เช้าวันหนึ่งอยากไปที่ชายหาด ในใจคาดความสดใสใจสุขสม กลิ่นโอโซนบริสุทธิ์คงน่าชม ต้องภิรมย์แน่แท้แม้คิดไป ฉันจึงเดินทางพลันทันความคิด หลังจากปิดลั่นกลอนก่อนจะสาย จากที่พักเดินทางแสนสบาย สามร้อยเมตรไม่ไกลในทางเดิน ด้วยใจหวังปองถวิลกลิ่นโอโซน จึงรู้สึกโลดโผนกระโจนเหิร อยากสดชื่นยามเช้าย่ำเท้าเพลิน สวยเหลือเกินธรรมชาติที่หาดงาม แต่ทันใดจมูกฉันพลันได้กลิ่น จะเคยชินหรือไม่ใจตรองถาม ตาฉันมองไปรอบเพื่อสอบความ จึงรู้ตามเป็นจริงสิ่งต้นตอ ชายคนหนึ่งนั่งยองยองตามองต่ำ บ่นพึมพำดูซ้ายขวาตาเหลอหลอ ถลกผ้าพันเอวเกี่ยวถึงคอ เหมือนนั่งรอใครสักคนบนมรรคา ฉันเดินเข้าไปใกล้อีกนิดหนึ่ง อยากรู้ถึงความหมายใจกังขา ชายคนนั้นทำสิ่งใดกันนา จึงส่งกลิ่นโชยมาตามสายลม โอ้ย..ตายแล้วแขกตี้มันขี้แตก อยากจะแทรกดินหนีที่ขื่นขม แค่ใจคิดสองเท้าเฝ้านิยม รีบผสมกับจิตคิดผ่อนคลาย พอเดินมาได้หน่อยจึงค่อยหยุด ทำเป็นก้มคุ้ยขุดหาจุดหมาย วิ่งไล่ปูเข้าสู่ร่องรูทราย แต่ไม่คลายแลจ้องมองดูมัน พอเสร็จปั๊บมันจับผ้าทั้งหน้าหลัง เดินขาถ่างย่างลงไปให้ขบขัน นั่งยิ้มป๋อรอคลื่นทะเลพลัน พอคลื่นดันมันขยับเตรียมรับเอา พอคลื่นทักกวักปุ๊บเข้าลูบตูด ล้างไม่หมดหน้าไม่บูดตามสูตรเก่า รอคลื่นใหม่ซัดมาช่วยบรรเทา แขกคนแล้วคนเล่าเอาท่ากัน พอสายหน่อยแสงสุรีย์ฉาบสีฟ้า สว่างจ้าเวลาไม่ผกผัน เปล่งแสงให้มวลสัตว์มานานวัน ไม่แบ่งสันปันส่วนล้วนเท่าเทียม มองทางซ้ายเห็นตายายไหว้แสงสูรย์ เพื่อเพิ่มพูนพลังหวังเต็มเปี่ยม สุริยาราชาไฟไร้ผู้เทียม ขอให้ข้านี้ยอดเยี่ยมและยั่งยืน แปดโมงกว่าหันหน้าว่าจะกลับ เห็นลิบลับแต่ไกลในท้องคลื่น ชาวประมงหาปลายามดึกดื่น มุ่งหน้าคืนเอามาขายให้คนทาน ทุกเช้าตรู่ได้เห็นเป็นเช่นนี้ ทั้งนั่งขี้ไหว้เจ้าเคล้าถิ่นฐาน ออกหาปลาที่กินขี้จนท้องบาน ใช่เผาผลาญผ่านเห็นเข้าเล่าให้ฟัง ออกจากบ้านหวังได้สูดอากาศ งามรสชาดแห่งทะเลเท่ดังหวัง แต่สุดท้ายหาไม่ได้น่าเศร้าจัง หันกลับหลังบ้านเราเท้าซวนเซ หมดเลยหมดกลิ่นโอโซนบริสุทธิ์ กลับได้สูดกลิ่นขี้แขกแปลกไม่เก๋ อ๊อกซิเจนเช้านี้นี่รวนเร เพราะแขกเท่แท้จริงสิ่งวิกล เคยได้ยินแต่เขาว่ามานานแล้ว