.... ท่ามเพลงลาพญาโศกวิโยคหวล ดุจยิ่งชวนให้เศร้าใจกระไรนี่ คิดถึงชีวิตหลังครั้งยังมี คุณความดีทำไว้ได้ทำมา เขียนคำกลอนวอนมาว่าเศร้านัก ยามที่รักจากไกลสู่ไหนหนา ต่อแต่นี้คงลับร่างสุดห่างตา ไม่มีวันเวลากลับมาคืน เหลือเรื่องราวที่ทำให้ย้ำคิด ระลึกจิตดีร้ายได้ทนฝืน ภาพอยู่ในความหลังนั่งนอนยืน ยามหลับตื่นก็คงยังฝังใจจำ มาฉุกคิดได้ว่าเวลาหนึ่ง เวลาซึ่งเป็นเวลามากค่าล้ำ วันที่เราจากไปใครระกำ เขาจะทำศพเราเห็นภาพเช่นไร คนรำพันพิลาปหรือสาปแช่ง มีคนแต่งทุกข์ร่วมหม่นล้นหลามไหล พรรณาถึงความดีที่ทำไป หรือจากไกลอย่างโดดเดี่ยวแสนเดียวดาย ก็คงอยู่ที่เราสร้างทางวันนี้ กับวันที่ยังเหลืออยู่สู่จุดหมาย สิ่งพบแท้แน่นอนคือความตาย จะเหลือไว้สิ่งใดให้โลกจำ จะให้กล่าวถึงเราวันเผาศพ ให้เคารพหรือว่ามาหยียบย่ำ จะให้ถ่มน้ำลายรดหรือจดจำ การกระทำในวันนี้.....จะชี้ทาง """""""""""""""
18 พฤษภาคม 2552 12:26 น. - comment id 986720
เคยคิดเช่นนี้เหมือนกันค่ะ
18 พฤษภาคม 2552 12:34 น. - comment id 986725
แต่เคยแต่งกลอนไว้เล่นอยู่บทหนึ่ง แล้วพี่น้องในบ้านกลอนบอกว่า ห้ามคิดเเช่นนั้นอีก อิอิ เอามาให้คุณลุงลองอ่านดูนะคะ อ่านหนังสือทุกอย่างวางตรงหน้า ทั้งตำรา เรื่องตลก ผกผันนั้น เพิ่มความรู้ให้สมองอยู่ทุกวัน จุดพลิกผันในชีวิตไม่คิดพา สุขง่ายง่ายสบายสบายสไตล์ฉัน อาจร้องไห้เป็นบางวันที่อ่อนล้า หรือหัวเราะครึกครื้นบางเวลา ขยับแข้งขยับขากำลังกาย ชอบมีเพื่อนเยอะแยะรวมแป๊ะด้วย ยามฉันม้วยขอทุกคนอย่าห่างหาย วางพวงหรีดขายหัวเราะให้ข้างกาย ส่งวิญญาณด้วยจดหมายเป็นกลอนนำ นึกอะไรไม่ออกบอกฉันได้ จะส่งใจจากสวรรค์มาช่วยขำ เพราะเป็นเหมือนเพื่อนสนิทคอยจดจำ จึงอยากทำหน้าที่นี้ต่อไป ฉันจะขับกล่อมธรรมบนฟากฟ้า ส่งตรงมาถึงทุกคนอย่าหวั่นไหว วันมงคลจะจุดดอกไม้ไฟ จากเทพไท้ในสวรรค์นั้นลงมา แต่ตอนนี้แค่คิดผิดไหมท่าน แค่ประเมินสถานการณ์ไว้ล่วงหน้า อีกไม่นานหากฉันนั้นจากลา ซับน้ำตาเพื่อฉันนั้นด้วยกลอน เคยคิดเล่นๆเช่นกันค่ะ
18 พฤษภาคม 2552 12:39 น. - comment id 986726
ต้องพินิจดูเนืองๆ ครับ คุณ เพียบงพลิ้ว ครับ
18 พฤษภาคม 2552 12:43 น. - comment id 986727
แล้วคนที่นั่งหัวเราะร่วนเป็นไข่เค็มอย่างน้อง จะเป็นอย่างไรหนอ ...
