จะนอนคืนค้างค่ำ เมื่อตาวันต่ำที่ป่าเขียว มีหมอนกับเสื่อผืนเดียว กับใบไม้เหี่ยวเกลื่อนดิน นอนฟังเสียงกรอบแกรบ กับเสียงแหบจิ้งหรีดใต้หิน น้ำค้างหยดยังได้ยิน ปล่อยว่างทั้งสิ้นทุกสิ่ง ทบทวนความอยากและทางเดิน อันใดหนักเกินก็ขว้างทิ้ง ค้นหาตัวตนที่แท้จริง เอาป่าอิงพิงพักใจ อ้อยอิ่งเหมือนแดดสาย ตื่นสบายใต้ฟ้าใส เริ่มต้นกับวันใหม่ เป็นอีกใครอีกคน เมื่อตาวันต่ำที่สันภู จะกลับสู่ความสับสน หากเดือนหงายในเมืองคนจน จะมาหลุดพ้นที่ภูเวียง
6 กุมภาพันธ์ 2551 21:29 น. - comment id 820645
อันที่จริง เขียนนิราศ ต้องยาวกว่านี้นะ หรือถ้าไม่งั้น ก็จะต้องบรรยายถึงสถานที่ เปรียบเทียบกับความอาดูรที่ต้องห่างไกลจากคนรัก ประมาณนั้น อัลมิตรา เอามะพร้าวห้าวมาขายสวนหรือเปล่าก็ไม่รู้ อย่าเพิ่งคิดว่ามาขัดจังหวะเลยนะ
4 กันยายน 2551 09:06 น. - comment id 892515
ขอบคุณครับ อันที่จริงยังไม่รู้ความหมายของ "นิราศ" ที่แท้จริงว่าหมายความว่าอย่างไร ในความคิดเข้าใจว่า "นิราศ" คือการพเนจรไปในสถานที่ที่แปลกตาแล้วเกิดการรำพันเป็นบทกลอนถึงความแปลกตาที่ได้เห็นทั้งนี้เกิดจากจิตใจของคนแต่งที่อยู่ในภาวะเป็นทุกข์ เคยอ่านในตำราเรียนสมัยมัธยมของสุนทรภู่แต่ก็จับประเด็นไม่ได้ว่าเป็นกลอนรำพึงรำพันถึงคนรักที่ตนห่างมาพลางพรรณนาต่อสถานที่นั้น พอจะเข้าใจแล้วครับว่าที่ผมแต่งนั้นไม่ใช่นิราศ ครั้งนี้เลยตัดสินใจเปลี่ยนชื่อบทกลอนแทน แทนที่จะเรียบเรียงใหม่ให้เป็นนิราศทั้งหมด ซึ่งผมคงยังต้องศึกษาให้ดีกว่านี้ ขอบคุณครับ..