ไม่เคยแคล้วแขกขี้มีทุกหน ริมชายหาดตลาดสดไม่อดยล ข้างถนนพ่อก็ขี้มีดาษดา หากจะมองว่าลามกตลกขัน ก็มองได้เช่นกันสุดหรรษา แต่หากมองว่าเป็นเช่นปรัชญา ดูมีค่าพัฒนาปัญญาเรา ว่านี่คือวิถีของชีวิต สิ่งแวดล้อมลิขิตดวงจิตเขา เป็นเช่นนี้เล่าขานมานานเนา จะว่าเขาไม่ดีนี่ไม่แฟร์ เหตุว่าเขาอาศัยในกระต็อบ ใช้เป็นที่คลุมครอบหมอบนอนแผ่ ส้วมไม่มีขี้ที่ไหนใครเหลียวแล นี่คือความจริงแท้โปรดแลมอง แต่ก็มีคนที่นิสัยเสีย ยังคลอเคลียสันดานเก่าให้เศร้าหมอง อยู่บ้านใหญ่ส้วมหรูประตูทอง แต่หมายปองจ้องขี้ที่ริมทาง อยู่อินเดียต้องระวังอย่าพลั้งพลาด ใช้สติอย่าขาดกวาดสะสาง เผลอเมื่อใดได้ปรัชญาคาหลุมพราง เดินขาถ่างล้างที่ไหนน้ำไม่มีฯ กลอนนี้ผมแต่งไว้เมื่อหลายปีก่อนตอนใช้ชีวิตอยู่ ที่อินเดีย อยากให้เพื่อนได้อ่าน จะได้ซาบซึ้งถึงบรรยากาศของชายทะเลที่อินเดีย ใต้ เผื่อสนใจอยากไปดูมั่ง...555
6 ตุลาคม 2551 20:29 น. - comment id 902869
อ่านจบแล้วพิมขออยู่เมืองไทยดีกว่าคะ..อิอิ สบายดีนะคะ..
6 ตุลาคม 2551 20:58 น. - comment id 902879
สวัสดีครับคุณกิตติเวทย์ เป็นประสบการณ์ที่ดีที่ได้มีโอกาสสัมผัสแหล่ง วัฒนธรรมประเพณีครับ
6 ตุลาคม 2551 21:54 น. - comment id 902892
เช้าๆอยากเห็นบรรยากาศแบบนี้ หาได้ 2 ที่ครับ หนึ่งคือ ชายทะเล... สองขึ้นรถไฟท้องถิ่น เหอ..เหอ..มองให้เป็นธรรมชาติ มองให้เห็นสัจธรรม แล้วจะพบว่า มันเป็นเช่นนั้นเอง หลายคนให้ความเห็นว่า ถ้าจะไปอินเดียอย่าคิดว่าไปเที่ยวครับ แต่ให้คิดว่าไปศึกษา โดยเฉพาะศึกษาชีวิต และวัฒนธรรม
7 ตุลาคม 2551 08:34 น. - comment id 902975
..เคยไปเมือ2ปีก่อนแต่เห็นเขาถ่ายข้างทางตอนเช้าตรู่..ตอนทางที่รถวิ่งผ่าน.แล้วก้อวัวเยอะมากเลยเนาะ.... ถือเป็นประสบการณ์ของชีวิตอีกซีกหนึ่ง
11 ตุลาคม 2551 02:54 น. - comment id 903868
ก่อนจะว่าใครเป็นควายอายกระสัน ทุกสิ่งอันชีวิตมีลูกได้ ให้กำเหนิดย่อมรักลูกแม้นยอมตาย มาว่ากันทำไมให้อาดูร นึกว่าดีแล้วหรือตัวเองมีค่านัก เห็นประจักษ์ทุกอณูก็หาไม่ใจอดสู ไอ้ผู้ชายรู้จักมีแต่รู ไม่คิดรู้ว่าความเป็นแม่ของท่านก็ควายเหมือนกัน