จะกล่าวนามนครหนึ่งซึ่งงามหรู แหล่งที่อยู่แห่งคนชนชายหญิง เป็นนครย้อนย้ำนำความจริง วิจิตรยิ่งนามหมาย กายนคร รวมพื้นที่ยาววาหนาแค่คืบ แต่ว่าสืบเรื่องราวพราวสลอน อีกโลกหนึ่งซึ่งหลากมากบทตอน ผ่านสะท้อนนครกายหลายอารมณ์ การปกครองเมืองนี้เท่าที่เห็น นั่นแบ่งเป็นภาคส่วนล้วนเหมาะสม คือดินน้ำลมไฟใฝ่นิยม จตุสดมภ์จัดสรรปันปกครอง ทั้งสี่กรมทำงานประสานร่วม เป็นหนึ่งรวมไม่แตกไม่แยกผอง ดุจเครื่องจักรที่เห็นเป็นทำนอง ประสานคล้องร่วมรักสามัคคี อันกรมดินดูแลแผ่ระบบ ไปจนจบเนื้อหนังทั้งอัฐี ผมขนเล็บตับไตไส้พุงมี กรมดินชี้ดูแลแผ่เจือจาน ส่วนกรมน้ำจัดสรรน้ำในนคร คือเลือดย้อนลำเลียงเลี้ยงสังขาร รวมแหล่งน้ำทั้งหลายเป็นสายธาร แล้วไหลผ่านกายนครสะท้อนมา ส่วนน้ำเสียทั้งหลายระบายผ่าน โดยทวารทั้งเก้าเหล่าสาขา คือช่องเล็กช่องใหญ่ในกายา เป็นมรรคาระบายถ่ายออกไป อีกหนึ่งกรมลมสั่งบังคับการ ให้พัดผ่านดินน้ำตามเคลื่อนไหว คือกองลมในกายลมหายใจ สืบสายใยยืนยงให้คงทน หากลมหยุดหล่อเลี้ยงแม้เพียงครู่ นครหรูวุ่นวายหมายสับสน อาจต้องเสียชีวิตปลิดผู้คน ค่ามากล้นลมปราณผ่านนคร อีกหนึ่งกรมสำคัญนั้นคือไฟ ดูแลให้อบอุ่นกรุ่นไอร้อน อุณหภูมิในกายหมายอาทร ไม่ยอกย้อนดูแลเผื่อแผ่มา หากไฟหมดกำหนดหมดทุกสิ่ง กายหยุดนิ่งดุจขอนนอนแผ่หรา ทั้งนครอ้างว้างร้างโรยรา ทั้งพาราเน่าสลายทำลายตน กายนครอำเภอหนึ่งซึ่งเป็นใหญ่ อำเภอใจเด็ดขาดอำนาจล้น เผด็จการปกครองผองผู้คน ให้สุขล้นอย่างไรใจสั่งมา สั่งให้ทุกข์โศกเศร้าหรือเร่าร้อน ทุกขั้นตอนล้วนใจเป็นใหญ่หนา ใจเป็นนายกายเป็นบ่าวทุกคราวครา เป็นราชาแห่งนครให้ย้อนดู กายนครที่เห็นเป็นสมมุติ กายมนุษย์นิยามว่างามหรู เพราะดินน้ำลมไฟหมายเชิดชู เกาะกลุ่มอยู่เหนียวแน่นเป็นแกนกลาง เมื่อดินน้ำลมไฟในกายแตก มันก็แยกกันไปไร้ใครขวาง กายนครถึงคราลาอับปาง เป็นเมืองร้างเรียงรายไร้คนแล....
1 มีนาคม 2551 17:11 น. - comment id 828395
เพราะมากครับ ฝากความหมายไว้ดีครับ
1 มีนาคม 2551 17:37 น. - comment id 828398
นครกาย ของเรา มีสองส่วน แบ่งกันล้วน ขาดสิ้น ไม่ขาดหาย แยกกันบ้าง บางคราว กับร่างกาย แยกหัวท้าย ยามค่ำ ร่ำหากิน
1 มีนาคม 2551 17:53 น. - comment id 828400
ธาตุดินน้ำลมไฟเอาให้หมด ใจจ่อจรดกายใดชักสงสัย อ่านแล้วชักมึนกึ๋นขึ้นภายใน เอ๊ะอะไรกายแยกแบ่งออกมา มีไม่ครบก็พิการสิเจ้าคะ ตัวตนจะเอาไว้ที่ไหนหนา หรือคืนดินคืนลมจมพสุธา แต่ก่อนลาขอเมาเอาสักคืน.. หุหุ..เม้นท์แบบไม่เกี่ยว..เด่วมาใหม่เจ้าค่ะ..
