ขอบคุณครับ
20 กรกฎาคม 2552 20:29 น. - comment id 1016995
ชอบมองท้องนาเวลาข้าวออกรวงสีทองสวยงาม มากๆค่ะ...
20 กรกฎาคม 2552 21:15 น. - comment id 1017009
หว่านต้นกล้าแห่งฝันในวันนี้ อุทิศพลีแรงใจใฝ่ถวิล ทุ่งรวงทองของปู่กอบกู้กิน พลิกฟื้นถิ่นแดนทองของแดนไทย อนุรักษ์ผืนนาอย่าทิ้งร้าง อย่าเลือนลางลาจากพรากไปไหน พึ่งพาตนทำกินถิ่นนาไพร แสนสุขใจร่วมฝันวันเสรี...
20 กรกฎาคม 2552 21:16 น. - comment id 1017010
บทกวีชี้ให้เห็นวิถีของความสงบ คุณค่าของของธรรมะที่สอดแทรกช่วยจรรโลงจิตวิญญาณของผู้อ่านได้ดียิ่ง ชื่นชมในผลงานครับ
20 กรกฎาคม 2552 21:52 น. - comment id 1017028
แวะมาเยี่ยมเยียนสหายรัก และชมผลงาน ด้วยครับในแนว อติพจน์ครับ แก้วประเสริฐ.
20 กรกฎาคม 2552 22:03 น. - comment id 1017036
แวะมาอ่านผลงานครับ ดนตรีเป็นธรรมชาติมาก ๆ เลยล่ะครับ
21 กรกฎาคม 2552 00:09 น. - comment id 1017097
คิดถึงบ้านจังเลยนะเจ้าคะ
21 กรกฎาคม 2552 00:21 น. - comment id 1017102
""" หนึ่งน้ำหยดรดรากจากดินแล้ง ช่วยเติมแรงแต่งใบใส่กอข้าว ผ่านตะวันจันทราดาราพราว จึ่งค่อยน้าวราวเรียวมาเกี่ยวรวง ขอคาระวะชาวนา ผู้กรากกรำครับ
21 กรกฎาคม 2552 02:03 น. - comment id 1017121
บทกลอนงดงามค่ะ ได้ใจทั้งข้าว และศาสนาเลยค่ะ นับถือ ๆ
21 กรกฎาคม 2552 02:21 น. - comment id 1017127
เป็นเสียงกระซิบที่งดงามและเปี่ยมพลัง นะครับ น้องบ่าว ได้ทั้งใจ ได้งคำและ ได้ทั้งธรรมะ ครับ ด้วยความชื่นชม ครับ น้องบ่าว
21 กรกฎาคม 2552 08:23 น. - comment id 1017163
ลูกสาวชาวนาแวะมาทักทายพี่นิวค่ะ คิดถึงนะค่ะ
21 กรกฎาคม 2552 11:12 น. - comment id 1017224
เป็นรวงข้าวที่งดงาม เป็นภาษาที่งดงาม เป็นธรรมชาติที่งดงาม เป็นพุทธที่งดงาม ชื่นชมจากใจครับ
21 กรกฎาคม 2552 12:49 น. - comment id 1017255
กระเพื่อมพื้นผืนนาคราลมพัด รวงข้าวกวัดแกว่งโยกยอดโบกไหว เล่นพระพายส่ายตัวยั่วลมไกว งามจับใจหยุดจ้องฤๅท้องนา ฯ มาชื่นชมภาพสวย กลอนไพเราะครับ
21 กรกฎาคม 2552 16:10 น. - comment id 1017275
แวะมาฟัง "เสียงกระซิบจากรวงข้าว" ที่สอดแทรกด้วยธรรมครับ ไพเราะยิ่งนักครับ
21 กรกฎาคม 2552 17:11 น. - comment id 1017292
งดงาม..ธรรมชาติ มากครับ..
