หมั่นฝึกใจใฝ่ธรรมเนกขัมมะ อยู่อย่างพระละบ่วงตัดห่วงหา อยู่ด้วยจิตอิสระละกามา เนกขัมม์พาสงบเย็นเห็นนิพพาน หมั่นสำรวมกายวาจารักษาจิต ให้พ้นผิดบริสุทธิ์ตามวุฒิฐาน ถือศีลสัตย์จัดนิสัยไตรทวาร ให้ประสานเป็นศีลสมบ่มอินทรีย์ หมั่นน้อมจิตพิจไปในเหตุผล หมั่นฝึกค้นสัจธรรมนำวิถี หมั่นชนะอธรรมด้วยกรรมดี ฝึกให้มีนิสัยใช้ปัญญา หมั่นฝึกเพาะเมตตามหาจิต แผ่ทั่วทิศคิดแต่ปรารถนา ให้เป็นสุขสวัสดีทุกชีวา สัตว์ถ้วนหน้ารักให้เท่าเรารักตน หมั่นฝึกใจใฝ่อยู่เป็นผู้ให้ ทานมัยพาถึงซึ่งมรรคผล ให้เพื่อรื้อถือทั่วในตัวตน ให้เพื่อพ้นบ่วงอัตตาที่คาใจ หมั่นพูดแต่ความจริงสิ่งประเสริฐ ไม่ละเมิดสัตย์จริงทิ้งวิสัย ดั่งบุรุษมหาอาชาไนย ไม่หวั่นไหวเอนเอียงเลี่ยงสัจจา หมั่นตั้งจิตเป็นนิตย์อธิษฐาน เพื่อประสานจิตตั้งดั่งภูผา ดุจเปลวเทียนสงบยิ่งนิ่งงามตา ย่อมนำพาผลประเสริฐเกิดพลัง หมั่นพากเพียรให้สุดอุตสาหะ วิริยะกล้าแกร่งเรี่ยวแรงขลัง จนกว่าได้ประโยชน์เสร็จสำเร็จดัง จิตที่ตั้งเพียรชอบประกอบการ หมั่นฝึกตนอดกลั้นมีขันติ สมาธิตั้งในหทัยฐาน จิตผนึกฝึกตนให้ทนทาน ขันติปานเพชรประดับงามจับใจ หมั่นยกจิตเป็นเอกอุเบกขา ด้วยปัญญารู้ทันไม่หวั่นไหว สรรพสิ่งทั่วถ้วนล้วนเป็นไป ตามวิสัยไตรลักษณ์หลักแห่งกรรม. ๑.เนกขัมมบารมี ๒. ศีลบารมี ๓. ปัญญาบารมี ๔. เมตตาบารมี ๕. ทานบารมี ๖. สัจจบารมี ๗. อธิษฐานบารมี ๘. วิริยบารมี ๙. ขันติบารมี ๑๐. อุเบกขาบารมี พระพุทธองค์ตรัสที่เมืองสาวัตถี เพราะทรงปรารถสามเณรรูปหนึ่ง ที่เห็นช่างต่าง ๆ ต่างทำงานเพื่อให้ลุประโยชน์ตน ว่า ช่างไขน้ำทั้งหลาย ย่อมไขน้ำ (เข้านา) ช่างศรทั้งหลายย่อมดัดศร ช่างถาก ทั้งหลายย่อมถากไม้ ส่วนบัณฑิตทั้งหลาย ย่อมฝึกตน * พระพุทธองค์ทรงใช้เวลาตลอดชั่วชีวิต ๆหนึ่ง ทำบารมีข้อหนึ่ง ๆ ให้เต็ม ในฐานะชาวพุทธคุณคิดว่าเลื่อมใสอยากทำบารมีข้อไหนให้เต็มบ้างครับ? ภาพโดย คุณ SUPPAKIT (ขออนุญาตและโปรดมีอนุโมทนาจิตยินดีนะครับ)
22 กันยายน 2550 14:37 น. - comment id 757837
ดีจ้า กลอนยอดเยี่ยมมากกกก สุดยอดเลยค่ะ
22 กันยายน 2550 14:43 น. - comment id 757842
สาธุ
22 กันยายน 2550 15:16 น. - comment id 757850
โมทนา-สาธุ.ค่ะ
22 กันยายน 2550 15:22 น. - comment id 757852
..ต้องลองฝึกเขียนแนวนี้บ้างแล้วหละ...
22 กันยายน 2550 15:51 น. - comment id 757869
แวะมาชมบารมี...ชีวิตที่ไม่สูญเปล่าค่ะ ไพเราะมากๆ...
