ลานวารี
ฟ้าฟื้า ธรรมชาติ
หอมห้วงขณะมหรรณพ
มหรสพขับขานการปลดปล่อย
นาฎยลีลาศรัทธาทยอย
แสง-เงาเรี่ยลอยทักทายธาร
นิ่ง-ไหวต่อหน้ามนุษยชาติ
ต่างเรื่องดารดาษลงพาดผ่าน
โลมไล้วารินจินตนาการ
โลมลานฤดีกวีนิพนธ์
สรรพสิ่งงาม-เหงาบนเงาน้ำ
ควบแน่นนำแดดร่มรับลมฝน
สะท้อนภาพเคลื่อนไหวในวังวน
สะเทือนตนวัฏฏะอนัตตา
ภพชาติวาสนาพาดำเนิน
ดิ่ง-เดินบนลานละหานท่า
เพียงเท้ากระทบคลื่นผืนธารา
ทั่วทั้งกายากลับร่วงจม
สังเกตแห้ง-เปียกเพรียกสะท้าน
สอดผสานสาครก่อนผสม
พอธารกระเพื่อมเผยเหลื่อมปม
ชุ่มเย็นนิยมมาหยอกเอิน
สังเกตทรงจำน้ำกระจาย
เราเห็นลวดลายในผิวเผิน
ก่อนเอื้อมเกี่ยวข้องกลับต้องเผชิญ
ดังหยดน้ำย่ำเดินอยู่ได้ยิน
รู้สึก นึก คิด จิตจดจ้อง
เกี่ยวข้องบนแดกระแสสินธุ์
เพียงอารมณ์กลมกลืนผืนธาริน
ทั่วทั้งกาย-จินต์กลับไม่จม
มโนไหนตบหน้าอายตนะ
แปรจังหวะทะเลาะเป็นเพาะบ่ม
เปลี่ยนปะทะอัตลักษณ์พักอารมณ์
ปล่อยระทมสักเพลาท่องวารี
เพราะชีวิตวันวันผูกพันน้ำ
เย็นฉ่ำชักชอบปลอบโลกสี
ตอบสนองสู่บ้านลานชีวี
ปวงนทีชายขอบคงชอบใจ
หากห้วงนานามหรรณพ
รู้สึกกระทบความสดใส
จินตนาการหว่านโปรยโรยลงไป
โปรดสดับรับไว้วลีวาง
แล้วชวนเธอเยี่ยมบ้านลานวารี
ชมลานฤดีประชาชีดูบ้าง
คืนเงียบงันธารเหงาหมอกเทาจาง
คงพบจันทร์กระจ่างข้างหัวใจ
ศิลปศาสตร์ทางถ้อยคำทำให้รู้จักกวีนิพนธ์ - กวีนิพนธ์ทำให้รู้จักโลกใหม่ที่บอดใบ้ในสามัญสำนึก