๑.เพลงกระพรวนจากคอของโคเฒ่า เกวียนเล่มเก่าล้อกงยังคงหมุน ชายชราบนเกวียนเปิดประทุน สูบยาฉุนอ่อนอ่อนอย่างผ่อนคลาย ล้อเกวียนหมุนอ้อเอียดละเลียดช้า เคยแล่นฝ่าหลุมขวากมาหลากหลาย แลผิวน้ำแผ่พริ้วเป็นริ้วพราย เพียงต้องสายลมเช้าอันเบาบาง เกวียนโยกเยก..เนื้อเอ็นเต้นระริก โยกกระติกน้ำแข็งจนแกว่งคว้าง ละลายน้ำตาลสดจนรสจาง บรรทุกฟางเหลืองแก่จนแปล้เกวียน ๒.พลันรถยนต์คันใหญ่ก็ไล่หลัง บีบแตรดังตบมือกระหือเหี้ยน อย่าชักช้าเป็นเต่าซิเฒ่าเพี้ยน โลกมันเปลี่ยนเร็วไปหรือไงลุง..! แล้วเหยียบคันเร่งแซงสุดแรงเท้า ทิ้งเขม่าฝุ่นมืดเป็นหมอกฟุ้ง ตาเฒ่าปัดมือไกวดังไล่ยุง เกรงฝุ่นคลุ้งเขม่าจะเข้าตา ผ่านเรื่องราวใหญ่น้อยเป็นร้อยเรื่อง ฟางสีเหลืองยังนิ่งอหิงสา เพราะมิเคยวิตกเสียงนกกา การพูดจาต่อคำไม่จำเป็น ๓.สองข้างทางบ้างพร่องเป็นร่องลึก แกรู้สึกด้วยใจมิใช่เห็น เพราะรู้ทุกรอยขวากอันยากเย็น จึงรั้งเส้นสนตะพายหลบได้พ้น และแล้วภาพแปลกตาก็ปรากฏ ภาพของรถพลัดลงหล่มถนน แหละหนุ่มนั่นดูคล้ายละอายตน นั่งคอยคนช่วยเหลืออยู่ริมทาง ๔.แกร้องยอยอยอ!..จนโคหยุด ว่า..ดินทรุดบางที่ก็มีบ้าง ดินแถวนี้มันอ่อนไปค่อนบาง เดี๋ยวส่งฟางเสร็จฉันจะช่วยดึง จะรออยู่ก็ได้หรือไปด้วย เลยดงกล้วยโน่นไปก็ใกล้ถึง เพราะน้ำเสียงจริงใจไม่บึ้งตึง หนุ่มนั้นจึงกล้าขึ้นไปนั่งเคียง ๕.ลุงไม่ขุ่นเคืองหรือกับคำเยาะ ? แกหัวเราะคำโตมิโต้เถียง โลกของลุงรู้รอรู้พอเพียง อยู่กับเสียงนกน้อยเป็นร้อยพัน โลกเธอคงคร่ำเคร่งและเร่งรีบ อาจถูกบีบจนแกว่งจากแข่งขัน จนลืมรสสัมผัสแสงตะวัน และลืมความอัศจรรย์ของใบไม้ เธออาจฝันสวยงามในยามหลับ เหมือนเหมือนกับผู้คนที่จนไร้ เหมือนคนที่เธอทะยานขับผ่านไป เพียงทางใครเดินทางย่อมต่างกัน ถ้าเธอดูรอยร่องทั้งสองฟาก ใช่เกิดจากล้อเพลาเธอเท่านั้น มีรอยล้อดาษดื่นเป็นหมื่นพัน และรอยเท้านักฝันหลายพันรอย พวกเขาเคยเดินผ่านมานานนัก หลายคนแพ้กับดักก็จักผล็อย หลายคนทนแรงดึงก็ถึงดอย เธอหมายสอยสิ่งใดก็ใจเธอ ๖.กระติกน้ำที่ถือในมือเฒ่า ที่หนุ่มเย้าหยอกคำว่าป้ำเป๋อ น้ำแข็งคงสลายดั่งใจเกลอ ที่พล่อยเผลอสบประมาทปรามาสไว้ ชายหนุ่มรับมาชิมได้ลิ้มหวาน รสน้ำตาลยังเหลือแม้เจือใส หนุ่มผู้หลงในโลกศิวิไลซ์ จึงรู้ใจตนเยาว์กว่าเขานัก แล้วทอดตามองดอยในแดดเช้า บอกโพ้นเขาว่าลูกยังขลุกขลัก แต่การได้หยุดจ้ำฟังคำทัก กลับได้พักพินิจจริตตน ๗.เธอคงหมายมุ่งสู่ยังภูใหญ่ มีดอกไม้แปลกตากว่าป่าฝน ทั้งหลากหลายพันธุ์นกและวกวน มีหลายคนตะลอนมานอนค้าง เป็นจุดหมายที่ผมได้วางแผน ให้รางวัลตอบแทนตัวเองบ้าง คนเราต่างกันที่วิถีทาง จึงเสาะหาบางอย่างที่ต่างกัน ๘.ชายชรายิ้มละไมสูบใบจาก มองรอยลากล้อเกวียนอันเปลี่ยนผัน บางรอยหายโดยไร้รูปพรรณ ซึ่งรอยนั้นมิใช่จะไม่มี สองมือเขาเข้มคล้ำและดำด้าน ทำแต่งานจนหมองผมสองสี มีความสุขอย่างพ่อผู้พอดี เป็นช่วงที่วิเศษเสมอมา เธอวางแผนไปสู่สุดภูเขา หรือตั้งเป้าไปสูงจนสุดฟ้า เป็นเป้าหมายที่ไม่ธรรมดา เป็นคุณค่ากำนัลให้วันวัย ต่อให้เธอตั้งเป้าสูงเท่าฟ้า จะต่างคนธรรมดาก็หาไม่ เพราะเป้าหมายของเธอหรือใครใคร คือ..ความสุข...ใช่ไหมถามใจดู ๙.ชายหนุ่มนิ่งครู่หนึ่งแล้วจึงรับ น้อมคำนับขอบคุณคนรุ่นปู่ สายลมพัดใบพร้าวมากราวกรู ต้อนรับผู้มาเยือนจากแดนไกล เพลงกระพรวนแผ่วพรายจากชายทุ่ง ดังกริ๊งกรุ๊งตามโคที่เคลื่อนไหว ถ้าใครผ่านทางแยกคงแปลกใจ เพราะดอกไม้ต่างสีได้คลี่บาน ๒๑ กันยายน ๒๕๕๕
22 กรกฎาคม 2550 12:58 น. - comment id 728107
สวัสดีค่ะพี่ชาย วันนี้ว่างแล้วหรอค่ะ ถึงแวะเวียนมาได้ อิอิ แพรวอ่านไป ติดอยู่คำหนึ่งซึ่งคิดว่าสำคัญด้วยสิค่ะ คำว่ากสิณ มันหมายถึงอะไรหรอค่ะ หมายถึงตรงนี้หรือป่าวค่ะ คำกสิณ นะหรือ คือเครื่องหมาย ฝึกใจกาย มีอิทธิ ปาฏิหาริย์ ทั้งเหาะเหิน เดินบนน้ำ ตามต้องการ ท่านอาจารย์ ส่งมือ ให้ถือดิน ฮิๆ คิดถึงนะคะ บายยยยย
22 กรกฎาคม 2550 12:58 น. - comment id 728108
ตอนนี้เขียนยากมาก คำซ้ำเยอะมากเช่นกัน พยายามเต็มที่ที่จะใช้ภาษาง่ายๆ แต่ความหมายต้องถูกต้องครบถ้วน คำบาลีใช้เท่าที่จำเป็นเท่านั้น เกรงจะเป็นตำรามากไป เพราะว่าในพุทธประวัติที่เขียนโดยทั่วไป จะกล่าวไว้สั้นๆว่า พระองค์ได้เรียนกับดาบสทั้งสองท่าน แต่ไม่ลงในรายละเอียด พอต้องมาค้นคว้าเอง ทุกครั้งที่ติดขัดหรือไม่รู้ว่าอะไรเกิดก่อนหรือหลัง จะบังเอิญเปิดหนังสือเจอเรื่องนั้นๆทุกครั้งไป โดยไม่ต้องค้นหามาก เพียงเปิดสุ่มๆก็เจอเลย หรือถ้าในหนังสือไม่มี บังเอิญหยิบเทปมาฟังก็จะตรงกับเรื่องที่ต้องการข้อมูลเช่นเดียวกัน เกิดขึ้นบ่อยมากๆ จนรู้สึกว่า พระท่านคงปรารถนาให้เราเขียนจริงๆ....ทำให้มีกำลังใจที่จะทำต่อไป...
