1. นิทานเซ็นเล่าไว้ให้ข้อคิด จึงปองจิตลิขิตเป็นอักษร เรียงเล่าไปให้เห็นเป็นคำกลอน คติธรรมคำสอนไม่ทอนความ 2. มีฮ่องเต้องค์หนึ่งซึ่งยิ่งใหญ่ ไม่ว่าใครเกี่ยวข้องต้องเกรงขาม เผลอพลั้งพลาดอาจต้องตายติดตาม จึงระวังไม่ผลีผลามทุกยามไป 3. ณ วันหนึ่งเมื่อครบกาลประสูติ ราชบุรุษจัดการงานสดใส เฉลิมเกียรติทั่วเมืองเรืองวิไล ให้ยิ่งใหญ่สวยงามอร่ามตา 4. งานมงคลชนเผ่าเข้าเฝ้าพร้อม ต่างนอบน้อมให้ยั่งยืนหมื่นพรรษา ขอทรงพระเจริญข้าฯวันทา เทพทั่วฟ้าจงอวยชัยให้พระองค์ 5. ฮ่องเต้ยิ้มปริ่มเปรมเกษมสันต์ จึงตรัสกับบริพารผ่านห้องโถง ทรงขอบใจทุกหมู่เหล่าร่วมจรรโลง จนสำเร็จพระประสงค์จำนงจินต์ 6. ณ ครานั้นมีภิกษุลุมาถึง เป็นผู้ซึ่งใฝ่ธรรมล้ำในศีล เป็นพระเซ็นรู้รอบครอบชีวิน มาถึงถิ่นราชวังหวังอวยพร 7. ครั้นฮ่องเต้ทราบข่าวจึงกล่าวรับ เสด็จจากที่ประทับอันนุ่มอ่อน ทรงไหว้พระตรัสถามด้วยอาทร รับคำสอนพุทธธรรมฉ่ำหทัย 8. ฝ่ายพระเซ็นเห็นเวลาว่าเหมาะล้ำ จึงลุกขึ้นกล่าวนำคำขานไข เริ่มอวยพรสอนธรรมล้ำความนัย เพื่อปลุกให้ฮ่องเต้คิดสิ่งปิดบัง 9. ขอปู่ย่าตายายจงตายก่อน พ่อแม่จงม้วยมรณ์ในตอนหลัง ต่อจากนั้นขอพระองค์มรณัง แล้วถึงฝั่งลูกหลานคลานตายตาม 10. ช่างอุบาทว์ชาติชั่วไม่กลัวแท้ เจ้าพระแก่อวดเก่งไม่เกรงขาม ข้าให้มาอวยพรใช่ประณาม เฮ้ย!พวกยามจับมันประหารพลัน 11. พวกทหารจับพระไม่ละเลย ขืนอยู่เฉยอาจพิโรจโทษประหาร จับพระมัดคุกเข่าประจำการ เพราะโทษฐานดูหมิ่นปิ่นเดชา 12. ฝ่ายพระเห็นเช่นนั้นจึงพลันกล่าว ถามองค์เจ้านรินทร์ปิ่นเกศา ถวายพระพรฮ่องเต้จอมราชา อาตมาขอถามความต่อไป 13. ฤาพระองค์ประสงค์ให้ลูกหลาน ตายก่อนกาลอันสมควรชวนสงสัย แล้วพระองค์พ่อแม่จึงตายาย จนสุดท้ายปู่ย่าจึงลาตาม 14. องค์ฮ่องเต้ครุ่นคิดจิตสับสน เกิดเป็นคนก็ต้องตายให้เขาหาม ไม่มีใครรอดพ้นตายทุกนาม เข้าใจในหลักธรรมสัมพุทธา 15. เมื่อเข้าใจในหลักสัจจธรรม จึงชุ่มฉ่ำหทัยได้ศึกษา อันความตายนั้นหนอธรรมดา