แล้งลมร้อนผ่อนลาฟ้าฝนตก แว่วพ่อนกเพรียกทุ่งเมื่อรุ่งสาง มะม่วงป่าคลุมดอกออกใบบาง รายริมทางตะแบกคู่สู่ลานนา ริ้วลมทุ่งหลงพัดระบัดรวง ห่วงแสนห่วงห่วงข่าวเจ้าหนักหนา เสร็จหน้าเกี่ยวฝนหล่นปนน้ำตา แหละเอื้องป่าลาร่วงจากบ่วงใบ สิ้นบทเพลงเกี่ยวข้าวราวรักขม เจ้าลั่นทมร่วงลงตรงทุ่งไหน ทิ้งกลีบดอกแล้งร้างกลางทุ่งใจ ไร้กองฟืนกองไฟใต้ลานจันทร์ อีกคราวค่ำวันพรุ่งจะรุ่งราง อีกกี่ฟ้ากี่สางเจ้าห่างหัน จากฤดูจดฤดูคู่เดือนวัน จนรับขวัญยุ้งฉางเจ้าร้างนาน เคยเคียงข้างเถียงนอนก่อนพรรษา กลางลานนาอ้อนรักสมัครสมาน เมื่อม่วงหม่นตะแบกยามแรกบาน ท้ายหมู่บ้านถิ่นเก่าเจ้าเคยนอน นี่ก็สิ้นลมว่าวอีกคราวครั้ง เสียงโห่ดังเริ่มแผ่วทุกแนวขอน อีกลานรักลานเทเห่เพลงกลอน เสียงแผ่วจรแว่วหายแล้วหลายวัน ตะแบกบานแล้วร่วงเจ้าลวงรัก ทุกข์ทนหนักอกเอยเคยร่วมฝัน ยามลมทุ่งโกรกใจให้จาบัลย์ เมื่อดอกภักดิ์เจ้านั้นร่วงโรยตาม มองกองฟืนลอมฟางให้ห่างเหิน คงเพลิดเพลินเฟื่องฟุ้งกรุงสยาม ลานรักเก่าน้อยใจในทุกยาม สัญญาตามข้ามฝั่งดั่งลมลา หมดเรี่ยวแรงล้มลงตรงกลางทุ่ง ข้าวรอหุงเสื่อรอนอนอ้อนโหยหา ทุกคืนจันทร์หมอนอับซับน้ำตา ทุ่งท้องนาฟางฟ่อนคอยฟ้อนรับ ฝากบทเพลงสุดท้ายชายนาผืน ด้วยน้ำเสียงสะอื้นคืนเดือนดับ ครวญขลุ่ยนาร้าวเพลงบรรเลงนับ ให้ดลจับจิตหนาวทุกคราวฟัง ให้เจ้าแม่ลานเทเห่เพลงข้าว เตือนสะกิดเรื่องราวเจ้าแต่หลัง ว่าลานรักลานตายจะพ่ายพัง ร่ำประดังแต่โศกวิโยคยาว วอยลมว่าวเวี่ยลาฟ้าฝนตก ใจสะเทือนสะทก..นกเหน็บหนาว รอยลานเททิ้งซากตากเดือนดาว ได้ขมข่าวขื่นรับ..กลับมาแล้วฯ ---------------------------- เข้าพรรษามาหลายวันแล้ว หนุ่มสาวชนบทคงพากันไปวัดเอาบุญใหญ่ เมื่อฤดูกาลเปลี่ยนแปรจากหนาวกลายเป็นร้อน จนปีศาจวสันต์บรรเลง ดะแบกบานแล้วร่วง เสียงขลุ่ยครวญหวลมาแต่ไกลไกล ข้าพเจ้าอดคิดถึงสวรรค์บ้านนาไม่ได้ในทุกยาม ในตำนานของหนุ่มลูกทุ่งและสาวบ้านนา มีบทเพลงที่ครวญคร่ำได้อย่างถึงใจนัก ลานเทสะเทือน ที่ขับร้องโดยสายัณห์ สัญญา และเสียงขลุ่ยเรียกนาง ของสันติ ดวงสว่าง แหละที่เป็นสุดยอดแห่งการรอคอยอย่าง ***เหมือนข้าวคอยเคียว** ของไพรจิตร สิ่งหนึ่งที่ยังมีมนต์เสน่ห์ไม่เสื่อมคลาย คือความอมตะของเพลงลูกทุ่งท้องไร่ท้องนา ที่ดูเหมือนว่าสมัยนี้จะหาคนฟังได้ยากแล้ว ข้าพเจ้าชอบฟังบทเพลงเหล่านี้ ด้วยเหตุที่คนแต่งถอดจิตใส่วิญญาณ ให้กับบทเพลงจนสะเทือนไหวทุกครั้งที่ได้ยิน บางเวลาที่เรารู้สึกเหนื่อยหน่ายกับระบบทุนนิยม หันมาใส่ใจความสามัญที่สัมผัสได้จากเพลงเก่า สงบเย็นและอ่อนไหวในความเป็นสามัญ ยังความบรรเจิดให้เกิดขึ้นในใจ เพียงเราเปิดใจ หาใช่แต่เพลงป๊อปร๊อคแร๊บที่มีอยู่เกลื่อนตลาด หากแต่ช่างแห้งแล้งวิญญาณเพลงเสียยิ่งนัก หวังให้บทกวีได้สะกิดเตือนใจแรงงานทิ้งทุ่งทิ้งถิ่น ได้คืนสู่มาตุภูมิลำเนา คืนไปสู่คนรักเก่าที่เฝ้ารอ แหละยังอดีตรักของใครหลายคนกลับมาหวานชื่น ขึ้นในความรู้สึกอีกคราครั้ง..ก็อาจเป็นได้ *หวิวไผ่ครางเคล้าลมอ่อนโอน ต้นตาลเดี่ยวจูบพื้นยืนต้น ดั่งคนสูญสิ้นความหวัง ขลุ่ยบรรเลงเจ้ารับฟังเพลงพี่บ้าง.... กลอยเอ๋ยอย่าลาร้าง หนุ่มเดิมบางฯ สุพรรณหลงคอย* แหละ.... ริมปลายนาฟ้าพลบพบความว่าง จิตกระจ่างเงียบงามท่ามกระแส หนาวน้ำฟ้าพร่างพรูสู่ดวงแด สบคลองแควธารน้ำค้างกลางดวงจินต์ เขียวห่มเขียวห่มดินจินต์ห่มงาม ล่วงเดือนสามรวงทองมิหมองสิ้น งามคิมหันต์ตะวันตกนกโบยบิน ตะแบกถิ่นร่วงแล้วทุกแนวไพร งามตาลเดี่ยวคู่นาท่ามฟ้าโศก โลกทั้งโลกแสนงามนิยามใหม่ ทิพย์ดวงตาฟ้าประทานประสานใจ ใครซึ้งได้แท้สุดโชค..โลกอวยพร ลำน้ำน่าน บุรุษแห่งสายน้ำนิรันดร์ วันที่ ๑๐ เดือนแปด พ.ศ. ๒๕๕๒
10 กรกฎาคม 2552 19:32 น. - comment id 1012512
สาวนาคอยคู่ พุ่มพวง ดวงจันทร์ http://www.thaipoem.com/forever/ipage/song1675.html มอง เหม่อมองท้องฟ้า ยิ่งพาใจเศร้า บ้านนาแสนเหงา ซึมเศร้าระทม ยาม อยู่เดียวฝันหา ใครมาเชยชม อกเราตรอมตรม เศร้าตรมจาบัลย์ สุขอยู่ กับความใฝ่ฝัน อุตส่าห์ ตรำงานสู้ทน ขาดคนเห็นใจ เป็นคู่ชีวี คอย เฝ้าคอยฝันหวาน มานานแรมปี อยากมีรักแท้ เคลียคลอดวงใจ จะพลีใจรัก มั่น ชีวันอุทิศ ให้ มีเพียงใจเดียว คือรักแท้ ขลุ่ยครวญหวนหา ดังใครรำพัน บ้านนาของฉัน วังเวงอาลัย รวงทองยังหมอง เศร้า ดังตัวเราหมอง ไหม้ ระทมตรมใจ ยามไร้คู่ บ้านนาแสนช้ำ ระกำชีวี ห่างไกลแสงสี เมืองกรุงลาวัลย์ หากมีคู่เคียง ร่วมฝัน สุขกันไปตาม ประสา บ้านป่านั้นคือ วิมานบนดิน ถ้า ทุ่งทองแดนนี้ มีเราเคลียคลอ สุขใจไหนหนอ จะมาเทียมทัน ฮา ฮ่า ฮ่า ทุ่งทองแดนนี้ มีเราเคลียคลอ สุขใจไหนหนอ จะมาเทียมทัน ลา ลั่น ลัน ลั้น ล๊า ลัน ลัน ลัน ล้า ลั่น ลัน ลั้น ล๊า ลัน ลัน ลัน ลา ลา ลั่น ลัน ลั้น ล๊า ลัน ลัน ลัน ล้า ลั่น ลัน ลั้น ล๊า ลัน ลัน ลัน ลา...