21 กรกฎาคม 2552 17:35 น. - comment id 1017301
พี่ลำน้าน่านครับ พี่แต่งกลอน แบบจีบสาว แบบชาวบ้านเขาไม่เป็นหรอครับ (รู้สึกจะแรงไป) คือ ไม่ใช่อะไรหรอกครับ ผมจะก็อปปี้ ไปจีบสาวน่ะ กลอนกวีแบบนี ไอคิว แล อีคิว ผมไปไม่ถึงครับ อิอิ จริงๆ ก็เย้าเล่นนะครับพี่ (สุดหล่อ) ชมบ้าง เดี๋ยวจะโกรธนาน อิอิ ผมบอกตรงๆ เลยนะครับ นึกว่าพี่ คือ พระ ตั้งแต่ผมอ่าน บทกวี ของพี่ครั้งแรก ผมนึกในใจ สมถะแบบนี้ พระชัวร์ อิอิ รีบๆ รจนา/ประพันธ์บทกวี เกี่ยวกะสกลฯ เร็วๆ นะครับ ไปรษณีย์ ชั่วคราว รีบร้อน อิอิ ไปล่ะครับ รบกวนพี่มาก กลัวพี่จะรำคาญ จริงๆ ผมว่า จะไม่ใช้ชื่อ กวีน้อยฯ แล้วล่ะครับ รู้สึกเบื่อๆตัวเอง น่ะครับ ขอให้มีความสุขกับงาน และมารจนาบทกวี ภูไทสกลฯ ให้ผมพิจารณาหน่อย อิอิ ถ้าผ่าน จะเป็น ไปรษณีย์ มืออาชีพให้เลยครับ บายครับพี่...หล่อสะดุด เอ๊ย สุดหล่อ
21 กรกฎาคม 2552 19:43 น. - comment id 1017374
ใช่ค่ะ ยิ่งไปไปตามต่างจังหวัด จะเขียวขจีตลอดรอบๆข้างทางเลยค่ะ ดูแล้วสบายตาดี
21 กรกฎาคม 2552 19:54 น. - comment id 1017379
สวัสดีค่ะ พี่ลำน้ำน่าน ดอกบัวขออนุญาตนำคำเขียนแจมด้วยนะค่ะ จริงๆ งานพี่ลำน้ำ งามอยู่แล้ว แต่ดอกบัว อ่านแล้ว ก็คิดถึงพระคุณเมล็ดรวงทองอำพัน ยามเมื่อรวงเหลืองอร่ามงามรอเคี้ยวมาเกี่ยวรวง กับโน้มรวงรอเหมือนพลี เพื่อคารวะต่อพระพุทธองค์ คือรวงรุ้งสีทองละอองพันธ์ อัศจรรย์อำไพในภักษา รวงละออล้อลมทั่วพารา เป็นภักษาทิพย์สวรรค์ลานธานี จากเมล็ดเล็กเล็กค่อยงอกเงย ยามมนุษย์คุ้นเคยรวงทองนี้ เซาะแสวงภักษามาปันพลี ให้กายนี้ยืนยงคงดำเนิน ทิวทุ่งเวิ้งเริงลมท่ามรุ้งเรียว ตาลต้นเดี่ยวยืนต้นดุจหงส์เหิร ท่ามรวงทิพย์ชูช่อล้อลมเพลิน ขอบเขาเขินเผชิญโพยเภทภัย เพราะมนุษย์สุดยั่งความพลั้งผิด มารอนลิดป่าพงในดงใหญ่ บ่อนทำลายตัดก่อตอไม้ไตร สายธารไหลเชี่ยวกรากรากพื้นดิน รวงทองร้าวคราวแล้งไห้แห้งโหย ยามฝนโปรยกับกราดกวาดทั่วถิ่น รวงทองพุ่งกับร่วงรวงจมดิน เพราะธารสินธุ์ท่วมทุ่งรุ้งรวงจม รวงรุ้งทองฟากฟ้าประทานให้ บรรพรุษค้นไว้ในอาศรม คิดวิธีหุงต้มธารน้ำนม ปัจจุบันมนุษย์ชมสมอุรา แม่โพสพแพรวพราวแต่กาลก่อน ปู่ย่าอ้อนขมาเทพีฟ้า ขอเมล็ดนวลผ่องพันธ์โสภา สู่ขวัญนาธิดาประจำรวง พี่ลำน้ำ คงไม่ตีดอกบัวนะค่ะ ดอกบัวมาทำบ้านพี่ลำน้ำรกทุกครั้ง อิ อิ อิ ขอให้สุขภาพแข็งแรง มีแต่ความสุขค่ะพี่ลำน้ำ
21 กรกฎาคม 2552 20:40 น. - comment id 1017417
ขอบคุณมากครับที่ช่วยทำให้คนไกลบ้านได้รับความรู้สึกเหมือนอยู่ในท้องนาที่เคยเนา
22 กรกฎาคม 2552 08:32 น. - comment id 1017578