22 กรกฎาคม 2550 13:05 น. - comment id 728113
น้องเพียงแพรว หลวงพ่อบอกว่า กสิณแปลว่า..เครื่องหมาย..หรือ..เพ่ง..ก็ได้ ถ้าจับดินมาดู ก็เรียกว่า ปฐวีกสิณ คือเพ่งดิน หรือเอาดินเป็นเครื่องหมาย ขอบคุณนะน้องสาวพี่ ขออนุญาตไปทำงานก่อนแล้วค่ำๆจะแวะมาใหม่... .
22 กรกฎาคม 2550 13:32 น. - comment id 728119
แง้.....ลืมพิมจังอีคุงพี่ฤทธิ์จายร้าย อะล้อเล่นว่าแต่ว่ามะวานซืนคราย เขกหัวพิมแล้วหนีหายไปเยย มาต่ออีกตอนที่10แย้ว อ่านแล้วเรียบร้อยเลยคะพิมจัง อะกาแฟลืมปายถือไว้ตั้งนานคงหายร้อนแระเปงกาแฟเย็นรีบดื่มนะเจ้าคะ คิดถึงก็ม่ายด้ายเด๋วสาวๆๆเข้าใจผิด ระลึงถึงละกันเจ้าคะเอิ๊กๆๆ
22 กรกฎาคม 2550 14:07 น. - comment id 728123
สวัสดีคะอาคุงพี่ฤทธิ์... หายหน้าหายตาไปเลยนะคะ.. นึกว่าลืมน้องๆที่นี่ซะแล้ว...
22 กรกฎาคม 2550 15:24 น. - comment id 728135
ติดตามอ่านมาตลอดค่ะ ....... เก่งจังเลย......... ดีใจค่ะ ที่มีคนคิดถึงพุทธประวัติ.. ชื่นชมมาก ๆ อยากให้คนไทยที่นับถือศาสนาพุทธเป็นแบนนี้กันทุกคน ดำเนินชีวิต ยึดหลักธรรมคำสอนของพระองค์ จะดำรงตนอยู่ได้อย่างสงบและมีสติค่ะ ชื่นชม ค่ะ ชื่นชม . ชื่อน่ารักมาค่ะ
22 กรกฎาคม 2550 17:18 น. - comment id 728141
..ตอนรับน้อง..เรนก็เคยปฎิบัติ.. ที่ตรงนั้น.. ว่างเปล่า.. เป็นความมหัศจรรย์จริงๆด้วยดิคะ.... ... เป็นบทกลอนที่มีค่า..ในความรู้สึกที่เรนได้สัมผัส.. เรนขอเป็นกำลังใจให้เขียนต่อนะคะ....
22 กรกฎาคม 2550 18:37 น. - comment id 728155
สวัสดีค่ะ.......คุณฤทธิ์ ชื่อ ฤทธิ์ ศรีดวง กลายเป็นโลโก้ของผู้มุมานะ และมีความอดทนในการเขียนเรื่องราวแห่งพุทธศาสนาไปแล้วสำหรับความรู้สึกของผู้รักการอ่าน....ดีใจจังเลยค่ะ จะกี่ครั้งที่แวะเข้ามาในบ้านกลอนไทย เมื่อเห็นนามปากกานี้คุณตั๊กจะรีบคลิ๊กเข้ามาเพื่ออ่านทุกครั้ง และไม่เคยผิดหวังสักครั้ง เป็นกำลังใจให้ทำในสิ่งที่หวังไว้ให้สำเร็จนะคะ
22 กรกฎาคม 2550 19:03 น. - comment id 728163
สวัสดีค่ะเพื่อนๆพี่น้องชาว.thaipoem.ทุกท่าน รบกวนเพื่อนๆทุกท่านขอคำขวัญจากเพื่อนๆ 3 คำขวัญ นะคะ ความยาวแต่ละ คำขวัญไม่เกิน 16 คำ / 1 คำขวัญค่ะ คำขวัญที่ 1 คำขวัญวันแม่ คำขวัญที่ 2 คำขวัญวันเข้าพรรษา คำขวัญที่ 3 คำขวัญวันภาษาแห่งชาติ ขอขอบคุณเพื่อนๆทุกท่านล่วงหน้าค่ะ
22 กรกฎาคม 2550 19:32 น. - comment id 728177
น้องพิมจัง งานยุ่งมาก เครียดจนหัวจะระเบิด แวะไปบ้านน้องพิมแล้วนะจ๊ะ...
22 กรกฎาคม 2550 19:33 น. - comment id 728178
มณีจันทร์ โถหายไปแค่ 2-3 วันเอง ขอบคุณที่แวะมาทักทาย
22 กรกฎาคม 2550 19:35 น. - comment id 728179
ปิง ไม่ทราบเลยว่าคุณปิงติดตามอ่านงานอยู่...ดีใจนะครับ..ขอบคุณมากๆเลย..
22 กรกฎาคม 2550 19:37 น. - comment id 728181
ain ดีใจนะครับที่มีสมาชิกยุคแรกๆ เข้ามาอ่าน..ขอบคุณมากๆครับ....
22 กรกฎาคม 2550 19:39 น. - comment id 728183
มัสลิน ว้าว..กลับมาเยี่ยมกันแล้วเหรอครับ งานยุ่งมากใช่ไหม...ดูแลสุขภาพด้วยนะครับ..ขอบคุณที่เป็นกำลังใจให้ครับ...ตั้งใจจริงๆว่าจะทำให้จบ จากนั้นคงโบกมือลาบ้านกลอนเสียที...
22 กรกฎาคม 2550 19:41 น. - comment id 728186
แม่ลูกสอง ผมแต่งคำขวัญไม่เก่งครับ...ขอโทษด้วย
22 กรกฎาคม 2550 19:45 น. - comment id 728187
งั้นพิมจังภาวนาสาธุอย่าให้พี่คุงฤทธิ์ ห้ามเขียนจบถ้าคิดจาไปจากบ้านกลอน คิดจาทิ้งเค้าหรอ เอาสิถ้าไม่เปลี่ยนคำพูดร้องไม่หยุดจริงด้วย นะนะ..พลีสสส
22 กรกฎาคม 2550 20:01 น. - comment id 728190
น้องพิม อีกนาน..ไม่ต่ำกว่า 1 ปี หรอกไม่ต้องห่วง
22 กรกฎาคม 2550 21:41 น. - comment id 728213
ดีจัง แต่งได้ยาวเหยียดเลยพระอาจารย์ฤทธิ์
23 กรกฎาคม 2550 07:08 น. - comment id 728298
เป็นน้องใหม่ในบ้านกลอนเดือนนี้เอง อ่านพุทธประวัติของคุณแล้ว ประทับใจมาก....... เลยขออนุญาตเก็บทุกบทไว้ในบทกลอนที่ชอบของตัวเองเพื่อเอาไว้อ่าน คนอะไรเก่งจังเลย จะติดตามตอนต่อๆ ๆๆๆๆ ไปนะคะ
23 กรกฎาคม 2550 08:11 น. - comment id 728327
แวะมาอ่านค่ะ..ขอโทษค่ะที่มาช้า เครื่องคอมพ์รวนอีกแล้ว..
23 กรกฎาคม 2550 10:06 น. - comment id 728409
พี่ริด สีดวง....เอิ้กกกกกกส์ พี่ชายจ๋า....พุทธประวัติของคุงพี่จะยาวประมาณ เพชรพระอุมาป่าวคะ มีกี่ตอนง่ะ จ๋งจั๋ยอ่าน จบ น้องศรรกราคงต้องขอลงบวชสักหนึ่งพรรษา อิอิ........เริ่มกระจ่างแจ้งเห็นธรรมขึ้นเยอะเยย... (¯`°.¸♥♥¯`°ศรรกราหน้าทะเล้น°´¯♥♥¸.°´¯)
23 กรกฎาคม 2550 21:14 น. - comment id 728699
ป.ปลา ตอนนี้ยาวและน่าเบื่อ ที่จริงต้องการปูพื้นเรื่องฌานสี่ และกสิณเท่านั้น เพราะต่อไปจะต้องพบมาก...
23 กรกฎาคม 2550 21:15 น. - comment id 728700
โอ้ละหนอ ขอบคุณมากครับที่ชื่นชม อนุญาตให้เก็บไว้ได้ครับ..ดีใจครับหากงานที่ทำจะมีประโยชน์บ้าง
23 กรกฎาคม 2550 21:16 น. - comment id 728701
หวัดดีครับกุหลาบขาว ขอบคุณมากครับ..
23 กรกฎาคม 2550 21:18 น. - comment id 728704
หนูศรรก เรื่องตอนนี้อาจจะน่าเบื่อไปนิด...เพราะการแค่ปูพื้นเท่านั้น หลังจาตรัสรู้เป็นต้นไป..คงเป็นการผจญภัย ที่มีสีสัน สนุกสนาน....
24 กรกฎาคม 2550 09:55 น. - comment id 728922
พุทธประวัติตอนสิบเอ็ดพึ่งผ่านไป พลาดได้ไงด้วยศรัทธาตามมาอ่าน มนต์กวีคลั่งไคล้ในผลงาน ร่วมสืบสานพุทธธรรมนำชาติไทย