10 กรกฎาคม 2552 19:13 น. - comment id 1012513
10 กรกฎาคม 2552 19:19 น. - comment id 1012514
เอารูปทุ่งนา ตาลเดี่ยว และดอกลั่นทม ที่ผมถ่ายหมาดๆ มาจากทุ่งเพชรบุรีมาฝากครับ เสียงขลุ่ยเรียกนาง ( Bb ) Bb ดนตรี 10 Bars..8...9... 10...เสียง ขลุ่ยครวญหวนมา กับลม พี่สะอื้น ฝืนระทม ค่ำคืนฝืนข่มใจเหงา ขลุ่ยครางครวญพี่หวลคนึง ถึงเจ้า ฟังเสียงหริ่ง หรีดเร้า พี่ยิ่งเศร้า ไม่วาย น้อง จากนาหายหน้าจากจร สู่กรุงเทพ มหานคร ตัดรอน มิตอบจดหมาย ได้ข่าวดีเจ้าคว้าเทพี ชาวไร่ ลืมรักเก่า เราไว้ สิ้นเยื่อใย ลืมลง โอ้ เจ้ากลอยดาวน้อยบ้านนา จาก ดอกหญ้า ไปเป็นดารา สูงส่ง พี่พลอยปลื้ม ถึงน้องจะลืม พี่ลง อย่าเริงหลง น้องเอ๋ยเจ้าจงระวัง หวิว ไผ่คราง เคล้าลมอ่อนโอน ต้นตาลเดี่ยวสุดฝืนยืนต้น ดังคนสูญสิ้นความหวัง ขลุ่ยบรรเลง เจ้ารับฟังเพลง พี่บ้าง กลอยเอ๋ยอย่า ลาร้าง หนุ่มเดิมบางสุพรรณหลงคอย
10 กรกฎาคม 2552 19:33 น. - comment id 1012515
เหมือนข้าวคอยเคียว เพลินพิศ พูลธนะ http://www.thaipoem.com/forever/ipage/song4619.html ได้ยิน ไหมพี่ เสียงนี้ คือสาวบ้านนา พร่ำเพรียก เรียกหา ตั้งตา นับเวลา รอคอย คอยเช้า คอยเย็น ไม่เห็น สักหน่อย ปีเคลื่อน เดือนคล้อย รักเอ๋ยมาลอย รักเอ๋ยมาลอย แรมไกล อีกเมื่อไร รักจะคืน รื่นรมย์ ตะแบกบานแล้วร่วง สีม่วง ที่พี่ ชื่นชม หรีดหริ่ง ระงม พี่ปล่อย น้องให้ตรมคนเดียว รวงเอ๋ย รวงทอง ต้องร้าง คนเกี่ยว รวงข้าว คอยเคียว น้องนี้คอยเหลียว คอยนับวันรอพี่มา กลับ เถิดหนา สาวบ้านนา ยังคอย ตะแบกบานแล้วร่วง สีม่วง ที่พี่ชื่นชม หรีดหริ่ง ระงม พี่ปล่อยน้องให้ตรม คนเดียว รวงเอ๋ย รวงทอง ต้องร้าง คนเกี่ยว รวงข้าว คอยเคียว น้องนี้คอยเหลียว คอยนับวันรอ พี่มา กลับ เถิดหนา สาวบ้านนา ยังคอย...
10 กรกฎาคม 2552 19:51 น. - comment id 1012521
พี่จ๋าพี่สัญญาปีนี้แล้วไม่มาแต่ง ค่าสินสอดก็ไม่แพง หรือพี่แกล้งให้แก้วรอเรื่อยไป แก้วรอพี่ ชอบเพลงนี้มากๆค่ะ เพลงลูกทุ่งมีความไพเราะน่าหลงไหล คิดถึงพี่นิวจ้า
10 กรกฎาคม 2552 20:58 น. - comment id 1012543
พี่นิว สงสัยคำว่า ล่วงวสันต์พรรษา กับคำว่าปิศาจวสันต์บรรเลงนะครับ เพราะวสันต์ คือ ฤดูใบไม้ผลิ ไม่น่าจะเป็นปิศาจ เลยงงๆ นิดนึงนะครับ
10 กรกฎาคม 2552 21:49 น. - comment id 1012592
ชื่นชมจากใจจริงครับ...งดงามมาก...
