เพราะว่าข้าคือคนชนบท ที่สะกดความสบายไม่ค่อยคล่อง จากไอดินจากคราบสาบน้ำคลอง จากหญ้าแห้งสีทองที่เปราะบาง เพราะว่าข้าถูกทิ้งให้โดดเดี่ยว.....ตั้งแต่เด็ก เพื่อนคือเหงาตั้งแต่เล็กไม่เคยห่าง เป็นเพื่อนซี้แสนเพลินร่วมเดินทาง ในความว่างอยู่ระหว่างม่านเวลา ผืนดินเปรียบเสมือนเพื่อนคู่คิด ฟ้าวิจริตเพื่อนเล่นที่เข้าขา ลมอุ่นๆเพื่อนนอนตอนหลับตา ธรรมชาติและท้องนาเสมือนครู ตอนนี้ข้าเดินทางสู่เมืองใหญ่ เมืองแสงสีศิวิไลซ์เหมือนน่าอยู่ เมืองไม่ยอมหลับนอนเมื่อเบิ่งดู เมืองนี้เมืองผู้ไร้การุน ทำไมหนอฟ้าเมืองนี้มีหลายาสี ดินเมืองนี้แข็งกระด้างมากด้วยฝุ่น ลมเมืองนี้เฉียบหนาวและอาดูร ถิ่นนี้วุ่นวายพล่านด้วยม่านควัน.....ที่คนมอง คนเมืองนี้ไม่ใช่คนชนบท เพราะสะกดความสบายได้แคล่วคล่อง เพื่อนของคนเมืองนี้ช่างเรืองรอง เป็นสิ่งของทุกอย่างต่างจากเรา เมืองภายนอกแห้งยากและยากไร้ เมืองภายในผุกกร่อนร้อนแล้งหนาว เมืองหวังดีหนีไปไร้ข่าวคราว ทิ้งเพียงข่าวเมืองขัดแย้งทิ่มแทงกัน ข้าขอเป็นเพียงคนชนบท ที่สะกดได้คล่องคือขยัน ไม่อยากเป็นคนเมืองรุ่งเรืองนั้น เพราะยังหวั่นในความโศกโลกคนเมือง
24 มีนาคม 2551 18:55 น. - comment id 834495
ข้าขอเป็นเพียงคนชนบท ที่ปรากฎความสดใสใจหรรษา อยู่กับพ่อกับแม่แก่ชรา แม้นไม่มีเงินตราไม่เป็นไร ยินดีที่ได้รู้จักคนชนบทเหมือนกัน
25 มีนาคม 2551 22:47 น. - comment id 834806
ข้า ก็ชนบทเหมือนกัน แต่งได้กินใจดี
26 มีนาคม 2551 14:28 น. - comment id 834985
ยังอ่านนามปากกาไม่ออกเเหมือนเดิม แต่กลอนเยี่ยมครับ