18 พฤษภาคม 2552 12:44 น. - comment id 986728
ลุง คิดอย่างนี้นะ ครับ . ทางโลกถือเรื่องนี้ว่าไม่ควรคิดถึง พูดถึง เพราะเป็นลางบ้าง เป็นเรื่องอัปมงคล บ้าง . ส่วนทางธรรมนั้น พระท่านว่า เป็นการเจริญมรณานุสติ จะทำให้ใช้ชีวิต อย่างไม่ประมาท . ก็แล้วแต่เรา ว่าจะเลือกเอาทาง โลกคติ หรือ ธรรมคติ ลุงว่าไม่มีถูกหรือผิด ครับ อยู่ที่เราวางใจมุ่งหมายไว้ ในการเลือกคิดเลือกทำนั้น ครับ หนูแบม ครับ
18 พฤษภาคม 2552 13:14 น. - comment id 986736
คงมีแต่คนรัก อาลัยหา โทษฐานที่ยามอยู่มีแต่ทำให้คนรอบข้างสุขสดชื่น มั๊ง ครับ น้องภาฯ
18 พฤษภาคม 2552 13:58 น. - comment id 986756
บางชีวิตหนักแน่นเช่นขุนเขา บางชีวิตบางเบาเหมือนฟองสบู่ บางชีวิตไม้ประดับไม่รับรู้ บางชีวิตถูกเชิดชูตลอดกาล ชีวิตใครคนนั้นต้องลิขิต ใครอยากมีชีวิตเช่นไร เลือกกระทำแต่วันนี้ มาทักทายครับ
18 พฤษภาคม 2552 14:16 น. - comment id 986772
บางชีวิตต้นร้ายแต่ปลายดี บางชีวีต้นดีแต่ปลายร้าย บางชีวีวันนี้รุ่งรุ้งพรรณราย พรุ่งมลายไร้กระทั่งที่ฝังตน . อยู่เลือก..เอง ครับ คุณ ไร้อันดับ
18 พฤษภาคม 2552 14:20 น. - comment id 986774
สวัสดีค่ะ พี่คนกุลา (ขออนุญาตเรียกพี่นะค่ะ) ดอกบัวไม่เคยคิดว่าจะมีใครๆถามถึง หรือว่าอะไรทั้งนั้น เมื่อจากร่างไปแล้ว ดอกบัวแค่ปัจจุบัน ไม่เบียดเบียนใครเท่านั้นแหละ ค่ะ แต่ก็แอบหวังแค่เมื่อสิ้นลมไปแล้วขอให้มีใครๆนำร่างไปเผาก็พอ แอบขอไว้ในใจค่ะ มีแต่ความสุขเสมอนะค่ะ พี่คนกุลา
18 พฤษภาคม 2552 14:46 น. - comment id 986782
เรามีจุดจบ แต่ความดีที่เคยมีมันไม่เคยจบ คิดเช่นนี้เสมอค่ะ...