10 กรกฎาคม 2552 21:56 น. - comment id 1012598
เบื่อปลาร้าปลาเจ่าข้าวเม่าคลุก ชอบข้าวสุกญี่ปุ่นช้อนหุ้นตก ทั่วผืนนากล้าฟางย่างเหยียบรก มาขี่รถตะวันตกโก้กว่ากัน อย่ามัวรอให้เมื่อยเหนื่อยเสียเปล่า นั่งก๊งเหล้าเถียงนาบ้าหรือนั่น คนเขาสุขสำราญมานานวัน ให้กลับหันคืนนาอย่าหวังเลย ตอนนี้ฟันกำไรหุ้นช้อนซื้อไว้หลายเดือนก่อนเพิ่งขายออก ถอยบีเอ็ม ออกมาขับเล่นยังไม่คล่องมือดี อิอิใครจะกลับล่ะ อิอิ
10 กรกฎาคม 2552 22:28 น. - comment id 1012628
10 กรกฎาคม 2552 22:29 น. - comment id 1012629
สวัสดีน้องอ้อม ลูกทุ่งฟังตอนเดินทางเพราะนะครับ เวลานั่งรถไกลๆ พี่ว่าฟังเพลงลูกทุ่งเพลงไหนก็เพราะหมด ธันวันตรี ลบคำวสันต์พรรษาออกไปครับ ป้องกันการสับสน ตามธรรมเนียมปฏิบัติเข้าใจเราๆ ท่านๆ เข้าใจกันว่าว่า วสันต์เป็นฤดูฝน ใช้กันจนชินปากชินคำเนาะครับ จริงเป็นฤดูใบไม้ผลิ พี่ชินกับการฟังเพลง ปีศาจวสันต์ ที่ร้องว่า **เราจากกันวันนั้นยังจำ จากกันวันฝนพรมพรำ........ คนรุ่งบรรพบุรุษน่าจะใช้คำว่า วัสสานพรรษา มากกว่าเนาะครับ ติตรากร ขอบคุณครับ อารมณ์ลูกทุ่งบางทีเชยๆ นะครับ ผมว่าคนลูกทุ่งนี่ มีเสน่ห์ มันแปลกและก็เชยๆ ดีครับ พี่ฤกษ์ สบายดีเนาะครับ พอดีได้ไปเยือนชนบท แอบเก็บภาพผ่านเลนส์มาครับ ตอบแบบฉบับที่ชอบ นานๆ จะได้หลุดออกไปแบบนี้
10 กรกฎาคม 2552 22:38 น. - comment id 1012636
งานงามเช่ยเคย อ่านแล้วอยากเปงสาวบ้านนามั่ง
10 กรกฎาคม 2552 23:37 น. - comment id 1012658
เมื่อลมว่าวจรลาฟ้าฝนตก ใจสะเทือนสะทก..อกเหน็บหนาว ซากลานเททิ้งร้างกลางเดือนดาว รอคอยคนคอยข่าว..สาวบ้านนา หวังให้บทกวีได้สะกิดเตือนใจแรงงานทิ้งทุ่งทิ้งถิ่น ได้คืนสู่มาตุภูมิลำเนา คืนไปสู่คนรักเก่าที่เฝ้ารอ หวังไว้อย่างนั้นเช่นกันครับ ^ ^ ลำนำของบทกวีถึงกับสั่นอารมณ์ผู้อ่านอย่างยิ่งครับ ขอชื่นชมในความสามารถครับ ปล.มีคนอะบายเพิ่มเรื่อง ปิศาจวสันต์ ให้แล้วครับ ขอบคุณครับ
10 กรกฎาคม 2552 23:39 น. - comment id 1012659
เมื่อลมว่าวจรลาฟ้าฝนตก ใจสะเทือนสะทก..อกเหน็บหนาว ซากลานเททิ้งร้างกลางเดือนดาว รอคอยคนคอยข่าว..สาวบ้านนา หวังให้บทกวีได้สะกิดเตือนใจแรงงานทิ้งทุ่งทิ้งถิ่น ได้คืนสู่มาตุภูมิลำเนา คืนไปสู่คนรักเก่าที่เฝ้ารอ หวังไว้อย่างนั้นเช่นกันครับ ^ ^ ลำนำของบทกวีถึงกับสั่นอารมณ์ผู้อ่านอย่างยิ่งครับ ขอชื่นชมในความสามารถครับ ปล.มีคนอธิบายเพิ่มเรื่อง ปิศาจวสันต์ ให้แล้วครับ ขอบคุณครับ