1 มีนาคม 2551 18:39 น. - comment id 828430
แวะมาบอกว่า สวัสดีค่ะ ... แห่ะ แห่ะ อยากแต่งกลอน คอมเม้นท์เหมือนกันค่ะ แต่หัวหมองไม่แล่นง่ะ เอมให้เป็นการชดเชยนะเจ้าคะ
1 มีนาคม 2551 18:56 น. - comment id 828435
นมัสการ ขอรับหลวงพี่ เป็นกลอนข้อคิด เยี่ยมเลย ขอรับ ช่วงนี้ สบายดีนะครับ หลวงพี่
1 มีนาคม 2551 19:09 น. - comment id 828439
นมัสการค่ะ รู้สึกห่างๆไปนะคะช่วงนี้ แต่เยี่ยมค่ะ
1 มีนาคม 2551 19:42 น. - comment id 828447
ตอบ samandre.... ขอบยินดีเป็นยิ่งนักที่แวะเข้ามาอ่าน..
1 มีนาคม 2551 19:50 น. - comment id 828450
ตอบคุณ มณีจันทร์..... ใจเป็นนายกายเป็นบ่าวทุกเช้าค่ำ ใจร้องร่ำสั่งกายหมายสนอง กายจึงทำตามใจในทำนอง กายจึงรองรับใจให้สั่งมา...
1 มีนาคม 2551 19:58 น. - comment id 828455
ตอบคุณยา... อันดินน้ำลมไฟในกายนี้ คือของดีให้เราได้ศึกษา หนาแค่คืบสืบสาวยาวแค่วา แต่ทว่าอัศจรรย์นั้นเกินใคร เพราะดินน้ำลมไฟมารวมตัว สุขทุกข์กลั้วเกลือกกลิ้งทุกสิ่งให้ จะดับทุกข์ก็จงดับที่ภายใน ธาตุสี่ไซร้เป็นอุปกรณ์ให้ย้อนดู...
1 มีนาคม 2551 20:01 น. - comment id 828456
ตอบคุณ ทะเลใจ.... ขอบคุณจ้า..อิอิ แสดงว่าหมองยังไม่ไหล กุหลาบจะเอาไปใส่แจกันเดี่ยวนี้
1 มีนาคม 2551 20:03 น. - comment id 828457
จ้า คุณปางสีฝุ่น.... ไม่ได้เจอกันนาน สบายดีอยู่จ้า
1 มีนาคม 2551 20:06 น. - comment id 828459
โยมพี่เจี๊ยบ.... ขอบคุณเป็นอย่างมาก สฏ.ฝนตก เมื่อวานไปภูเก็ต ฝนก็ตกตลอดทาง
1 มีนาคม 2551 20:46 น. - comment id 828470
อ่านแล้ว เหมือนเมืองบาดาลในนิทาน ก่อนนอนเลยค่ะ หลวงพี่
1 มีนาคม 2551 21:01 น. - comment id 828475
นมัสการค่ะหลวงพี่ กลอนเพราะจังนะคะ หลังจากที่หายปายหลายวัน
1 มีนาคม 2551 21:18 น. - comment id 828481
ถ้อยแถลงแต่งกลอนอักษรสาร สมมุติฐานชีวิตคือเบญจขันธ์ ร่างกายคนเป็นเมืองมีประมาณ มาตรฐานกว้างศอกยาวหนึ่งวา นมัสการรัตนังสิ้นทั้งสาม โดยมีความเลื่อมใสเป็นหนักหนา ในคำกลอนย้อนกายในนาวา สิ่งถูกต้องแล้วหนานครกาย ซึ่งแต่งเป็นเวียงวังเมืองสังขาร เรื่องโบราณร่ำชี้คดีขยาย เปรี่ยบในร่างเราทุกสิ่งทั้งหญิงชาย เป็นนิยายให้คิดอนิจจัง มีสดับชวนเพลินเจริญจิต ส่องให้พิศปรับปรุงเพราะมุ่งหวัง คิดให้ลึกในเรื่องอย่างจีรัง ความมุ่งหวังตรึกตรองในครองธรรม สวัสดีค่ะ คุณ บนข. ขอบคุณที่นำมาให้อ่านค่ะ
1 มีนาคม 2551 21:25 น. - comment id 828483
ธรรมะล้ำลึกมากคับ
1 มีนาคม 2551 23:02 น. - comment id 828515
นมัสการค่ะท่านอ่านกลอนแล้วมองตนคนเจ้าเมือง ได้รู้เรื่องบริหารการกายหนอ ขอขอบคุณหนุนวิธีชี้ทางรอ ขอสานต่อล้อพบสบกายใน มองกายแน่แท้จริงเพียงเท่านี้ หาได้มีเกินใครให้หวั่นไหว ใยคนแก่งแย่งสิ่งวิ่งวุ่นไว เพราะอย่างไรสุดท้ายตายหมดตัว ...
