อุทิศแด่นักอนุรักษ์ป่าผู้วายชนม์ อุทยานแห่งชาติคลองวังเจ้า หลงรังรักษ์รุกขชาติมโนรมย์ กราบอาศรมเทวาอรัญวาสี ทั้งดอกดินบูชาประดามี ธรณีเทพทองครองพนา บูชิตเจ้าเพิงผามาม่อนเขา วิญญาณเฝ้าน้อยใหญ่ใจผวา ภูตเปรตปลักโป่งไพรไหวธารา วอนวิญญาณ์มาสดับรับบนบาน คือแก่นแก้วลำนำอันสุดโศก วิปโยครุมเร้าหนาวสังขาร วเนจรนอนป่าชัฏช้านาน จะนิพพานอายตนะจะรินริน แสนอาลัยพฤกษาผกามาศ มาบำราศแตกกายสลายสิ้น อนิจจาค่าคบหักซบดิน ไร้ยลยินย่ามเสียงจำเรียงนก ดูรา..พรมไพรไร้เขียวปลาบ เคยซึ้งซาบสนานตาผ้าห่มปก เหลือแต่ซากค้างคอยรอยร้างรก หนาวหัวอกแพรไพรไม่ห่มคลุม แม้นจะฟังจำเรียงสียงสนั่น จั๊กจั่นกลายสนุกเป็นทุกข์สุม เพียงกองฟอนขอนไฟในสุมทุม แทนพวงพุ่มเครือวัลย์ครั่นสายตา มิเห็นเอื้องอวดดอกอาบหมอกม่าน ไปซมซานราญไหม้ไกลนาสา กลายกลีบกลิ่นเคยสนิทกล่อมนิทรา อนิจจาครรไลไปก่อนกาล พิศภาพพร่าพระไทรมิไหวติง ระย้าหิ้งม่านไหม้ไร้เพลงขาน เป็นม่านเมรุบังเพลิงเพราะเพลิงพาล เกษมศานต์เล่ายับลงกับไฟ ร้องส่ำสัตว์สาหัสแผลสากรรจ์ หนีอาสัญหนาววิญญาญ์จะหาไหน สุดแต่โสตอัศจรรย์ได้ฟังไป จับหัวใจเวทนา ณ ป่าชัฏ สิ้นเสียงเพรียกสำเนียงเสียงเรียกหา โกกิลาไก่แก้วเนินแนวสงัด สุดไหวหวั่นดวงแดมาแพ้พลัด อัตคัดสุนทรีย์ชุบชี้ทาง พณาสัณฑ์ทิวไพรผู้ใดกู้ รู้เห็นอยู่สูงค่ากว่าสัตว์สาง ฤาคอยโชควินาศขาดท่ามกลาง แล้วอ้างว้างขาดขันธ์เมื่อบั้นปลาย ขอพระคุณไพรวันแต่เพรงกาล ได้สืบสานชีพนี้มีความหมาย อุดมการณ์สืบสร้างมิสร่างวาย เกิดแล้วตายตากร่างอยู่อย่างนั้น เพื่อรุกขชาติงอกงามมโนรมย์ มิดอาจมถ่านเถ้าหนาวอาถรรพ์ ซับน้ำตาสรรพสัตว์นับอนันต์ ครั้นแปรกาลอสุภะจะกลับกลาย! ------------------------------ ท่ามกลางกระแสอนุรักษ์ป่าไม้ ตื่นตัวสุดขีดในยามนี้ แต่อุทยานแห่งชาติดอยเวียงผานั้น กลับย่อยยับด้วยไฟป่าฝีมือมนุษย์ มิรวมถึงผลกระทบลานินยา ที่พื้นที่ป่าหลายล้านไร่ต้องสูญเสีย ข่าวการจบชีวิตของนักอนุรักษ์ป่า แห่งอุทยานแห่งชาติแห่งคลองวังเจ้า นำความโศกเศร้าอบอวล มากับสายฝนหลงฤดูในยามนี้ บางลำเนาแห้งแล้งแสนสาหัส บางป่าชัฏสายฝนโปรยแปลกวิถี แสนคิดถึงเสียงสนภูเขาต้องลม ณ ดอยเวียงผา และธารป่าพนมดงรัก เสียงนกร้องประโคมก้องหุบเขาใหญ่ ณ เขาสมอปูนนั้นยังประหวัด แหละกลีบพัดกล้วยไม้นานาพันธุ์ ณ เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าภูหลวง ภาพดาวเดือนที่เคลื่อนคล้อย ยามที่ได้นอนอาบจันทร์ ณ ใจกลางทุ่งใหญ่นเรศวร วิมานวนาป่าตะวันตก สหายนิรนามนักเดินป่าท่านหนึ่ง เขียนบทกวีของเขา งดงามอย่างจับจิตว่า ท่องเที่ยวทุ่งทิวไทยทั่วทุกทิศ พงไพรพิศพนาพันธุ์พิงภูผา เราแรมรอนร่อนเร่ฤาโรยรา ปีนป่ายป่าแปรไปเปื้อนเปียกปอน ดั้นด้นเดินดงดอยได้ดูดอก เอื้องอั้วออกอบอวลอิงอ่อนอ้อน คล้ายคอยคบใครคู่คาเคียงคอน เว้าวิงวอนว่าวิเวกวังเวงวัลย์ (แม๊กไกเวอร์) เว้นเสียแต่ผู้มีใจอ่อนโยน เห็นค่าทรัพยากรธรรมชาติเท่านั้น ที่จะซาบซึ้งความเป็นไปแห่งป่าไม้ดินน้ำลมไฟ และเร่งอนุรักษ์ให้เป็นมรดกลูกหลานสืบไปภาคหน้า หาใช่ทำลายและผ่องถ่ายเสพผลประโยชน์ กับสิ่งที่ตัวเองมิได้สร้างอย่างไม่น่าให้อภัย หากไม่เคยออกไปค้นหาความหมายธรรมชาติ แล้วเราจะเห็นคุณค่าของธรรมชาติได้อย่างไรกัน ลำน้ำน่าน บุรุษแห่งสายน้ำนิรันดร์ ๒๖ เมษายน ๒๕๕๑ ปีชวด
27 เมษายน 2551 15:44 น. - comment id 843711
ขอชื่นชมค่ะ ทั้งเรื่องราวและบทกลอน
27 เมษายน 2551 16:24 น. - comment id 843721
สวัสดีค่ะ พี่ลำน้ำน่าน ป่าแดนดินถิ่นไทยไพรพนา ดอกเอื้องป่าชูช่อลออไสว พื้นภูผาคราคร่ำพงพันธิ์ไม้ กับมลายศูนย์สิ้นฤทธิ์มือใคร ในดินแดนแถบเหนือเหยือจรจัด มารุกลักริดรอนในป่าใหญ่ ผลาญวนาไซ้ซอนทั่วแผ่นไกล ให้พงไพรพินาศบำราศลาย วอนเทวาอารักษ์ปกปัดป้อง โปรดคุ้มครองพฤกษาอย่าสลาย ผู้อุทิศอนุรักษ์ปกปักไพร กำจัดไล่พวกพาลวังวนา ทั้งทวยเทพอาศรมข่มให้สิ้น ทั้งถวิลวิญญาณของหิงสา มาขับขืนกรีดกั้นคนไร้ค่า บังอาจมารุกล้ำย่ำวนาลี ดอกบัวขออนุญาตนะค่ะ พี่สายน้ำ ดอกบัวอ่านแล้วชอบก็เลยระบายความรู้สึกค่ะ ให้มีความสุขนะค่ะ รูปนี้ทางแถบเหนือตรงกลางไม่มีต้นไม้แล้วค่ะ
27 เมษายน 2551 17:33 น. - comment id 843730
กลอนไพเราะ และให้ข้อคิดมากค่ะ สำหรับป่าในปัจจุบันที่นายทุนทั้งหลาย พากันตัดไม้ทำลายป่าอย่างบานตะไท กว่าจะปลูกป่าใหม่ได้ต้องใช้เวลาเนิ่นนาน มาก แต่เวลาตัด โค่น กลับใช้เวลาเพียง พริบตาเดียว พร้อมกับทำลายสัตว์ป่า สิ่งที่เสียหายตามมาอีกมาก เราต้องช่วย กันสร้างจิตสำนึกค่ะ