เหลืองรวีคลี่บานออกโปรดสัตว์ ปฏิบัติสังฆกิจเป็นนิจสิน ถูกขวานจามเลือดแดงทาแผ่นดิน บาตรจีวรปลิวสิ้นชีพดับลอย ทหารพรานคุ้มกันก็บรรลัย ปราชาชนหนีภัยหลบเหงาหงอย ฝันนิพพานข้าวรวงช่างเลื่อนลอย สามจังหวัดยังคอยมาล้างบาง เก็บสถานการณ์ไว้ตั้งงบประมาณดีกว่า อิอิ
22 กรกฎาคม 2552 10:04 น. - comment id 1017597
สวัสดีคค่ะ งดงามจังค่ะ
22 กรกฎาคม 2552 13:36 น. - comment id 1017671
งดงามเกินพรรณนาค่ะ
22 กรกฎาคม 2552 16:28 น. - comment id 1017758
งามมากค่ะ อ่านแล้วรู้สึกเหมือนอยู่อีกโลกหนึ่งค่ะ นั่นคือโลกความงดงามด้านภาษาค่ะ ขอบคุณที่แวะไปเยี่ยมนะคะ
24 กรกฎาคม 2552 17:32 น. - comment id 1018565
คุณอินสวน ----> -ขอบคุณครับ ช่วงนี้ผมยังพอมีเวลาว่างนิดหน่อยครับ มีโออาสได้เข้ามาเตร็ดเตร่อยู่ในบ้านกลอนบ้างครับ คุณ White rose ------> ขอบคุณครับผมก็ชอบทุ่งนามากมากครับ คุณกันนา ---------> ขอบคุณสำหรับภาพสวยๆ และบทกลอนเพราะที่แต่งประกอบมากครับ ธันวันตรี --------> ขอบคุณครับ คุณแก้วประเสริฐ ---------> ผมเขียนแนวอื่นไม่ถนัด ไม่มีต้นทุนทางด้านความคิดประสบการณ์ ทางไหนที่มีต้นทุนทางจิตวิญญาณอยู่เยอะก็จะเขียนแนวนั้นถนัดมากกว่าครับ ขอบคุณครับเพื่อนแก้ว คุณอรุโรทัย ---------> ขอบคุณครับ ขอให้มีความสุขในการฟังดนตรีและอ่านบทกวีครับ คุณเจ้าสาวแห่งโลกวิญญาณ --------> ขอบคุณครับที่เข้ามาเยี่ยมเยียน คิดถึงบ้านก็ต้องกลับบ้านบ่อยๆ นะครับ ทุ่งนาแถวบ้านกำลังรอการกลับไปนะครับ พี่หลวงฝากฝัน -------> ขอบคุณครับที่เข้ามาแวะเวียน คุณปรางค์ทิพย์ ---------> ขอบคุณมากครับ ขอให้มีความสุขในการเสพบทกวีนะครับ คนอ่านมีความสุขผมก็พลอยมีความสุข พี่บ่าวคนกุลา -------------> ขอบคุณนะครับที่เข้ามาให้กำลังใจ ช่วงนี้พอมีเวลาได้เข้ามาเสพบทกวีเป็นทุนไว้เยอะหน่อยครับ กว่าชีพจรจะลงเท้าก็คงจะไม่ได้เขียนกลอนอีกครับ ขอให้พลังจงอยู่คู่กับพี่บ่าวเด้อครับ คุณใจปลายทาง -------> ขอบคุณครับคิดฮอดเช่นกันครับ คุณไร้อันดับ ---------------> ขอบคุณมากครับ ขอให้มีความสุขกับการสดับกลอนธรรมนะครับ อาจารย์วฤก ---------> ขอบพระคุณครับ สำหรับกำลังใจและเวียนเข้ามาสดับความสงบครับ คุณเอื้องคำ ----------> ขอบคุณครับเอื้องคำ เอื้องดอกนี้ที่ส่งกลิ่นหอมไปทั่วบริเวณป่าครับ ขอให้มีความสุขกับการสดับธรรมครับ คุณกิ่งโศก ----------> ขอให้ธรรมชาติประโลมใจคนอ่านและคุณกิ่งโศกให้หายโศกและเขียนกลอนได้งดงามเสมอๆ นะครับ มีอาจารย์ดีอย่างเพื่อนแก้ว ผมเชื่อว่าไม่นาก็เก่งนะครับ กวีน้อยเจ้าสำราญ วายร้าย ---------> แต่งกลอนจีบสาวแต่งไม่เป็นครับ เพราะไม่รู้จะสมมติว่ายังไง ไม่เคยตกหลุมรักสักหน ไว้รู้สึกแบบนี้เมื่อไหร่คงจะเขียนได้ เพราะกลอนที่เขียนก็อยู่บนฟื้นฐานความรู้สึกจริงๆ ครับ คิดว่าพี่เป็นพระ ก็ดีนะครับจะได้ใกล้ชิดระซะบ้างจะได้ไม่ฟุ้งซ่าน พระจะแผ่เมตตาให้เนาะ คุณยาแก้ปวด ----------> ขอบพระคุณครับที่แวะเวียนมาให้กำลังใจครับ ขอให้มีความสุขกับการสดับบทกวีครับ น้องดอกบัว --------> ขอบคุณครับที่วางกลอนประกอบ กลอนงดงามมากสื่อถึงจิตวิญญาณคนเขียนได้งดงามครับ บ้านพี่ไม่รกถึงรกก็รกด้วยต้นไม้ ใบหญ้า พี่ชอบมากครับ คุณกระซู่บิน ----------> มาซิครับไปเที่ยวธรรมชาติหาความสงบใส่วิญญาณด้วยกันครับ พี่ฤกษ์ --------> ขอบคุณครับ ยังไม่เลวร้ายไปกว่านั้นครับ โครงการของสมเด็จท่านก็นำความดีสู่แผ่นดิน ถึงไม่ได้ทั้งหมดแต่ก็ถือว่าได้ลงมือและตั้งใจทำแล้วนะครับ คุณ somebody ----------> ขอบคุณครับ คุณ ท. -----------> ขอบคุณครับ ขอให้มีความสุขดและสงบกับการสดับบทกวีครับ
24 กรกฎาคม 2552 20:38 น. - comment id 1018657
ฝนไม่ขาดสาย ข้าวยังชูรวง สายน้ำไหลไปแล้ว ชีวิตผ่านมาบนคันนาดินโคลน มาเยือนครับ
26 กรกฎาคม 2552 16:16 น. - comment id 1019625
เพราะครับ ได้กลับบ้านแล้วหละครับ ช่วงข้าวกำลังอุ้มท้องพอดี นานๆทีมีโอกาสได้กลับบ้าน ก็ยังคงความเป็นชนบทเหมือนเดิม ถนนสายเก่าที่ยังเป็นโคลนตมก็ยังเหมือนเดิม ถอดรองเท้าเดิน อิอิ มีความสุขไปอีกแบบ อ้ายยังบ่เคยได้ยินข้าวร้องเพลงสิครับ เวลาลมพัดตอนฝนตกหากได้ไปนั่งบนคันนา ตากฝนฟังเสียงข้าวร้องเพลง เพราะมากครับ อันที่จริงมันก็เสียงลมลอดต้นข้าวใบข้าวแหละ เพียงแต่มันผสมผสานกับเสียงฝนได้ ไพเราะมากมาย งดงามครับ ยังเป็นกวีที่งดงามเหมือนเดิม เพียงแต่ว่า.. ไม่รู้สิครับ เหมือนต้นข้าวรวงข้าวในบทกลอน หลับไหลยังไงไม่รู้ ถึงยังไงก็งดงามไพเราะครับ
27 กรกฎาคม 2552 21:57 น. - comment id 1020200
แวะมาอ่านกลอนเพราะ ๆ เมื่ออ่านทีไรก็ได้คติสอนใจทุกครั้งไปเลย ไม่ผิดหวังเลยนะค่ะ อ่านกลอนและได้ดูรูปภาพสวย ๆ ทำให้คิดถึงบ้านจังเลยค่ะ
28 กรกฎาคม 2552 10:22 น. - comment id 1020318
ช่วงนี้ไม่ค่อยได้มีเวลาแวะมาบ้านกลอนสักเท่าไหร่ แต่ก็จะพยายามแวะเวียนมาอ่านกลอนอันไพเราะค่ะ ตอนนี้ข้าวเริ่มตั้งท้องออกรวงให้สาวบ้านนาได้ชื่นใจกันแล้วเนาะ อ่านบทกลอนและได้ดูรูปภาพทำให้รู้สึกชื่นหัวใจเหมือนกับได้สัมผัสบรรยากาศในท้องทุ่งนาที่บ้านเลยค่ะ บทกลอนมีคติคอยสอนใจเสมอนะค่ะ ว่าง ๆ แล้วจะแวะเข้ามาเยี่ยมเยียนค่ะ
13 สิงหาคม 2552 09:45 น. - comment id 1026421