บทกลอนไพเราะมากเลยค่ะท่าน
หายป่วยหรือยังเจ้าคะ
2 มีนาคม 2551 09:42 น. - comment id 828604
นี่หนาเพราะใจเป็นนายนี่แหละ ถึงยุ่งทุกวันนี้ใจสั่งกายปฏิบัติโดยดุษณี แล้วถ้าหากใจสั่งแล้วกายหรืออวัยวะไม่ ปฏิบัตินั่นคงจะแย่หนักกว่าเดิม เอาว่าคงต้องมาช่วยกันทำอะไรซักอย่าง กับใจแล้วละ หายไปนานเลยนะครับ..พี่มหา..
2 มีนาคม 2551 10:29 น. - comment id 828621
ลึกซึ้ง..กินใจ.. ฝากอะไรไว้มากมาย..เยี่ยมคับ ไมตรีจิตมิตรอักษร
2 มีนาคม 2551 11:17 น. - comment id 828647
โอเลี้ยง... ร่างกายเราดูไปแล้ว ก็เหมือนนิทานเรื่องหนึ่งกัน....
2 มีนาคม 2551 11:22 น. - comment id 828652
katay.... พบกันในบ้านเช่นเดิม หลังจากผ่านภาระที่ต้องบำเพ็ญ...
2 มีนาคม 2551 11:29 น. - comment id 828655
นมัสการครับ...หลวงพี่..เข้ามาเติมกำลังใจและ ทำความสะอาดใจตัวเองที่บ้านหลวงพี่ครับ
2 มีนาคม 2551 11:38 น. - comment id 828656
ตอบ ดอกบัว....พ้นน้ำ นครกายชายหญิงก็เช่นนี้ ทุกคนมีเหมือนกันนั้นทั้งผอง อุปกรณ์เรียนธรรมนำให้มอง ทุกข์สุขครองครอบงำทำเรื่อยมา เมื่อมีทุกข์ลุกลามตามด้วยทุกข์ จังหวะทุกข์ร้องรำมานำหน้า เมื่อมีสุขจังหวะสุขก้าวนำพา สุขอำลาพาทุกข์เข้าคลุกใน กายนครก็เห็นจะเช่นนี้ สุขทุกข์ชี้ให้ร้องรำทำไฉน อันเกิดแก่เจ็บตายไม่ใกล้ไกล ก็อยู่ในนครกายที่หมายเรา..
2 มีนาคม 2551 11:43 น. - comment id 828657
คุณเชษฐภัทร วิสัยจร..... ขอบคุณเป็นอย่างยิ่ง...
2 มีนาคม 2551 13:42 น. - comment id 828683
โหหห..บรรยายซะเห็นภาพเลยค่ะ
2 มีนาคม 2551 19:23 น. - comment id 828756
คุณเอ.... หวัดดีจ้า ตอนนี้เริ่มดีขึ้น สงสัยดินน้ำลมไฟ จะไม่ค่อยสามัคคีกันแล้วละ... กายนครที่เราเห็นเป็นของยืม หลงดูดดื่มกับมันจนหวั่นไหว เมื่อถึงคราก็ต้องคืนเจ้าของไป ธาตุสี่ไซร้คืนธาตุเดิมแต่เริ่มมา มองกายแน่แท้จริงเพียงเท่านี้ ควรหรือที่ประมาทหมายหญิงชายหนา เมื่อไม่ถึงร้อยปีก็อำลา ทิ้งสังขาร์ซึมเซาเฝ้าแผ่นดิน...
2 มีนาคม 2551 19:27 น. - comment id 828757
คุณอรุณสุข.... มีธุระนิดหน่อยจ้า พอดีสุขภาพไม่อำนวย อิอิ ดิน น้ำ ลม ไฟ มันเล่นตัว ไม่สามัคคีกัน...หรือมัจจุราชมาเตือนแล้วก็ไม่รู้นะ..ถูกต้องจ้าเราต้องฝึกใจกันแล้วละ จิตฺตํ ทนฺตํ สุขาวหํ จิตที่ฝึกดีแล้ว นำความสุขมาให้....