22 กันยายน 2550 16:55 น. - comment id 757897
สวัสดีทุกคนที่เข้ามาแวะครับ
22 กันยายน 2550 17:40 น. - comment id 757910
สวัสดีค่ะคุณแสงเหนือ สมกับที่จิตรำพันรอคอยกลอนของคุณ ขอบคุณนะคะ ไม่ผิดหวังเลย จิตรำพัน ขอยอมรับว่ากิเลศยังมีมาก ห่วงยังเหลือพันกาย ตัดยังไม่ได้ค่ะ ได้แต่หวังว่าจะพยายามสั่งสมบารมีได้บ้าง แต่ก็ไม่รู้ว่าจะลงข้างทางก่อนไหม ช่วยแผ่เมตตาให้ด้วยนะคะ
22 กันยายน 2550 17:55 น. - comment id 757921
ท่านประธานไร้รักคะ ยังไงก็นับถืออีกท่านคะที่ แต่งกลอนธรรมมะได้เยี่ยม ไงแต่งต่อไปอย่าลืมรักษาตำแหน่งให้ดีนะคะ อิอิ
22 กันยายน 2550 18:42 น. - comment id 757943
คุณจิตรำพันครับ คือ..ปกติจะทำให้คนผิดหวังมาตลอด ...วันนี้ ผิดคาดจังเลยครับ คุณจิตรำพันไม่ผิดหวัง ...หึหึ ...มันเป็นไปได้ยังไงงงงงงง้...
22 กันยายน 2550 19:23 น. - comment id 757961
คุณพิมญดา.. ไหนบอกว่า จะเอาประวัติมากาง เปรียบเทียบดีกรีกันก่อนไง ยังไงผมก็ยังไม่ถึงกะ สาปรัก นะเอ้อ..
22 กันยายน 2550 19:36 น. - comment id 757968
เป็นไปได้แล้วค่ะ
22 กันยายน 2550 19:45 น. - comment id 757973
คุณแสงเหนือจะบวชเมือไหรคะ มีคนถือหมอนหรือยังละ ช่วยถือมั้ย ทิพย์ จะได้ไปบวชชีด้วยคนอิอิอิ ซึ้งในรสพระธรรมคะแวะมาชื่นชมนะ
22 กันยายน 2550 21:08 น. - comment id 757994
จะฝึกจิตให้สงบพบธรรมะ องค์พุทธะตรัสสาวัตถี เนกขัมส๊ลปัญญาบารมี หลายเจ็ดข้อบารมีที่กล่าวมา....
22 กันยายน 2550 22:26 น. - comment id 758030
เป็นมุมหนึ่งของบ้านกลอนไทยที่สวยสดใสบริสุทธิ์ แวะมาชื่นชม และซึมซับรสพระธรรมครับ
22 กันยายน 2550 22:47 น. - comment id 758034
คุณทิพย์ เค้าบวชไปตั้งนานแล้วอะ ตัวเอง...อิอิ บวชอีกรอบก็ 3 โบสถ์ดิ.... เด๋วเค้าขายไม่ออก นะตัวเอง อิอิ
22 กันยายน 2550 22:49 น. - comment id 758035
คุณด้า สนใจบวชเป็นเพื่อน คุณทิพย์โนราห์ หรือเปล่าครับ อิอิ.. .....
22 กันยายน 2550 23:54 น. - comment id 758044
เกิดเป็นกุ้งนี่ ช้ำชอกจริงนะครับ คุณกุ้งก้ามกราม (ชอบชื่อนี้จังเลยครับ) และชอบเรื่องชะตากรรมกุ้งที่คุณกล่าวไว้มาก เลยครับ เห็นภาพชัดเลยครับ เกิดเป็นกุ้งชอกช้ำระกำหนัก คนไม่รักไม่หลงไม่สงสาร ทั้งต้มยำทำแกงตากแห้งประจาน ดีดดิ้นพล่านยามถูกเผาบนเตาไฟ โศกจริงๆ ครับ ขอนุญาตเติมนิดนะครับ ลูกหลานกุ้งทั้งมวลล้วนไม่รอด ตกเป็นยอดเมนูคู่โต๊ะใหญ่ สารพัดพริกมะนาวข้าวคั่วไทย เขาโรยใส่จนสลบซบกับจาน ... พอไหวหรือเปล่าขอรับ ขอบคุณที่เข้ามาเยี่ยมครับ
23 กันยายน 2550 00:17 น. - comment id 758048
**มโนนำ น้อมใน หทัยคิด กรรมลิขิต เวียนว่าย หลายสถาน ก่อเกิดทุกข์ ดุจบ่วง ในดวงมาน กิเลสพาล หมองมัว ทั่วกายใจ น้อมรำลึก ตรึกตรอง ให้มองทั่ว ปรับที่ตัว อย่าพะวง หรือสงสัย วิสาขะ ประกาศล้ำ ธรรมเกรียงไกร รัตนตรัย ศาสดา มาประทาน ทำจิตใจ ผ่องใส บริสุทธิ์ มอบเป็นพุทธ บูชา มหาศาล ลด..ละ..เลิก กิเลสร้าย ต้องวายปราณ สามประการ ธรรมะป้อง พี่น้องไทย จุดธูปเทียน เวียนบรรจบ ครบสามรอบ สิบนิ้วนอบ แน่วแน่ พร้อมแก้ไข อวิชชา กิเลสข้า ต้องปราชัย ชำระใจ ให้เป็นสุข ในทุกกาล **งามเดือนเพ็ญ เด่นตา วิสาขมาส อภิวาท บารมี นี้สืบสาน ทักษิณา อุเบกขา นมัสการ โปรดประทาน แก่นพิสุทธิ์ ด้วย..พุทธธรรม..ฯ ขอบคุณบทกลอนที่ประทับใจมาก...ชอบกลอนในแนวธรรมะมากค่ะ..แต่ไม่ค่อยมีความสามารถ...เท่าใดนัก ...มีงานกลอน..วิสาขบูชา..มาร่วมแจมด้วยค่ะ..