11 กรกฎาคม 2552 02:54 น. - comment id 1012679
อ่านแล้วคิดถึงบ้านมากมายค่ะ ไม่ว่าจะเป็นดอกหญ้า หรือดาว ที่ไหน ๆ ก็ไม่อุ่นใจเท่ากับบ้าน เรานะคะ
11 กรกฎาคม 2552 08:52 น. - comment id 1012713
ผมเป็นคนหนึ่ง ที่ชอบการใช้ภาษา ของพี่ ลำน้ำน่าน มากๆ พี่แสดงภาษา สื่อถึงความเป็นคน ติดดิน แลถวิลหา ความเรียบง่าย ถ่ายทอดจินตนาการด้านภาษาก็สวยหรู
11 กรกฎาคม 2552 12:43 น. - comment id 1012796
ชื่อ ลำน้ำน่าน เป็นสัญลักษณ์ที่แสดงถึงวิถีชนบท ความโหยหาอดีตที่งดงาม ความดื่มด่ำในธรรมะ ที่ถ่ายทอดออกมาอย่างดงามเสมอ พาคนอ่านโลดลิ่วไปตามตัวอักษรได้ทุกครั้ง ขอให้มีความสุขมากๆครับ
11 กรกฎาคม 2552 13:10 น. - comment id 1012816
ชอบทุ่งนาเหมืองเพชรค่ะ ถ้าผ่านไปหน้าฝน จะเห็นนกในทุ่งนาด้วยค่ะ มีบัวข้างๆถนน สวยจนอดลงไปถ่ายรูปไม่ได้เลยนะคะ
11 กรกฎาคม 2552 13:30 น. - comment id 1012825
พี่นี้มีความสุข สนุกกับสาวบ้านนา รักกันหนักหนา ต่างสัญญาว่าจะอยู่คู่กัน ถึงหน้านาทำนา หน้าแล้งน้องจ๋าพี่จะค้าน้ำตาล ขอแต่เพียงได้เห็นหน้าๆ ยามพี่เหนื่อยมาเห็นหน้าหายพลัน โน่นแหนะจันทร์กระจ่าง ดุจดั่งเวียงวังเทวา สวยงามหนักหนา เหล่านางฟ้าคงจะเกี่ยวคู่กัน เห็นมั้ยเล่าคนดี อ้อมแขนของพี่คอยแต่น้องนงคราญ ขอแต่น้องเป็นของพี่ๆ ฟังซิคนดีฟังพี่รำพัน แม้ถึงวันพระหน้า พี่จะพาน้องไปทำบุญ น้องจงเกื้อหนุน สร้างผลบุญเรารักบาตรร่วมขัน น้องจับมือพี่มือ ต่างสองร่วมถือสาระภีเดียวกัน อฐิษฐานเสียก่อนเจ้าๆ ว่าขอให้สองรักเรารักชั่วชีวัน แม้เหมือนเป็นบุญพี่ ที่คนดีเจ้าตอบว่ารัก แสนซื่อยิ่งนัก โอ้ยอดรัก รักจนสุดประมาณ แม้แต่ยามจะนอน หลับแล้วกลับย้อนไปถึงน้องพี่ฝัน ฝันว่าน้องนอนหนุนตัก ๆ ที่ใต้ร่มเงารักอีตอนเมฆบังจันทร์
11 กรกฎาคม 2552 15:10 น. - comment id 1012840
จากท้องทุ่งสู่เมืองประเทืองฟ้า เพราะข้าวปลาขาดน้ำยามหน้าแล้ง ข้าวนากรังแห้งตายไปหลายแปลง สาวนาแล้งข้าวคอนนอนแห้งตาย จึงจากนามาแข่งค้าแรงงาน หวังเจือจานทุนทรัพย์แบ่งขยาย ให้พ่อแม่มีกินสุขสบาย จากเรียงรายตกยากลำบากนาน ก้าวสู่เมืองเฟืองฟุ้งศิวิไล สร้างสวรรค์ยาวไกลใจขับขาน จะอดทนค้นแค้นร่างวิมาน กับถูกผลาญรามรมจมธานี สาวท้องนาราวรานการศึกษา ไร้ซึ้งปริญญาพาสุขี มีแต่แรงพลังเหงื่อไคลพลี ขายแรงกายที่มีในโรงงาน