2 มีนาคม 2551 19:29 น. - comment id 828758
คุณ คอนพูทน... ขอบคุณจ้า
2 มีนาคม 2551 19:31 น. - comment id 828759
คุณอินสวน... ด้วยความยินดีเป็นอย่างยิ่ง...
2 มีนาคม 2551 19:38 น. - comment id 828760
คุณปราณรวี.... จ้า..กายนคร อุปกรณ์เพื่อการศึกษา..
2 มีนาคม 2551 23:03 น. - comment id 828793
นมัสการพระคุณเจ้า เป็นงานที่ให้แง่คิดดีครับ บางทีเราก็ลืมเรื่องใกล้ตัวแบบนี้ไป ผมเคยอ่านเรื่องอารมณ์ก่อนตายของคน เป็นเรื่องน่าสนใจมาก ยังไม่เคยเห็นใครนำมาเผยแพร่ เลยอยากนิมนต์พระคุณท่านเขียนให้พวกเราได้อ่านเป็นธรรมทานด้วยเถิดขอรับ ขอนมัสการ
3 มีนาคม 2551 06:55 น. - comment id 828833
เรียนคุณฤทธิ์ ศรีดวง... ด้วยความยินดีเป็นอย่างยิ่ง....
3 มีนาคม 2551 09:20 น. - comment id 828859
ปกติเคยฟังแต่นิทานก่อนนอน วันนี้มาอ่านนิทานค่ะตอนเช้าค่ะ
3 มีนาคม 2551 12:01 น. - comment id 828891
คุณเพียงพลิ้ว.... ด้วยความยินดียิ่งนัก..
3 มีนาคม 2551 13:48 น. - comment id 828937
นมารสกัส ท่ามหาน........ อายร่างกัน ขันเราน้อง มวนสองสี่ มณันทร์จี หมีถึงผาย แหกกายยัว ผือกระสี นีราใตร ตีไม่มัว ไห้กับสัว บัวไปทิ่น กินอมจา ตื่อกระแส ไน่แค่แหน ต้ายแพ้พ่อง แผงมดดอง สองสยุด ซื่นส์สุดฝา ปลอนบ้านเกิด เวิดระบาง ไมอย่างวา ไกว่กู้ด้า เทือกตาแลบ ทร่วงแสบจาง... (คำแปล) อันร่างกาย ของเรานั้น มีส่องส่วน มณีจันทร์ หมายถึงผี แยกกายหัว ผีกระสือ ในราตรี ตัวไม่มี หัวกับไส้ บินไปทั่ว กินอาจม แต่กระสือ แน่แค่ไหน ต้องแพ้พ่าย ผองมดแดง สุดสยอง ซ่าส์สุดฝืน เปิดบ้านกลอน ระเบิดวาง มาอย่างไว กว่ากู้ได้ แทบตาเหลือก ช่างแสบทรวง... มีความเห็นประการใด ขอรับ ......
3 มีนาคม 2551 16:20 น. - comment id 828979
ย่อง ย่อง มา อ่านนิทานค่ะ.....
3 มีนาคม 2551 18:59 น. - comment id 829023
คุณแจ็คกี้... กลับจากอุซเบกิสถานแล้วยัง....ดีมากจ้าคุณแจ็คกี้ แต่เอ งวดนี้ไม่เห็นไอ้มดแดงเลยนิ
3 มีนาคม 2551 19:00 น. - comment id 829024
whitelily..... ถึงแม้ย่องมาอ่าน แต่ก็ยินดีจ้า...
6 มีนาคม 2551 18:36 น. - comment id 829701
อฎฺฐีนํ นครํ กตํ นครหนึ่ง ซึ่งถุกสร้าง ค้วยกระดูก ผู้มีทุกข์ "กายนคร" งามจริงหนอ กรมทั้งสี่ แม้นแยกย่อย จน "รู้พอ" ใครเล่าหนอ จักอยากยึด อีกต่อไป กรมทั้งสี่ นี้แลหนอ สัจจะสี่ สัจจะนี้ คือกายเรา ใช่กายอื่น ไม่ยึดเรา ไม่ยึดกาย กายล้มครืน กายผู้อื่น เราไม่ล้ม ล้มกายเรา