18 พฤษภาคม 2552 15:02 น. - comment id 986790
ได้ครับ คุณน้อง ดอกบัว . นานาจิตตัง ครับ ขอให้คิดถึงไว้บ้าง เพราะหลายคนใชวิตแบบว่าลืมไปว่า ในท้ายที่สุด แวเราทุกคนก็ต้องตาย กันทั้งสิ้น ไม่มีใครอยู่ค้ำฟ้าได้ ขอให้มีความสุข เช่นกันนะครับ น้องดอกบัว ครับ
18 พฤษภาคม 2552 15:05 น. - comment id 986792
ดี ครับ คุณ whitelily ครับ เขียนเรื่องนี้เพื่อจะได้เป็นอนุสติ สำหรับ สอนตนเอง นะครับ
18 พฤษภาคม 2552 15:29 น. - comment id 986804
การจากไป คนที่เสียใจคือคนที่รักเรามากที่สุด แต่ว่าถ้าเราไม่ชอบเค้าเราคงไม่ไปงานศพเค้าหรอก ... แต่ว่า ทำวันนี้ให้ดีที่สุดแล้วกันค่ะ... ใครจะรักจะเกลียดคงห้ามกันไม่ได้ค่ะ
18 พฤษภาคม 2552 15:42 น. - comment id 986810
เอากลอนเก่ามาร่วมแจมนะคะ "ควันเขม่า คละคลุ้ง ฟุ้งตลบ จากซากศพ ที่เขา ไปเผาผี ไม่รู้สึก รู้สา ประดามี เป็นร่างที่ ร้างวิญญา คราจาบัลย์ คนโศกเศร้า โศกี อยู่ที่ไหน มิใช่ใคร ญาติมิตร สนิทนั่น ร่ำไห้หวน ครวญคร่ำ พร่ำรำพัน เฝ้าโศกศัลย์ กำสรด สลดใจ คือเลือดเนื้อ เชื้อไข ในสายเลือด ไม่แห้งเหือด สัมพันธ์ ให้หวั่นไหว ร้องระงม อาวรณ์ ก่อนจากไกล น้ำตาไหล พรากนอง ทั้งสองตา ต่อแต่นี้ ไม่มี ร่างนี้แล้ว ที่ผ่องแผ้ว ความดี ที่รักษา เหลือความหลัง ฝังตรึง ซึ้งวิญญา คือคุณค่า งดงาม ยามจากกัน เหลือเพียงแค่ อัฐิ อย่างที่เห็น เก็บไว้เป็น นิยาม ความอาสัญ กับคุณงาม ความดี เป็นนิรันดร์ สถิตมั่น ดำรง วงศ์ตระกูล.."
18 พฤษภาคม 2552 15:52 น. - comment id 986817
เห็นด้วย ครับคุณมณีจันทร์ ว่านั่น คือสิ่งที่ดี ที่สุดที่เราจะทำได้ ครับ ขอบคุณที่มาเยี่ยมเยียนกันครับ
18 พฤษภาคม 2552 15:54 น. - comment id 986819
ขอบคุณ ครับคุณเฌอมาลย์ เป็นกลอน ที่ทำให้เกิดมรณานุสติ ได้ดีมาก ครับ
18 พฤษภาคม 2552 19:24 น. - comment id 986929
สวัสดีค่ะคุณ คนกุลา เคยคิดอยากเตรียมงานของตัวเองไว้เหมือนกันค่ะ
18 พฤษภาคม 2552 19:30 น. - comment id 986935
ผมทำได้แค่พยายามเตรียมตัวเตรียมใจในบาง ครั้ง แต่คงยังไม่ได้คิดเตรียมงาน ครับ ในอนาคต ค่อยว่ากันอีกที ครับ ขอบคุณที่มาเยี่ยม ครับคุณพิมพ์แก้ว
18 พฤษภาคม 2552 19:37 น. - comment id 986939
เสียงบรรเลงเพลงเศร้าเคล้าน้ำตา. .เสียงโหยหาคนอยู่หลังนั่งร้องให้. .เสียงคร่ำครวญเหมือนจวนจะขาดใจ. .เสียงอาลัยคนจากไปไม่กลับมา. .ร่างนอนนิ่งไร้วิญญาณไม่ขานรับ. .ชีวิตดับไม่รับรู้ใครห่วงหา. .เธอจากไปไม่ทิ้งไว้แม้คำลา. .ชิวิตมาจากไปง่ายดายจริง. .ตั้งแต่เล็กจนโตใหญ่ในวันนี้. .ใช้เวลาหลายปีมีทุกสิ่ง. .แต่ถึงคราวจากไปไม่ไหวติง. .ร่างเธอนิ่งเพียงเศษเสี้ยววินาที.