ไม่ว่าเร็วหรือช้าก็ต้องตาย 16. อนิจจังสังขารนั้นไม่เที่ยง สุดหลีกเลี่ยงเกิดดับสลับสาย ในเบื้องต้นกำเนิดเกิดทุกราย กลางแปรไปสุดท้ายสลายตน 17. อันทุกขังสังขารหนอก็เป็นทุกข์ จะหาสุขที่ยืนยั่งอย่าหวังผล มันบีบคั้นขัดใจให้ดิ้นรน ทุกข์ท่วมท้นเพราะตัณหาอุปาทาน 18. อนัตตาหมายว่าไร้ตัวตน สืบเสาะค้นหาไม่ได้ในแก่นสาร ทุกสิ่งล้วนเป็นปัจจัยหนุนเนื่องกัน จึงสืบสานอยู่ได้ให้รู้ทัน 19. โอ้! อนาถใจแท้รีบแก้มัด โทสะกัดหม่นไหม้ใจร้าวฉาน องค์ฮ่องเต้คุกเข่าเข้าหมอบคลาน วันทาท่านขอขมาข้าฯผิดไป 20. ขอถวายพระพรมหาบพิตร ไม่มีผิดชั่วช้าอย่าหวั่นไหว อาตมาจักกล่าวให้เข้าใจ ขอพระองค์นิ่งพระทัยใฝ่ความดี 21. อันความตายชายนารีหนีไม่พ้น เกิดเป็นคนก็ต้องตายกลายเป็นผี จะรวยจนชั่วช้าหรือว่าดี ไม่วันนี้ก็วันหน้าต้องลาตาย 22. อันปู่ย่าตายายต้องตายก่อน จึงถึงตอนพ่อแม่แก่สลาย จากนั้นจึงถึงคราวเรามลาย จึงสุดท้ายลูกหลานเหลนถึงเกณฑ์ตาย 23. ตายเยี่ยงนี้ถือว่างามตามลำดับ ไม่สลับประเด็นเย็นบ่ายสาย เกิดเป็นคนต้องลับดับชีพวาย แต่จะตายอย่างไรไม่ร้อนรน 24. อันยศลาภหาบไปไม่ได้แน่ เว้นไว้แต่ต้นทุนบุญกุศล ทรัพย์สมบัติทิ้งให้อนุชน แม้ร่างตนเขาก็เอาไปเผาไฟ 25. ตายวันนี้พรุ่งนี้ไม่มีบอก บ้างช้ำชอกอุราพาเสียหาย ฟื้นไม่ได้ตายแล้วก็ตายไป บ้างหม่นไหม้เพราะชั่วที่ตัวทำ 26. ช่างงามแท้พระคุณเจ้ากล่าวจับใจ นิมนต์เทศน์ต่อไปใจชุ่มฉ่ำ ในวันพรุ่งนิมนต์ท่านเทศน์ธรรม โยมจะนำบริพารมาร่วมฟัง 27. เจริญพรอาตมาขอลาจร พรุ่งนี้ก่อนฉันเพลไม่เว้นหวัง หากชีพคงต่อไปไม่มรณัง จะมานั่งเทศน์ธรรมให้สำราญฯ
15 พฤศจิกายน 2551 12:04 น. - comment id 686858
นิทานนี้ท่านสอนไว้ให้รู้ว่า อันเกิดมาใช่จีรังณสังขาร วันเวลาผันผ่านใช่เนิ่นนาน ปณิธานทำความดีกันเถิดเอย
15 พฤศจิกายน 2551 14:48 น. - comment id 828636
มาฟังนิทานด้วยคนค่ะ
13 พฤศจิกายน 2551 21:59 น. - comment id 913677
เอาแบบให้ขี้เกียจอ่าน..ไปเลย... ว่ามั๊ย...