27 เมษายน 2551 18:25 น. - comment id 843737
รากเล็กๆ จากเมืองกรุง มาซึมซับความชุ่มชื้น ร่มเงาบังใบ จากป่าใหญ่ค่ะ
27 เมษายน 2551 20:02 น. - comment id 843756
เพราะครับ..และเห็นด้วยว่าป่าถูกยัด เยียดย่ำยีด้วยมือคน...คนที่มากด้วยกิเลศโลภ..และผลกรรมนั้นกำลังย้อนกลับ..กลับมาสู่ "สังคมไม่ใช่"ให้ต้องรับกรรมพร้อมเพรียงกัน
27 เมษายน 2551 20:16 น. - comment id 843758
ให้ความหมายที่งดงามจริงๆ...แต่ก็เจ็บปวดในความรู้สึก...ตัวการทำลายป่ามนุษย์เรานี่แหละ...
27 เมษายน 2551 23:51 น. - comment id 843814
ความงดงาม ไพเราะสร้างอารมณ์สุนทรีย์นักแต่กลับถูกกลบต้วยความหดหู่หัวใจ เราน่าจะยกเลิกกรมป่าไม้เสีย อาจจะมีป่าเหลืออยู่บ้าง พนักงานป่าไม้เล็ก ๆทางภาคเหนือ ทำงานไม่กี่ปี ซึ้อรถเบนซ์ให้พ่อเขาขับได้แล้ว อิอิ ลำน้ำน่าน คงมีภาระกิจมากจึงหายไปนาน นึกว่าไปติดเกาะ กลับไปบุกป่าฝ่าดงคิดถึงนัก
28 เมษายน 2551 09:56 น. - comment id 843975
เข้ามาสูดได้รับรู้หอมถึงไอดินกลิ่นป่าที่มีอยู่ในสายเลือด ไม่ได้เจอนาน คงยังสบายดีเหมือนเดิม แวะมารายงานตัวให้ทราบว่ายังไม่ตายครับ
28 เมษายน 2551 12:49 น. - comment id 844032
รออ่าน..ผลงานนานมากเลยครับ..มาแล้ว ไม่ทำให้ผิดหวัง..ขอบคุณครับ..อยากให้มี นักกลอนคุณภาพแบบนี้อีกหลายท่าน..
28 เมษายน 2551 17:10 น. - comment id 844141
ฟ้าสาง นอนอ้างว้างฟังเสียงฝนรินเม็ด ด้วยใจดวงสงบงาม ได้ยินเสียงกบเขียดร้องมาในมโนนึก เหนื่อยนักจึ่งนอนนิ่ง ฟังเสียงเพลงลูกทุ่ง ความหมายสุดแสนพริ้งพราว ประมาณว่า... *หยาดฝนในดวงใจเริ่มหาย พร้อมรอยฝันเริ่มประปรายที่ดวงตา* ฟังข่าววิทยุสลับ เพราะ อีกไม่นานช้าหวังจะจัดรายการวิทยุ แล้วก็แสนโศกสะเทือนใจไปกับข่าว ที่ว่า.. ป่าฝนที่ประเทศบราซิล อันเป็นตัวบ่งชี้ดัชนีวิกฤตความร้อนโลก 18ล้านไร่ ประมาณเท่ากับ2ใน3ของผืนป่าประเทศเรา ได้ถูกมวลมนุษย์ผู้รู้เท่าไม่ถึงการณ์ หักร้างถางพงพร่าผลาญทำลาย เพื่อ ปลูกพืชทดแทนพลังงานน้ำมัน หวังจะเป็นประเทศโอเปค ทางด้านไบโอดีเซล