18 พฤษภาคม 2552 20:48 น. - comment id 987007
แถวบ้าน งานศพจะมีแต่ ไพ่ ไฮโล ยังคิดในใจอยู่ว่า นี่มางานศพหรืองานอะไรเนี่ย เฮ้อ...
18 พฤษภาคม 2552 22:16 น. - comment id 987067
...อืมเขียนได้ดีครับ
18 พฤษภาคม 2552 23:09 น. - comment id 987084
ในอ้อมโอบ...แห่งรัก ดวงเขียนเรื่องนี้ ด้วยใจที่สุขสงบ..เหลือเกิน... เป็นดึกดื่นคืนเพ็ญ.... จันทร์ดวงงาม..ลอยเด่น ประดับบนฟากฟ้า.. สลับกับดวงดาราระยิบกระพริบพราวพราย..... เสียงหรีดหริ่งเรไรระงม..... พรมพร่างด้วยน้ำค้างกลางหาว...... นานๆจะมีเสียงพลุ และประกายสีสันจากดอกไม้ไฟพรูพร่างท่ามกลางฟ้ามืด..... ดวงจุดเทียนรายรอบ และวางไว้ในโคมเพื่อใช้เขียนหนังสือ...... ทิวไม้งามรายล้อม..แลดูตะคุ่ม โดมสีขาวจากบ้านเพื่อนบ้านโผล่พ้นดงไม้ ดูราวกับ ปราสาทแห่งความฝัน........... บางค่ำคืน ... เมื่อม่านฝนพรำโรยตัวเป็นหมอกหนา........ ดวงจะอาบน้ำท่ามกลางแสงเทียน วับแวม ให้หวามไหว ซุกตัวในอ่างน้ำแสนอุ่น และจากกระจกบานกว้าง... มองออกไปยังฟากฟ้า แสนไกล..... ซึ่งดูราวกับฉากแห่งม่านฝันรำไรในสายฝน สลับสล้าง สวยเหลือใจ................ ดวงคิดเสมอ.... ว่าโลกนี้อยู่ที่ใจเราจะเนรมิต...... ดวงสามารถสร้างโลกในฝัน... ให้เป็นโลกแห่งความจริงที่สวยงาม...เต็มไปด้วยมนต์เสน่ห์ และโดยมิพักต้องลงทุนมากมาย................... ดวงปล่อยให้...การะเวกเลื้อยพันเป็นลวดลายงาม.. ขึ้นมาทายทักจนถึงระเบียงดาดฟ้ากว้าง ที่ดวงใช้เขียนหนังสือ.... กลิ่นการะเวกยามเย็น ทำให้งานเขียนของดวงลื่นไหลตราตรึง... การะเวกเกาะเกี่ยวเกิดเป็น.. ม่านลายลูกไม้ธรรมชาติ ตามกระจกรอบๆบ้าน..แทนม่านหรู. แถมเป็นม่านที่มีกลิ่นจรุงใจ..งดงาม หวานหอม....... เป็นม่านผืนที่ต้องใช้ใจถักทอเพียงเท่านั้น....ถึงจะมีสิทธ์ได้มา........ บ้านของดวง....มีลวดลายจากใบไม้นานาพรรณ...... มาถักทอและบดบังให้แลลอดรำไร เป็นม่านเย็นตา เย็นใจ ทุกโมงยาม ที่ใจดวงงามได้สัมผัส.... ต้นแก้วสูงถึงชายคา........ แผ่กิ่งก้านอวดดอกขาวพราวต้นเมื่อยามวสันตฤดู..... กลิ่นหวานเศร้า เคล้าสายฝนจะแทรกเข้ามาเห่กล่อม ให้หลับไหลอย่างแสนสุข.... ดวงมีเล็บมือนางสวยเลื้อยพันเป็นซุ้มหน้าบ้าน..... ไว้เกาะเกี่ยวใจของคนที่มาเยือน.... มีต้นมะม่วงสูงใหญ่ ที่ไว้เป็นที่ให้นกกามาอาศัย..