กับถูกหยามเหยียดย่ำความเป็นคน เพราะความจนทนหยัดยืนตระหง่าน แต่สังคมนิยมบ่มราวราน เข้าเผาผลาญสาวนาอ่อนล้าแรง สวัสดีค่ะ พี่ลำน้ำน่าน ดอกบัวรู้ชีวิตสาวนา ที่ต้องทิ้งท้องทุ่งมุ่งสู่เมืองฟ้า ก็เพราะ หน้าแห้ง น้ำก็แห้งคอดนา หน้าฝนน้ำก็ท่วมข้าวตาย สาวนาทนเห็นพ่อแม่ลำบากมิได้จึงดิ้นรนมาอยู่เมืองศิวิไล อิ อิ อิ ดอกบัวรู้ไปหมด ประมาณ แสนรู้นั้นแหล่ะค่ะ อิ อิ พี่ลำน้ำ นำเพลงมาลงเสียหมด แล้วดอกบัว จะเอาเพลงไหนดีล่ะค่ะเนี่ย เพลงนี้ก็ได้ค่ะ รักเก่าที่บ้านเกิด อิ อิ แต่ว่างานพี่ลำน้ำงดงามกับธรรมชาติดีจัง ภาพก็สวยๆทั้งนั้น พี่ลำน้ำ แข็งแรงดีแล้วหรือค่ะ อย่างไรก็ต้องหวัง เชื้อหวัดอันตรายนะค่ะ รักษาสุขภาพเช่นกันค่ะ มีแต่ความสุขทุกวันด้วยค่ะ พี่จากบ้านนาไปห้าหกปี ...มาเยือนคนดีด้วยความคิดถึง ...ปีโน้นพบเธอ ทุกวันทุกวัน เคยได้ช่วยกัน เก็บบัวในบึง เคยนั่ง รำพึง รำพันรักใต้ร่มโพธิ์ ...เราเคยเล่นน้ำในลำประโดง ...พายเรืออีโปงเก็บดอกโสน ...ลุยน้ำลุยโคลน หาปูหาปลา จำได้ติดตาแต่เล็กจนโต แทบร้อง ไห้โฮ ใจหายเสียดายกานดา ...ได้ข่าวว่าสาวไปบวชเป็นชี ...สูญเสียความดีพี่น้องเมินหน้า ถูกมารสังคมหลอกขาย รอดตาย กลับมา อยากไปเยี่ยมไปหา ...กลัวเอาน้ำตาไปอวดแม่ชี ...สุขเถิดแม่ชี อยู่ดีเถิดหนา ...พลอยโมทนาหมู่มารอย่ามี ...เจอแสงพระธรรมชี้นำเห็นทาง เจอแสงสว่างสิ้นเวรกันที ลาแล้ว แม่ชี ชาตินี้ขอโมทนา
11 กรกฎาคม 2552 22:35 น. - comment id 1013026
ผมขอส่งแรงใจ จากคนหนึ่งซึ่งไม่กล้า มาส่งเอง ผมเป็นไปรษณีย์ชั่วคราว มอบเพลงนี้ ให้พี่ ลำน้ำน่าน นะครับ อย่าลืมดูมิวสิค นะครับ http://www.mvpleng.com/musicvideo.php?vid=92c91948c เดือนว่าดวงทักทายความเหงาในใจ นั่งเดี่ยวดายคิดถึงเธอที่จากลา ดวงเดือนยังหวนคืน อ้อมแขนดาวตามคำสัญญา สิ้นขอบฟ้าซ้อนเธอเอาไว้ที่ไหน คำว่ารักที่เธอเคยเอยบอกฉัน ผ่านคืนวันก็ยังฝังจำในใจ บอกว่ารักต้องรอ แล้วต้องรอจนถึงวันไหน คนจากไกลจะมาบอกรักกันอีกครั้ง * อย่าให้คำว่ารักแปลว่ารอตลอดกาล อย่าให้ดาวรำพันโหยหาเดือนจนหลั่งน้ำตา เพียงวูบหนึ่งแห่งความคิดถึงที่ผ่านมา ดาวก็ขีดขอบฟ้าด้วยน้ำตาจากหัวใจ **เดือนต่ำดวงบอกลาฟ้ายามใกล้สาง จะคืนรังไม่นานนะคอยได้ไหม เหมือนที่เธอบอกฉันวันที่เราต้องลาจากไกล ต่างเพียงใจเธอไม่เหมือนเดือนที่เคยบอกดาว ซ้ำ * ** คนที่ฝากมาให้ เป็นพี่...พุดไพร พี่สาวนา ที่แสนจะคิดถึง เจ้าของบ้านกลอนหลังนี้น่ะครับ พี่พุดชอบฟังมาก และอยากให้พี่ฟังเหมือนกันครับ อาจจะเข้าใจความรู้สึก....ของใครสักคน นะครับ