โดยมิได้ตระหนักว่า ป่าคือ พื้นที่ช่วยดูดซับ ก๊าวคาร์บอนด์ไดออกไซด์ เอาไว้มิให้เกิดภาวะเรือนกระจก เราหวังผลอีกทาง หากทว่าไม่รอบคอบ และ ในที่สุดโลกก็บอบช้ำ หมดสิ้นทางออก หาก.. มวลมนุษยชาติยังบริโภคทรัพยากร อย่างเมามัน มิได้หันมาเอาจริงเอาจัง ในการช่วยกันอนุรักษ์ ทุกพลเมืองเกษตรกรรมหลายประเทศ หันไปปลูกพืชพลังงานไบโอดีเซล แทนปลูกข้าว... แล้วถามว่า.. เราจะหนาวเหน็บแค่ไหนหากไม่มีข้าวกิน หรือข้าวแพง จนต้องแย่งกัน นี่คือ บางสิ่งที่พุดพัดชา เด้งดึ๋งลุกขึ้นมารจนา หากทว่า.. น่าเศร้าเสียยิ่งนัก ที่ผลงานแสนรักษ์โลก แสนธรรมดากลับหายวับไปเพราะ ลืมเซบไว้ บทกวีของกวีลำน้ำน่าน ผู้มากพรสวรรค์ หาก.. มินานพลัน.. เชื่อเถิดว่า ฟ้าดินจะเสกให้กลายเป็น กวีสมองกลวง เพราะไม่ยอมใช้พรสวรรค์นั้น สร้างสรรผลงาน อันแสนบรรเจิดฝากไว้ในผืนหล้าก่อนลาไกล จะอ้างอะไรกันเล่า นอกจากกล่าวคำว่าน่าเสียดายนะ จากผู้ที่ เคยรักศรัทธา..
28 เมษายน 2551 19:33 น. - comment id 844219
ทุกอย่างชัดในบทกลอนและภาพ ความรู้สึกเก่งจังเลยคะ
28 เมษายน 2551 22:31 น. - comment id 844315
28 เมษายน 2551 22:35 น. - comment id 844319
แวะมาเยี่ยมสหายเก่าครับ สบายดีหรือครับ ผมเองสุขภาพแย่ เอาเสียเลยครับอากาศแปรปรวน แก้วประเสริฐ.
29 เมษายน 2551 10:29 น. - comment id 844483
:) แล้วขลังอย่างบอกไม่ถูกทีเดียว.. ชื่นชมและศรัทธา
29 เมษายน 2551 16:12 น. - comment id 844580
lสวัสดีค่ะ คุณลำน้ำน่าน แวะมาขอบคุณสำหรับบทกวีงามๆ ที่ช่วยแจมให้ในกลอน ไม่มีอันดับ ค่ะ ปลื้มจริงๆ มีคนคุณภาพแวะเยี่ยมแล้วดีใจ ค่ะ ขอบคุณมากค่ะ
14 พฤษภาคม 2551 11:39 น. - comment id 849723
วนาลัย ... ใกล้ ..วิปลาส จิรงหรือ??? อยู่ที่จิตวิญญาน ของพวก เรา ... รู้รักษ์ อย่างจริงๆจัง กันหรือยัง บทกลอน อ่านแล้วยังตรึงใจดังเดิม ... ขอคารวะ จากใจ
27 สิงหาคม 2551 23:53 น. - comment id 890355
ขอบคุณทุกท่านที่เข้ามาให้กำลังใจครับ ขอบคุณมิตรเก่าๆ และมิตรใหม่ๆ ในการติดตามอ่านผลงานเสมอมาครับ
5 ตุลาคม 2551 13:08 น. - comment id 902522
ขอบคุณนะคะที่ แต่งบทกลอนดีๆมาให้ได้อ่านและศึกษา ขอให้สุขภาพแข็งแรงนะคะ