ทำรัง และให้ นกเขามาร้องขันคูปลุกในยามเช้าตรู่ เมื่อถึงฤดูกาลออกผล แค่เอื้อมมือไปก็เด็ดได้ไม่ยาก... แล้วไหนจะจำปีที่ชิดเชยถึงชายคา..ริมระเบียง อยากเก็บแแซมผมก็เพียงสัมผัส...... มีดอกพุด...ที่มีหนุ่มคนไกล..ปลูกไว้ให้ ราวกับจะเป็นไม้เสี่ยงทาย.... ให้ดวงเฝ้ารดน้ำพรวนดิน ทะนุถนอมแทน .. เพื่อรอดูตุ่มแรกของดอกที่จะผลิบาน.......... แล้ว ดวงตั้งใจจะเก็บไปถวายพระพุทธรูป ที่ดวงจุดเทียนสวดมนต์กราบไหว้ทุกค่ำคืน.... เพื่อเป็นมงคล เป็นพุทธบูชา.... และดวงจะอธิษฐานจิต ให้ดอกพุดนั้นแทนรักที่งดงาม........ บริสุทธิ์ใส และเบิกบาน ให้เจ้าของสมหวัง...ดั่งใจ เฉกเช่นเดียวกัน......... เราทุกคนมีใจดวงเล็กๆเหมือนกัน... ใจดวงที่สามารถจะเปิดให้ความงามที่รายล้อม รอบรอบตัวเข้ามาสัมผัส.... ง่ายแสนง่าย.ใกล้แสนใกล้......แค่มือคว้าใฝ่.............. เพียงมีใจปราถนารับความละเมียดละมุน..มาต่อเติมใจ ให้ไฟฝัน มิมีวันมอดสิ้น......... ชีวิตนี้สั้นนัก..... ไม่ช้านาน เราทุกคนก็ต้องลาจากโลกสมมุตินี้ไป..... แล้วไฉนเล่า ไม่เบิกบานกับชีวิต.... และเตรียมทำใจยอมรับความจริงของชีวิต *การพลัดพรากจากสิ่งที่รักเป็นทุกข์ การประสบกับสิ่งที่ไม่รักก็เป็นทุกข์* เมื่อเราก้าวเข้ามาในโลกแสนสวยใบนี้.... สิ่งเดียวที่เราจะหยิบยื่นให้แก่โลกนี้ได้ คือไม่เบียดเบียนโลก...ไม่เบียดเบียนตัวเอง ไม่เบียดเบียนเพื่อนร่วมโลก.. เราแค่ผ่านมาทักทายและอาศัยพักใจเพื่อรื่นรมย์ และฝึกจิตที่พร้อมจะยังประโยชน์ให้คืนกลับ แก่โลก และผู้ที่จะตามมาในภายหลัง... โลกนี้อยู่ได้ด้วยรัก... รักที่สวยงามจะเป็นพลังสรรสร้างทุกๆสิ่ง..... รักทำให้โลกหมุน..... และโลกจะไม่โหดร้ายจนเกินไป ถ้าเราจะช่วยกันแบ่งปันแก่ผู้ยากไร้สิ้นหวัง..................... ดวงขอจบด้วยบทเพลงหนึ่ง ซึ่งดวงกำลังเปิดฟังในค่ำคืนที่มีมนต์ขลังนี้ ให้มันลอยแทนใจ แทนความคิดถึงทุกทุกคน ถึงใจทุกทุกดวงที่รู้ซึ้งถึงคุณค่าแห่งรักทุกๆรูปแบบ และโดยเฉพาะ คนพิเศษในใจของดวง... ที่บ้านเกิดเกาะแสนงาม.. ที่อเมริกา...แคนาดา...และออสเตรเลีย... รวมทั้งเพื่อนแสนรัก ทุกคนที่ญี่ปุ่น....สิงคโปร์... ผู้ที่ดวงหวังใจว่า..