23 กันยายน 2550 01:10 น. - comment id 758072
23 กันยายน 2550 13:05 น. - comment id 758256
อนุโมทนาบุญด้วยนะครับ
23 กันยายน 2550 13:05 น. - comment id 758257
คุณราชิกา ขอบคุณสำหรับกลอนเพราะ ๆครับ ผมอยากบอกว่า วันวิสาขบูชานี่สำคัญมาก แม้แต่ พระจันทร์ที่เสวยวิสาขฤกษ์ เป็นพระจันทร์ ที่สวยที่สุดในรอบปีนะครับ ผมเคยเห็นตอน เที่ยงคืน เหลืองอร่ามไปหมด พุ่มไม้ยอดไม้ก็พลอยเหลืองอร่ามไปด้วย ผมไม่เคยลืมภาพนั้นเลย อยากกลับไปดูอีก. คุณตากลม ขอบคุณที่มาเยี่ยม วันนี้ได้สร้างบารมีอะไรหรือยังครับ .... อิอิ... วันละนิดครับ ?%
24 กันยายน 2550 10:04 น. - comment id 758267
คุณปลายตะวันปล่อยให้ผมรอนานมาก เลยนะครับ เนี่ย ...ต้องปรับแล้วมั้งเนี่ย อิอิ.. สบายดีนะครับ ??? หวังว่าแวะเข้ามาแล้วคงหายเหนื่อยและท้อนะครับ (ถ้าเมนต์ไม่ถุกใจต้องขออภัยนะครับ เมนต์ไม่ค่อยเก่งครับผม)
24 กันยายน 2550 10:35 น. - comment id 758599
ทุกดวงตาที่ผ่านพิศ ทุกดวงจิตที่ดื่มด่ำ ทุกคำที่พร่ำชม ขอน้อมลง ปลงบูชา ณ แทบบาท พระศาสดา พระจอมไตร ณ หทัย พระโพธิสัตว์ ผู้ยิ่งด้วยบารมี ขอข้าพเจ้าทั้งหลายพึงมีดวงตาที่เป็นประกาย งดงาม ไร้โรค ขอดวงจิตอย่าเศร้าโศก หงอยเหงา ขอพระพุทธเจ้า เสด็จโปรดให้ได้สมบัติ ๓ ให้พ้นสรรพทุกข์ ขอความสุขสวัสดี จงมีแก่บิดา มารดา ของข้าพเจ้าทั้งหลาย ปิยชนทั้งปวง ตลอดจนมวลสรรพสัตว์ทั้งหลายโดยถ้วนหน้าเทอญ.
24 กันยายน 2550 14:04 น. - comment id 758723
แต่งกลอนเก่งจังเลยครับ ผมไปลองฉันท์เสียนาน... เดี๋ยวนี้เลยแต่งกลอนไม่คล่องเหมือนก่อนเสียแล้ว .................... อินทรวิเชียร (บางส่วน จากเรื่อง "วัดวา อาราม") ....๙. คนเอ๋ย...อนาคต ก็จะหมดพระชินวร ถ้อยธรรมะสุนทร จะสลายมลายลาญ ๑๐. ยุคอันพระพุทธศาสน์ สุญขาดจะมีนาน ยุคอันนราผลาญ นรชาติชีวี ๑๑. เถิด...ก่อกุศลกรรม ละระยำกระทำดี ตราบโลกอุบัติมี พระสุคตมุนินทร...
24 กันยายน 2550 15:36 น. - comment id 758752
คุณศารทูล คำชมขอน้อมบูชาพระศาสดา นะครับ ฉันท์ตัวอย่างที่ยกมา ไพเราะมากครับ แต่งเอยใช่ไหมครับ ขอครบเลยได้ไหม ผมอยากรวบรวมกลอนธรรมะเด่น ๆ พิมพ์แจกในงานปฏิบัติธรรม ถือว่าทำบุญร่วมกันนะครับ ผมก็สนใจฉันท์มาก แต่เวลาไม่อำนวย ตั้งใจจะแต่งสยามมณีฉันท์ถวายในหลวง สัก 10 บท เป็นเดือนแล้วเพิ่งได้แค่ 3 บท ใช้เวลามากจริง ๆ ครับ ไม่รู้ปีนี้จะทันหรือเปล่า ยังไงก็แนะนำด้วยนะครับ ......