14 พฤศจิกายน 2551 09:12 น. - comment id 913752
หวัดดีขอรับ คุณ"กิตติเวทย์" ให้วิจารณ์...ยังไม่กล้าคับ....แต่บอกตามความรู้สึก...นะคับ อรรถรส บทบรรยาย ร่ายได้เยี่ยม เนื้อหาเปี่ยม เหลี่ยมธรรม คำสั่งสอน รากภาษา พาพร่ำ ในคำกลอน สมที่วอน กลอนร่าย ให้อ่านชม เขียนนิทาน เพียงพาน เพื่อสานสุข อาจผลปลุก สุขยาม สดับสม สู้อุตสาห์ มานะ ละรื่นรมย์ เพื่อร่ายพรม บ่มคำ ธรรม นิทาน "ยอดเยี่ยม" ขอรับ คุณท่าน นับถือๆ ตอนเช้าคับผม
14 พฤศจิกายน 2551 09:19 น. - comment id 913756
อ่านแล้วได้สสาระมีความรู้ดีคะ
14 พฤศจิกายน 2551 14:18 น. - comment id 913872
แบมอ่านไป ขนลุกไปคะ ไม่ได้มีอาการอย่างอื่นนะคะ นอกจากจะบอกว่า .. ขอบคุณที่มีคนเขียนกลอนได้ดีมีคุณภาพเช่นคุณคะ ด้วยรัก..จากใจจริง แบ่มแบ้ม ( คุณควรเอาไปเขียนเป็นเล่ม ออกวางตลาดได้แล้วนะคะ แบมขอจองหนังสือเล่มแรกค่ะ..ชอบจริงๆ)
14 พฤศจิกายน 2551 16:44 น. - comment id 913923
2 คุณkirati ขอบคุณมากครับที่เข้ามาช่วยอ่านกลอน ส่วนตัวผมมีความรู้สึกว่า การชมก็เป็นการวิจารณ์อย่างหนึ่ง ..ครับ (อิอิ) การแต่งกลอนแบบนี้ผมก็เพิ่งทดลองนะครับ เรื่องแรกก็คือกระต่ายกับเต่าที่เล่าให้ครูกระดาษทรายฟังวันนั้น ...จึงเกิดอยากแต่งเพิ่มขึ้นอีก เลยหานิทานประเภทคติธรรมมาลองดู หวังว่าไฟจะยังลุกโชนต่อไป...
14 พฤศจิกายน 2551 16:47 น. - comment id 913925
3 สวัสดีครับคุณพิมญดา ขอบคุณนะครับที่เข้ามาเยี่ยมให้กำลังใจ ไม่รูว่าจะเอาไปอ่านให้เด็กฟังได้หรือเปล่า แต่ออกแนวศาสนา...ปรัชญานะครับ แต่ก็น่าจะให้ข้อคิดดีนะครับ
14 พฤศจิกายน 2551 16:51 น. - comment id 913926
4 หวัดดีขอรับคุณแก้วประภัสสร ฟังที่ว่ามาให้กำลังใจดีชะมัด จะลองแต่งแบบนี้ต่อไปครับ ที่จริงผมเคยแต่งแบบกลอนชุดไว้พอสมควร แต่ก็ยังไม่เคยพิมพ์....แบบว่ากำลังมองหา..นะ การแต่งเล่านิทานแบบนี้ เพิ่งเกิดไอเดีย....จะลองว่าต่อไปอีกสักตั้ง คงต้องคัดนิทานก่อน... ขอบคุณครับ...กับการจะซื้อหนังสือเล่มแรก... อิอิ
15 พฤศจิกายน 2551 04:38 น. - comment id 914043
ยอดเยี่ยมและสมบูรณ์แบบในทุกสิ่งค่ะ
15 พฤศจิกายน 2551 07:02 น. - comment id 914063
เยี่ยมครับ ต้องหัดเขียนแบบยาวๆบ้างแล้ว รู้สึกว่าสนุกดี ด้วยจิตคารวะในฝีมือคับ
15 พฤศจิกายน 2551 08:52 น. - comment id 914076
8 หวัดดียามสายครับ คุณนรศิริ เข้ามาดู..ตกใจกับเสียงปรบมือ ขอบคุณนะครับ...กำลังใจอื้อเลย เป็นแบบนี้...คงต้องหามาให้อ่านอีกครับ ต้องหานิทานเซ็นครับ เพราะมันกระชากความรู้สึกดี
15 พฤศจิกายน 2551 08:54 น. - comment id 914077
9 สวัสดีครับคุณวาสุกรี ขอบคุณครับการกำลังใจ วันนี้วัดหยุดครับ...ได้พักหน่อย สบายดีนะครับ... แถวบางแสนอากาศเย็นนิดหน่อย ............
19 พฤศจิกายน 2551 09:43 น. - comment id 915437
12 เพื่อนคนหนึ่ง นิทานนี้ท่านสอนให้เรารู้ ว่าทุกผู้เกิดก่อนในตอนต้น แก่และเจ็บอยู่ตรงกลางทางทุกคน และสุดท้ายไม่พ้นชนม์ชีพวาย
19 พฤศจิกายน 2551 09:45 น. - comment id 915438
13 หวัดดีครับคุณเฌอมาลย์ ฟังนิทานเล่าไปให้ฉ่ำจิต เป็นข้อคิดสอนใจไม่ประมาท พระเซ็นสอนราชามหาราช เพื่อประกาศอนิจจังสังขารเรา...