ระแหงดินกันดารบนลานร้าว เมล็ดข้าวหล่นรวงก็ร่วงผล็อย ลงแทรกกลางวางกองในร่องรอย แล้วรอคอยฝนหยดอย่างอดทน คงรอกาลนานวันแล้วขวัญแก้ว จนลมแผ่วลูบดินแล้วรินฝน ประสานรอยร้าวแคบอย่างแยบยล หัวอกคนหม่นขื่นก็ชื่นใจ อุษาสางจางหายเป็นสายน้ำ ชื้นรากฉ่ำชุ่มดินแล้วรินไหล ทะเลนาเต็มน้ำงามกว่าใคร จงเตรียมไถได้แล้วนะแก้วตา จนลานดินสิ้นแล้วซึ่งรอยร้าว เมล็ดข้าวดับดิ้นในดินหนา เมื่อฝนสองฝนสามเติมน้ำนา กลับเผยกล้าเขียวเข้มจนเต็มดิน ใช่เพียงกล้าเบ่งบานบนลานนั้น แต่พืชพรรณจมมูลเคยสูญสิ้น ก็ผลิแยกโผล่ยอดให้ยลยิน มาหอมกลิ่นไอฝนอยู่บนนั้น ดอกหญ้าเอยเคยหลับก็กลับฟื้น ต้นไม้ยืนต้นใหญ่ก็ไหวหวั่น แตกใบอ่อนซ้อนแซงมาแข่งกัน เป็นภาพฝันยามสางหรืออย่างไร ผีเสื้อเผยปีกกางเคยพรางเร้น ตื่นตาเห็นเต็มตาเต็มฟ้าใส มองพืชผลต้นเดิมที่เริ่มใบ ดั่งหัวใจดวงเดิมที่เริ่มโต.. ๘ มิถุนายน ๒๕๕๑
8 มิถุนายน 2551 21:40 น. - comment id 858950
ฝนตกทุกวันเลยครับ เปลียกมะล็อกมะแล็กแล้ว
8 มิถุนายน 2551 21:55 น. - comment id 858957
..... พี่ฤทธิ์ หายไปไหนนาน อยากบอกว่า คิดถึงงงงงงง มาไม่ทัน ที่ 1 ขอที่ 2 ก็ยังดีค่ะ อิอิ
8 มิถุนายน 2551 21:56 น. - comment id 858959
.. ฉันมิแลเห็นสิ่งอื่นใด เว้นแต่ความวิจิตรสวยงาม .. มาสิ ..มา ฟัง ... เสียงฝน.. กัน จากหยดหยาดสาดกระเซ็นเป็นเส้นสาย ซึ่งโปรยปรายใสสะอาดดาษเวหา หลากเรียงรายเรื่อยเรียงเพียงครั้งครา ผันพลัดพรากจากฟ้าลาเมืองแมน ช่างชุ่มฉ่ำยามต้องละอองฝน บันดาลดลให้ชื่นระรื่นแสน สายฝนโปรยทั่วถิ่นทั้งดินแดน ต่างทดแทนให้พืชพันธุ์นั้นงดงาม สายวสันต์นั้นกระหน่ำทำนองพร้อม ดั่งแวดล้อมดนตรีมีล้นหลาม เสียงสูงต่ำย้ำพยางค์ต่างเนื้อความ บอกเล่าตามท่วงเสนาะไพเราะเกิน เช่นบรรเลงเพลงสวรรค์อันเลิศหล้า พ้องภาษาเสียงผสานผ่านเขาเขิน ตราบต้องไม้ใหญ่น้อยพลอยจำเริญ ให้เพลิดเพลินเสมือนดั่งฟังดนตรี เสียงสายฝนหล่นร่วงสู่ห้วงสินธุ์ ดั่งเสียงพิณกังสดาลซ่านสุขี ซึ่งเร่งเร้าเพลาเพลงบรรเลงมี เปี่ยมเปรมปรีดิ์ด้วยสดับเพราะจับใจ แทรกสายลมผสมรับเยี่ยงขับขาน ว่าแว่วหวานผ่านสะพัดเสียงชัดใส ดั่งเมธีกวีปราชญ์เปรื่องปราดใด มาเรียงร้อยถ้อยให้ตื่นใจจำ เคยสูงลิ่วปลิวสู่หมู่พงหญ้า ยังต้นกล้าหญ้าไทรให้ชื่นฉ่ำ ทั้งกิ่งไผ่โอนเอนเช่นลำนำ เริงระบำย้ำย้ายส่ายรูปทรง เวิ้งหวีดหวิวลิ่วลู่หมู่พฤกษา กบเขียดปลาระรื่นชมสมประสงค์ บ้างแหวกว่ายกระโจนจับกับปอปรง แล้วดิ่งลงสนุกใจในคูคลอง ครั้นสิ้นสายพรายฝนบนเวหา บังเกิดแสงวิจิตราโสภาผ่อง แสงสุรีย์อุ่นวิไลให้เรืองรอง นภาผองพร่างแพรวดั่งแก้วกานต์ หลากสีแสงแต่งฟ้าโสภานัก ให้ประจักษ์อัจจิมา*มหาศาล เป็นโค้งงามล้ำสิริรัศมิมาน* ตราบเนิ่นนานชื่นชมสมอุรา
8 มิถุนายน 2551 22:22 น. - comment id 858979
เมื่อลมฝนบนฟ้ามาลิ่ว (The King's Rain) ลำน้ำน่าน ครวญขลุ่ยทิพย์โหยหอมมาอ้อมข้าว เจรียงเช้าจรดขวัญคิมหันตสมัย เพลงพิรุณปรุงฟ้ามาแต่ไกล เพราะหัตถ์ทิพย์ผู้ใดโปรยหว่านมา สายโกสุมฝนละอองกรองเรณู ราวหยั่งรู้โสมสรวงแลปวงป่า มาชักนำชโลมชื้นตื่นนิทรา ปลุกภูผาลำเนาไพรให้ยินดี อัญเชิญธาตุฝนเทวามาสถิต จักนิรมิตกาพย์แก้ววิเศษศรี บวงสรวงธาตุเมตตาบารมี สดุดีพระพิรุณเป็นบุญเมือง ระวางเมฆเวิ้งว้างระวางทิพย์ งามระยิบเกล็ดบุหงารดาเหลือง ปรุงน้ำค้างเกรียวละอองอยู่นองเนือง ยามรองเรืองสุริยาจะลาไป เชิญแมกไม้ระลอกลมห้อมห่มป่า ไหวประทับเมฆาอย่าหลับใหล ละลายเมฆเย็นจรุงไปปรุงไพร ไหวสุนทรีย์นทีทองสู่ร่องรวง ล้างน้ำตาแผ่นดินคราสิ้นหวัง คละหลั่งห้วยหนองแควคลองหลวง เนรมิตรุ้งประดับระยับยวง วิจิตรแล้วดอกดวงมวลดอกไม้ น่าเสน่หาขวัญหล้าขวัญชีวิต ได้สถิตใต้ฉัตรฟ้าค่าหลากหลาย ชุบชีพชื่นมรณาอย่าวางวาย มุ่งหมายคืนบุญคุณผืนแผ่นดิน ระลึกซึ้งพระบารมีธนาคารข้าว ทุกค่ำเช้าฝนหลั่งนิรันดร์ถวิล หวานน้ำข้าวแคว้นใดได้ดื่มกิน อาบสายสินธุ์ถิ่นไหนให้ซ่านกาย อัศจรรย์เขื่อนแก้มลิงชลสิทธิ์ วารชีวิตวิปโยคน่าใจหาย เพรงพิรุณลิ่วลับมากลับกลาย แก้แล้งร้ายอุทกภัยอนันตกาล หอมห้อมแก้วแหล่งหล้าอรัญญิกาลัย บุปผชาติเบิกไพรทิพย์สถาน เมตตาธรรมฝนฟ้ามาบันดาล หวานวิญญาญ์ผะแผ้วแล้วทุกทิศ เพิงแผ่นผาฝายแม้วเกล็ดแก้วสะท้อน ฟางฟ่อนลานเทแม่โพสพสถิต พิรุณหลวงพยับไพรไหวชีวิต ศักดิ์สิทธิ์ละอองามน้ำพระทัย แว่วขลุ่ยทิพย์โหยหอมมาอ้อมข้าว เจรียงเช้าจรดค่ำนิรันดร์สมัย เพลงพิรุณปรุงฟ้ามาแต่ไกล ไหวอัสสุชลร่วงหล่นลงบูชา ----------------------------------------------------------- วันนี้วันว่างข้าพเจ้ามองดูเมฆที่เคลื่อนคล้อยลอยเลื่อนมาไสวทิศ นำพาฝนหลวงมาตกต้องให้เกษตรกรบนภูภาคเหนือแลอีสาน ข่าวแว่วมาว่าเจ้าหน้าที่ในโครงการฝนหลวงทำงานอย่างหนัก ในห้วงเวลาแล้งวิกฤติในคิมหันตฤดูนี้และฤดูไฟป่ากำลังกระพือโหม เคยเดินตากฝนหลงฤดูในยามคิมหันต์... ในใจระลึกรู้ว่า นี่คือพระพิรุณในโครงการหลวงของพระองค์ท่าน คนไทยยังโชคดีที่ยังมีพระบารมีพระองค์ท่าน **ปราชญ์แห่งน้ำ** ประหนึ่งเทพประทานฝนให้เหล่าพสกนิกรได้หล่อเลี้ยงชีวิต ในยามหน้าแล้งก็มีฝนหลวงและโครงการชลประทานเขื่อนศักดิ์สิทธิ์ ในยามหน้าน้ำหลากก็มีโครงการแก้มลิง ทดน้ำให้พสกนิกรให้อยู่สุข บ่อยครั้งที่ข้าพเจ้าน้ำตาเอ่อในยามที่ระลึกถึงพระองค์ท่าน หากน้ำตานั้นเป็นน้ำตาแห่งความปิติและสำนึกในบุญคุณพระองค์ท่าน และบุญคุณแห่งแผ่นดินอย่างประมาณค่าบ่มิได้.... ลำน้ำน่าน บุรุษแห่งสายน้ำนิรันดร์ ๒๘ มีนาคม ๒๕๕๐ ทิพยวารีนิรมิต (Spirit of the River) ลำน้ำน่าน โรยละอองน้ำทิพย์วะวิบวาว จับเมฆขาวครืนครืนบนฝืนฟ้า เหนื่อยไหมพระพิรุณบุญเทวา เฝ้าชุบชีวาทุ่งกร้านละหานไพร ปรารถนาอะไรในโลกเล่า ทุกข์เรงเร้าทุ่งหมองคลองสมัย ผีพรายน้ำร้อนกายร่ายอาลัย เงือกคระไลปลาตายสาหร่ายสุสาน เติมมิเต็มสายธารทอดผ่านเมือง อย่าขุ่นเคืองรามสูรขว้างขวาน เมขลาหลับไหลอนันตกาล ปิดตำนานล่อแก้วแววแสงทิพย์ งามเกล็ดน้ำพรายทองยองยวงเมฆ สรวงเสกการะเวกฟ้าบินมาจิบ หยาดน้ำพราวขนสร้อยพลอยระยิบ เกาะขลิบปีกทับทิมสู่หิมพานต์ สลัดฝนโอยธาตุน้ำรุกขเทวา อ้อมฟ้าห่มดินถิ่นไพศาล ปรารถนาอโนดาตชาติตระการ เริงวิมานกินรีศรีมนุษย์ รัตนากรมหาธาราแผ่นดิน แต้มศิลป์แต่งหล้าคงคาสมุทร เสกทิพย์ขลังประพรมน้ำมนต์พุทธ วิเศษสุทธิ์ปราบอเวจีผีพราย น้ำท้นตาชาวนายากจน รดดอกผลกสิกรรมล้ำหลาย ชโลมแล้งแห้งผากจากวาย ชลชาติแหวกว่ายปิติน้ำตา สูงศักดิ์น้ำอมฤตนิมิตมนตร์ เทวาวนกวนเกษียรเวียนเวหา แก่นสุเมรุอสูรยุดสมุทรนาคา อสัญแดหวาชนะอสุรี น้ำมะพร้าวล้างหน้าอสุภซาก ฟื้นฝากธรรมเนียมเยี่ยมเมืองผี น้ำอาบศพสงบพบดุษณี ไหลรี่ธารน้ำตามหาญาติ ปรารถนาสายน้ำสนานสมัย โบกธงชัยยุคทองผองนักปราชญ์ สิ้นอโศกกำสรวลโซ่ตรวนทาส อเนจอนาจน้ำเลือดเหือดคาตา ชีวิตอิ่มธาตุมนุษย์บุตรเรืองรอง มิเคยพร่องน้ำนมแม่ไร้ริษยา เมืองน้ำเงินน้ำเน่าเปล่าราคา