11 กรกฎาคม 2552 23:03 น. - comment id 1013038
อยากบอกว่า ผิดพลาดครับ ไปรษณีย์ส่งจ.ม หน้าซองผิดไป คือว่า เพียงแค่ฝากเพลงมาให้น่ะครับ ตอนทีคุยกะผมแล้ว ผมเปิดเพลงให้พี่เขาฟัง พี่เขาเลย ฝากมาลงให้ ผมก็เลยแต่งเรื่องราว ให้ดูสมจริง อิอิ ต้องขอโทษครับ ฝากเพลงน่ะจริง นอกนั้น ผมทำตัวเป็น พ่อสื่อ แล้วกัน ....งานเข้าล่ะครับ ผิดพลาดทางเทคนิค อิอิ
11 กรกฎาคม 2552 23:05 น. - comment id 1013040
เข้ามาซึมซับความงดงามในการถ่ายทอดอารมณ์ ออกมาเป็นเรื่องราวผ่านบทกลอนที่แสนพลิ้วไหว ขอบคุณในความงามฝากไว้ให้ได้อ่านกันค่ะ
12 กรกฎาคม 2552 11:38 น. - comment id 1013190
งดงามครับ
12 กรกฎาคม 2552 20:55 น. - comment id 1013376
บทเพลง นึกถึงท้องนาทันทีเลยครับ งานงดงามครับ
13 กรกฎาคม 2552 13:46 น. - comment id 1013704
สวัสดีค่ะคุณลำน้ำน่าน เห็นรูปภาพที่ post มาให้ดูสวยมากเลยค่ะ ทำให้คิดถึงบ้าน ก็เลยทำให้นึกถึงเพลงนี้น่าจะได้บรรยากาศเดียวกับรูปภาพนะค่ะ "สาว เอ.เอ็ม." ของ พุ่มพวง ดวงจันทร์ ค่ะ "บ้านนานุ่งถุงบ่าหาบกระบุง ลุยนา พูดภาษา ไทยเดิม ท้องตลาด ฟังวิทยุ เอ เอ็ม มิได้ขาด มีวิทยุ ราคา ร้อยกว่าบาท บ้างฟัง ในกระจาด บ้างก็พาด ขอบกระบุง อยากมีสุขใจ ก็เอื้อมมือไป หมุนเข็ม เปิดเอเอ็ม ฟังเพลง ของ ลูกทุ่ง ยามไถเราไถ ทำไปด้วยใจมุ่ง อาหารพอหา มีกิน ทั้งปลากุ้ง ผักเบี้ย ผักบุ้ง มีทั้ง ปลาร้า ปลาเค็ม พ่อหนุ่มกรุง อย่ามาหลอก ให้หวัง มันไม่เหมาะ กันกระมัง เพราะพี่ฟัง เอฟเอ็ม หนุ่มบางกอก คนเขาบอก ใจเค็ม เห็นเป็นบ้านนอก พี่จะหลอก แทะเล็ม สาว เอเอ็ม ชักร้อนร้อน หนาวหนาว พี่เป็นหนุ่มกรุง ก็เหมาะกับคน ชาวกรุง ได้ชาวทุ่ง กลัวทิ้ง ให้เป็นข่าว พอน้องสิ้นสาว ราโรย ก็โกยอ้าว เจอสาวทรงสวย เอฟเอ็ม เหมือนกันเข้า ได้กลิ่น แก้มขาว จะลืมสาว เอเอ็ม .พ่อหนุ่มกรุง อย่ามาหลอก ให้หวัง มันไม่เหมาะ กันกระมัง เพราะพี่ฟัง เอฟเอ็ม หนุ่มบางกอก คนเขาบอก ใจเค็ม เห็นเป็นบ้านนอก พี่จะหลอก แทะเล็ม สาว เอเอ็ม ชักร้อนร้อน หนาวหนาว พี่เป็นหนุ่มกรุง ก็เหมาะกับคน ชาวกรุง ได้ชาวทุ่ง กลัวทิ้ง ให้เป็นข่าว พอน้องสิ้นสาว ราโรย ก็โกยอ้าว เจอสาวทรงสวย เอฟเอ็ม เหมือนกันเข้า ได้กลิ่น แก้มขาว จะลืมสาว เอ เอ็ม..."