เกิดมาเพื่อรัก... และรู้ความหมายของการเสียสละนะจ้ะ เพลงรักไม่รู้จบ................... ถึงจะอยู่สุดหล้าฟ้าดิน.... แม้จะสิ้นสิทธิ์และเสรี แต่วันนั้น..ใจฉันยังคงที่ ความรัก..ความภักดี ไม่มีสิ้นสลาย ถึงโลกแตกแหลก..แหลกเป็นผงคลี รักเต็มปรี่..ไม่มีรู้คลาย ชีพถูกฝัง ความรักยังเวียนว่าย เคียงคู่เธอ ไม่คลาย ฝากวิญญานไว้ครอง ด้วยความรักไม่รู้จบ แม้ผืนดินกลบยากลบรอยรักเลือน จะเนิ่นนาน..กี่วัน..กี่ปี...กี่เดือน ดินฟ้าจะคล้อยเคลื่อน ใจไม่เลือนรักเธอ....... ทุกทุกอย่างบนทางรักจริง ทุกทุกสิ่งบนทางรักเธอ จะสมหวังหรือพบความเพ้อเจ้อ เป็นที่ใจของเธอจะจริงจังฉันท์ใด ........................................................... ใช่เลยใช่ไหม ถ้าใจเธอหนักแน่นพอ............... ด้วยรักจากใจ พุด... คิดทุกวันเลยค่ะ สวดมนต์อธิษฐานจิต เพียงมีลมหายใจชีวิต ได้ทำความดีพลี แด่แผ่นดินแม่และผู้เป็นที่รักค่ะ ก่อนดินกลบหน้า นะคะ ผลงานสอนสัจจธรรมของชีวิต ที่เราทุกคนหนีไม่พ้นค่ะ ด้วยรักชื่นชมเสมอมา
18 พฤษภาคม 2552 23:14 น. - comment id 987087
http://www.thaipoem.com/forever/ipage/poem37762.html เงียบสะท้อน พุดรจนาไว้อาลัยแด่คุณโกศล กลมกล่อม หลังจากโทรตามหาตัวเขาแต่ ได้รับคำตอบว่า เขาเสียชีวิตแล้วค่ะ ด้วยรักจากใจ
19 พฤษภาคม 2552 11:55 น. - comment id 987153
เพราะไม่รู้เชิงตะกอนที่เบื้องหน้า ไม่รู้ว่าจะเดินถึงเมื่อยามไหน ดังนั้นจึงควรทำดีอยู่ร่ำไป คนจะได้ไม่ด่าซ้ำเมื่อลงโลง
19 พฤษภาคม 2552 14:20 น. - comment id 987214
ยังไงชีวิตก็สู่ที่หมายเดียวกัน ทำดีไว้ไมเสียหลายเน๊าะ
19 พฤษภาคม 2552 16:04 น. - comment id 987254
เคยอ่านเจอประโยคประทับใจประโยคหนึ่ง รู้สึกจะจากฟอร์เวิร์ดเมล์ค่ะว่า "เราร้องไห้ในวันเกิด ท่ามกลางรอยยิ้มของคนรอบข้าง...หากวันหนึ่งต้องตายไปก็ขอเป็นคนยิ้ม และได้เห็นคนรอบข้างร้องไห้ให้เราก็ยังดี" อาจจะจำผิดไปบ้างแต่ความหมายประมาณนี้อ่ะค่ะ ก่อนจะไปสู่เชิงตะกอนคงต้องย้อนดูสิ่งที่ทำบ่อยๆเนาะ...ว่าเรากำลังทำดีหรือทำสิ่งที่ไม่ดีกันแน่ บทกลอนให้ข้อคิดเตือนสติได้ดีเลยค่ะ
19 พฤษภาคม 2552 18:10 น. - comment id 987342