ขุ่นข้นกว่าน้ำมันพรายจากโลกันตร์ ปรารถนาอะไรสมัยนี้ สายวารีธารทองละอองสวรรค์ หรือสายเลือดธารโศกโลกจาบัลย์ ไหลดิ้นดั้นพรากฆ่าอารยชน ฤามิปรารถนาพระนิพพาน น้ำทิพย์อภิญญาณมรรคผล ฤาน้ำกามกิเลสจับสัปดน อุทกท้นธารากามานคร ฉันปรารถนาคงคาสวรรค์ โบกขรณีเทพธรรพ์ปัญจสิขร ธาราธรรมรองเรืองกว่าเมืองรอน ล่องเรือจรข้ามฟ้าปราการนที สู่สายน้ำนิรันดร์สวรรค์ทิพย์ เอื้อมหยิบปาริชาตดาษวิถี จุติพรหมโลกกวินสตินทรีย์ นิมิตทิพย์วารีชโลมแผ่นดินฯ ----------------------------------- พระพิรุณแห่งวสันตฤดูลาฟ้าไปไม่นานนัก พลบค่ำแล้ว หากข้าพเจ้ายังได้กลิ่นกรุ่นละอองเย็นแห่งฝน จิตวิญญาณของนักอยากจะเขียนมักจะบรรเจิดในสายฝนพรำ ท่ามกลางม่านฝนและม่านฟ้าไกลแสนไกล ทำให้ประหวัดไปในอดีต ที่ติดฝนอยู่ในกระท่อมเถียงนา เมื่อลมฝนบนฟ้ามาลิ่ว....... ในยามที่ทุ่งข้าวอาบฝน ระบัดใบพลิ้วไหวในตำบลท้องทุ่ง ชาวนาก็ยิ้มได้ นึกขอบคุณเทพพิรุณบนสวรรค์ สายฝนก่อเกิดสายธารน้ำ หล่อเลี้ยงผืนแผ่นดินและผู้คน สายน้ำในวันนี้นั้นมีความหมายนิรันดร์ เป็นตัวแทนแห่งความสงบร่มเย็น อารยธรรม ความดีงามทั้งปวง แต่อีกแง่มุมหนึ่งก็เป็นสายน้ำที่ระทมทุกข์เพราะโลกแปร จิตวิญญาณของผู้คนก็เปลี่ยนไป ดีเลวคละเคล้ากันเป็นครรลอง แล้วสายน้ำสายใดเล่าจักนำเราไปสู่ความหมายนิรันดร์แห่งฝั่งนิพพาน และนำความดีงามและความอุดมสมบูรณ์สู่ผืนแผ่นดิน? สู่สายน้ำนิรันดร์สวรรค์ทิพย์ เอื้อมหยิบปาริชาตดาษวิถี จุติพรหมโลกกวินสตินทรีย์ นิมิตทิพย์วารีชโลมแผ่นดินฯ .....(๑) แว่วตะโพนแผ่วพ้น.........เพลบุญ โพ้นวรรษาราพิกุล.....................เกี่ยวข้าว พระปรางค์วัดอรุณ.....................ระยอด ทรงแฮ บุญสยามค่ำเช้า.........................ชาติฟื้นเกษตรศานต์ฯ .....(๒) เงาเมรุเงาวัดเวิ้ง.............วิหาร พุทธะหลั่งวิญญาณ......................หยาดไว้ ชะรอยพุทธเพรงกาล..................มาล่ม ลงนา ธารพระธรรมผากไร้...................ร่อยร้างวิญญูขวัญฯ .....(๓) ปรารถนาภาพลึกล้ำ..........ละเลงบุญ เกร็ดทิพย์ลิบละมุน......................ม่านน้ำ อารยธรรมค้ำจุน.........................จวบค่ำ เจ้าพระยาพาล่องข้าม...................ขอบฟ้ามหานทีฯ .....(๔) ทอดสะพานล่องข้าม..........