13 กรกฎาคม 2552 15:32 น. - comment id 1013830
ยาแก้ปวด ขอบคุณครับที่เข้ามาให้กำลังใจ ธันวันตรี การอ่านบทกวีถ้าคนอ่านมีปูมหลังด้วยยิ่งทำให้ซาบซึ้งได้มากครับ อ่านแล้วสะเทือนสะทกสะท้านเลยก็มีครับ ผมเป็นบ่อยครับ คุณปรางทิพย์ ขอบคุณครับ น้องกวีน้อยเจ้าสำราญครับ อย่างนี้น่าจะเขียนกลอนลงโทษเนาะครับ ทำหน้าที่บุรุษไปรษณีย์ผิดพลาด ทำให้การสื่อสารผิดพลาด้วยครับ พี่ฤทธิ์ ศรีดวง ผมก็เป็นคนหนึ่งที่ชื่นชอบงานเขียนพี่เหมือนกันครับ แอบเข้าไปอ่านบ่อยๆ ขอบคุณมากครับที่เข้ามาให้กำลังใจ คุณเพียงพลิ้ว ทุ่งนาเมืองเพชรเหมือนมีมนตร์สะกดนะครับ ผมผ่านไปก็ต้องถ่ายภาพทุกทีครับ มันอดใจไม่ไหว คุณกันทนาเทวี เพลงนี้ผมก็ชอบครับ เคยฟังบ่อยๆ ครูเพลงสมัยก่อนเขียนได้ถึงใจนักครับ น้องดอกบัว เขียนกลอนตอบได้งามถึงใจเช่นกันครับ แสดงว่าสะทกสะท้านเหมือนกันครับ พี่สบายดีครับ ก็พยายามรักษาสุขภาพให้ดีที่สุด นอนหลับเยอะๆ จะได้มีพลัง นานๆ จะได้เขียนกลอน อยู่หน้าคอมเยอะๆ ก็ไมได้ ทำให้ตาแห้งผาก เคืองตา เลยนานๆ จะได้เข้ามาทีครับ เพลงที่ยกมา พี่ก็ชอบ ชอบตรงที่นางเอกไปบวชชีนี่หล่ะครับ คุณbananaleaf ขอบคุณครับ ขอให้มีความสุขกับการอ่านบทกวีครับ คุณละไมฝน ขอบคุณเช่นเดียวกันครับงานเขียนของละไมฝนผมอ่านแล้วสะท้านครับ คุณกิ่งโศก ขอบพระคุณครับ คุณข้าวหอม ขอบพระคุณครับที่เข้ามาให้กำลังใจ ผมชอบเพลงนี้เหมือนกันครับ ฟังอยุ่บ่อยๆ และอีกเพลงที่ชอบก็คือ คนดังลืมหลังควาย จริงๆ แล้วสมัยนี้หายาแล้วเนาะครับ บรรยากาศแบบนี้ อารมณ์โหยหาก็ทำให้เขียนกลอนได้ครับ
15 กรกฎาคม 2552 14:35 น. - comment id 1014761
"น้องนางบ้านนา" เข้ากรุงเมืองฟ้าเพื่อเสาะแสวงหาวิชาความรู้ ลำบากลำบนแค่ไหนก็อดทนสู้ หวังนำความรู้กลับคืนสู่ท้องนา... ในสังคมเมืองกรุงที่สับสน หลากหลายผู้คนล้วนแปลกหน้า ยังมีหนึ่งน้ำใจหนึ่งไมตรีจาก...ที่ให้มา อยากบอกว่า...ขอบคุณ และขอบคุณ