สวัสดีค่ะ เคยคิดไว้ว่าอยากบริจาคร่างกายค่ะ แต่ยังไม่ได้ปรึกษาใครเลย อย่างน้อยคงจะเป็นประโยชน์กับคนอื่นบ้าง แต่ก็ยังไม่ได้ดูแลตัวเองดีเท่าที่ควรเลย
19 พฤษภาคม 2552 18:47 น. - comment id 987361
เชื่อเสียเหลือเกินว่า คุณ พุด ได้ทำและทำได้ ทำต่อไปเถิด ครับ มรณานุสติ อันไม่มีใครเลี่ยงพ้นได้ แม้จะพยายามที่จะไม่คิด พูด กราย ก็ตามที ครับ ด้วยผูกพัน ครับ
19 พฤษภาคม 2552 18:50 น. - comment id 987362
สวัสดี ครับคุณอ้อม ดีใจที่มาระลึกมรณานุสติ ด้วยกัน ขอให้บุญหนุนนำ ครับ
19 พฤษภาคม 2552 18:56 น. - comment id 987364
งานที่ ให้สติ ก็คงมี มั๊ง ครับ คุณ ยา ครับ ยินดีที่มาระลึกมรณานุสติ ด้วยกัน ครับ
19 พฤษภาคม 2552 23:51 น. - comment id 987479
ขนาดมาขวักมือเรียกลุงแทนยังหนีมาได้เลย ลุงกุลา
20 พฤษภาคม 2552 00:47 น. - comment id 987492
สวัสดี ครับ คุณกิ่งโศก ครับ ขอบคุณสำหรับกำลังใจ ครับ
20 พฤษภาคม 2552 00:50 น. - comment id 987493
ถูกต้องอย่างยิ่งเลย ครับ คุณ แจ้นเอง ครับ
20 พฤษภาคม 2552 00:53 น. - comment id 987494
เป็นประโยค ที่ทำให้ฉุกคิดอะไรได้มากมาย เช่นเดียวกัน ครับคุณ โคลอน ครับ ส่วนการทบทวนตนเองคงต้องทำทุกวันเลยยิ่งดี ครับ
20 พฤษภาคม 2552 00:56 น. - comment id 987495
เป็นความคิดที่ดี และน่าสนับสนุน ครับคุณ somebody ครับ
20 พฤษภาคม 2552 00:57 น. - comment id 987497
เยี่ยมมากเลย ลุงเอง ครับ
20 พฤษภาคม 2552 15:47 น. - comment id 987717
กลับสู่ความหมายนิรันดร์ เมื่อวันหนึ่งวันนั้นพลันมาถึง อย่ารัดตรึงกายฉันพันตราสังข์ อย่าร่ำไห้ครวญคร่ำร่ำประดัง อย่าคุ้มคลั่งร้อนใจให้วุ่นวาย วันที่ฉันทอดร่างอย่างสงบ จักเป็นศพเปี่ยมท้นบนความหมาย ณ ห้องอับคับคร่ำดำแดนตาย มีหลากหลายต่างพบจบชีพลง ณ จุดหนึ่งแห่งห้วงบ่วงเวลา แพทย์บ่งว่าสมองของฉันหลง หยุดทำงานนิ่งว่างอย่างมั่นคง ไม่ประสงค์เครื่องเทียมเตรียมต่อวัน อย่าเรียกขานเตียงฉันว่ามรณา ให้ชื่อว่าเตียงชีวิตลิขิตฝัน ให้แล่ร่างหนังเนื้อเถือจากกัน แล้วแบ่งปันบริจาคฝากเป็นทาน เพื่อช่วยเหลือชีวิตอื่นฟื้นชีวิต สมบูรณ์สิทธิ์ศักดิ์มนุษย์ทุกสถาน เพื่อเติมเต็มกระแสกรรมธรรมธาร ยามสังขารล่วงลับดับคืนวัน ให้ดวงตาแก่ชายบอดยอดลำเค็ญ ผู้ไม่เคยได้เห็นแสงสวรรค์ ไม่เคยซึ้งแสงพราวดาวพระจันทร์ ยามฉายหน้าสรวลสันต์ของทารก เขาอาจเห็นความจริงในแววตา ของชาวนายากเหลือเหงื่อต่ำตก น้ำตารินคลอเบ้าร้าวสะทก เห็นหัวอกทุกข์ทนบนแผ่นดิน อุทิศใจของฉันกำนัลคน ผู้หลงมนต์วัตถุนิยมถมทรัพย์สิน ไม่เคยฟังเสียงธรรมพร่ำยลยิน เสียงสุดสิ้นอนิจจังร่ำประดา ให้เลือดฉันแก่เด็กแหละวัยรุ่น ผู้วนหมุนรักโศกโลกปัญหา ยามถูกดึงจากซากรถลากมา ต่อเวลาให้สำนึกตรึกตรองใจ ให้ตับฉันแด่คนทุกข์ทนหนัก กับเครื่องจักรกึกก้องคะนองไหว กลางเคมีคละคลุ้งพลุ่งควันไอ ของโรงงานระอุไฟไร้ค่าแรง เอากระดูกกล้ามเนื้อเหลือทุกมัด เส้นประสาทสัมผัสทุกแขนง ไปก่อร่างเพาะใหม่ให้สำแดง เพื่อก้าวแรกก้าวตะแคงเด็กพิการ โปรดสำรวจทุกห้องสมองมุม ต่อเส้นเลือดชุมนุมสุมประสาน ไปสังเคราะห์เนื้อเยื่อเพื่ออภิบาล จนเวลาล่วงผ่านงดงามพอ แล้วปลูกถ่ายให้ชายเป็นใบ้นั้น เผื่อสักวันเสียงร้องจะก้องหอ ให้น้ำตาไหลอิ่มปริ่มเปรมพอ ตะโกนก้องหัวร่อให้ได้ยิน เพื่อเด็กหญิงหูหนวกที่รวดร้าว จัดยินข่าวคนไกลในถวิล ยามหน้าต่างกระทบหยดฝนริน สื่อสำเนียงจากดินปริ่มพรมใจ แล้วเผาสิ่งที่เหลือสละสลาย นำความตายถมรอยทางอ้างว้างไหว นำเถ้าถ่านมอดเหลือจากเชื้อไฟ ไปโปรยไว้บนถนนหนทางเดิน เพื่อดอกไม้สันติภาพจักงอกงาม เผื่อนกข้ามพลัดถิ่นมาบินเหิร ชมศรัทธาป่าทานให้นานเพลิน ร่อนลงเดินเหยียบดินทุกถิ่นไป ถ้าจะฝังบางสิ่งหรือทิ้งซาก ฉันขอฝากอคติที่หลงใหล ที่เหลืออยู่ก่อนตายในกายใจ ขอขมามอบไว้แด่ทุกคน ความอ่อนแอของฉันวันก่อนเก่า ฝังพร้อมเงาอย่าให้เหลือเพื่อออกผล ให้บาปหนักของฉันนั้นหลอมตน เป็นดอกฝนสลายร่วงลงห้วงธาร ให้วิญญาณเป็นทาสพระบาทพุทธ บริสุทธิ์เพียรธรรมกรรมฐาน สถิตย์สูงปลายฟ้านภากาล กลางนิพพานอำไพในพุทธา ถ้าบังเอิญใครใครจะจดจำ ปฏิบัติธรรมนำประทีปให้รีบหา เป็นของขวัญวันตายหมายบูชา กรุณาสรรพมนุษย์จนสุดทาง ฉันจะอยู่ด้วยแรงแห่งความดี ตราบราตรีห่มหล้าอุษาสาง ปณิธานคงคลี่ใยผลิใบบาง แม้นเรือนร่างสลายลับไม่กลืบคืน
21 พฤษภาคม 2552 12:57 น. - comment id 988130
เป็นบทกลอนที่มีค่ามาก ทั้งในเนื้อหากวีพจน์ และงามถ้อยบทกวีที่งดงาม ครับคุณลำน้ำน่าน ยินดีที่ได้เวียนกลับมาอ่าน เม้นท์ที่ท่านมาแปะไว้ ครับ