แขนงชล ระยับหมอกดอกอุบล....................เบ่งใต้ บัวเรียมระเมียรยล......................หยั่งย่าน น้ำแล บัวสี่เหล่าเนาไซร้.........................สร่างสิ้นธรรมสรรค์ฯ .....(๕) พรายน้ำวาววับน้ำ.............นองพระยา เงาโบสถ์คร่ำลำนาวา.....................ลิ่วลื้น ไหลลอยล่องชีวิตมา........................มาดมุ่ง เมืองแล ครืนคลื่นวายไร้ฟื้น........................ฝากน้ำซากสลายฯ
8 มิถุนายน 2551 22:26 น. - comment id 858982
คงรอกาลนานวันแล้วขวัญแก้ว จนลมแผ่วลูบดินแล้วรินฝน ประสานรอยร้าวแคบอย่างแยบยล หัวอกคนหม่นขื่นก็ชื่นใจ งดงามมากมายค่ะ จนลมแผ่วจูบดินแล้วรินฝน..ด้วยรักค่ะ
9 มิถุนายน 2551 02:56 น. - comment id 859008
สวัสดีครับพี่ฤทธิ์ เพราะครับ ขอบคุณสำหรับคำแนะนำนะครับ ดาวระดาขอรับไปปรับตัวครับ สบายดีนะครับ ดูบอลด้วยกันป่าวเยอรมัน-โปแลนด์
9 มิถุนายน 2551 07:04 น. - comment id 859068
สวัสดีค่ะ คุณฤทธิ์ อ่านนอนครึ้มฟ้าครึ้มฝนค่ะ ทางนี้ตกทุกวัน สบายดีนะค่ะ
9 มิถุนายน 2551 07:13 น. - comment id 859071
อ่านแล้วนึกถึงฟ้าหลังฝนยามสดใสเลยนะคะ ปล.ใครว่าสาระน้อยคะ...เป็นกลอนชมธรรมชาติและวิถีชีวิตชาวนาที่ลงตัวเลยค่ะ สบายดีนะคะ
9 มิถุนายน 2551 07:20 น. - comment id 859073
เอารูปฝนมาฝากนะคะ...
9 มิถุนายน 2551 09:01 น. - comment id 859151
อ่านแล้วซาบซึ้งบรรยากาศดีจัง คุณฤทธิ์ คงมีความลึกซึ้ง กับบรรรยากาศอย่างนี้ ดีใช่ไหมครับ ถึงได้รายละเอียด ขนาดนี้ สบายดีน่ะครับ ขอให้มีความสุขครับ
9 มิถุนายน 2551 18:59 น. - comment id 859490
ฮัลเช้ยๆๆๆๆๆๆๆว้าๆๆเปงหวัดอีกแระ ไปตากฝนมาอะคะ ตกทุกวันเลย อิอิ พี่ริดสบายดีนะคะ กลอนพี่ชายคุณภาพอยู่แระ..ดูแลสุขภาพด้วยคะ
9 มิถุนายน 2551 19:24 น. - comment id 859517
นายธนา ขอบคุณครับที่แวะมาทักทายกัน ขอให้มีความสุขมากๆครับ ฉางน้อย ไม่ได้ไปไหนไกลหรอก อยู่ใกล้ๆฉางน้อยนี่แหละ แวะไปดูเว็ปของทะเลไร้คลื่นบ้างบางครั้ง ขอให้มีความสุขมากๆนะน้อง คุณอิม ขอบคุณสำหรับบทกลอนอันละเมียดละไมครับ เป็นความงามเสมอสำหรับสายฝน ตราบที่เรายังเป็นคนอยู่บนโลกนี้ครับ ขอให้มีความสุขมากๆครับ คุณพุด ขอบคุณสหรับบทกวีทีแสนงดงาม ฝากความคิดถึงถึงลำน้ำน่านด้วยครับ ขอให้มีความสุขในการรังสรรค์บทกวีต่อไปครับ น้องนก ขอบคุณที่แวะมาเยี่ยมครับ ตั้งแต่ติดเกาะมาสิบเดือน ไม่ค่อยได้รับรู้ข่าวสารเท่าไหร่หรอกครับ รู้แต่ว่าน้ำมันแพงมาก เพราะฉะนั้นเรื่องบอล ลืมได้เลยครับ ขอให้มีความสุขในการเขียนกลอนครับ คุณรัน สบายดีครับ คุณรันล่ะ เป็นไงมั่ง ขอให้สุขภาพแข็งแรงครับ ฝน ขอบคุณมากๆสำหรับรูปภาพ เก็บไว้แล้วครับ อยากได้รูปใหญ่ ฝนมีไหม จะเอาไปทำ back ground คอมซะหน่อย รูปเล็กขยายแล้วไม่สวย ขอให้มีความสุขมากๆ สวยวันสวยคืนครับ คุณสืบ ที่จริงกลอนชุดนี้เขียนแป็บเดียวเอง ได้ฟังเพลงทานตะวัน แล้วอารมณ์มันฟุ้งซ่าน วิธีแก้ก็คือ เอาอารมณ์ระบายออกมาทางคีย์บอร์ด นี่แหละครับ ขอให้มีความสุขมากๆครับ พิมจัง เวลาฮัดเช้ยน่ะ ปิดปากหน่อยไอ้หนู ดูซิขี้มูกเต็มหน้าเลย เอากระโหลกมาเขกซักสองที
9 มิถุนายน 2551 19:31 น. - comment id 859528
คุณฤทธิ์จินตนาการได้สวยงาม.. เหมาะกับช่วงนี้..ฝนตก..พรำๆทุกวัน.. ที่บรรยายมานั้น..ได้เห็นช่วงนี้ถนัดตาครับ..
9 มิถุนายน 2551 19:41 น. - comment id 859540
ไพเราะมากมายเลยค่ะ
9 มิถุนายน 2551 20:51 น. - comment id 859590
หัวใจเริ่มโตเต็มวัยหรือเปล่าค่ะ อิอิ (แซวค่ะแซว) แวะมาชื่นชมในผลงานนะค่ะ
9 มิถุนายน 2551 21:59 น. - comment id 859610
อ่านแล้วรู้สึกดีจังครับ เหมือนความหวังที่แล้งแห้งอยู่นาน เบิกบานปานพืชพรรณที่ตื่นเติบโตมารับฝน
9 มิถุนายน 2551 22:03 น. - comment id 859613
เชียร์สเปนเหอะน่า .. กว่าครึ่งทีมเป็นชาวหงส์แดงทั้งนั้น ..
9 มิถุนายน 2551 23:35 น. - comment id 859652
ฝนตก ต้นไม้ใบหญ้าดูสดชื่นจัง ....... แต่สำหรับคน... ฝนตกก้อแค่ล้างคราบน้ำตา ร้องไห้เวลาฝนมา ไม่รู้อันไหนน้ำตา อันไหนน้ำฝน เอาความเศร้าส่วนตัวมาแบ่งให้ค่ะ
10 มิถุนายน 2551 02:56 น. - comment id 859678
11 มิถุนายน 2551 16:40 น. - comment id 860428
ไม่เห็นไร้สาระสักกะหน่อย.. :)
13 มิถุนายน 2551 15:32 น. - comment id 861486
รูปใหญ่ๆเหรอคะ...อืม... ขอมาจัดห้ายย แบบหวานนะคะ ความจริงไปที่เว็บนี้ได้เลยค่ะ v v http://www.dek-d.com/board/view.php?id=984650 มีรูปฝนเยอะเลยค่ะ...ฝนก็เซฟกระจายเลยเหมือนกัน...
14 มิถุนายน 2551 11:34 น. - comment id 861854
แอบตามมาดูห่างๆ