เบิกรุ่งพิกุลระบายหล้า (Virtue of Dawning Flower)

ลำน้ำน่าน

โคลงสี่สุภาพ
       (๑) พุทธคุณไตรรัตน์ล้ำ..............รวีอรุณ
พุทธุปบาทกาลบุญ............................เบิกฟ้า
พุทธศาสนิกละมุน.............................พุทธชาด สยามนอ
พุทธบุตรโชติชวาลหล้า......................สว่างเพี้ยงพันแสงฯ
      (๒) เพชรพิกุลเกล็ดแก้วร่วง.........พะไลทราย
พันพร่างธรรมทองพราย.....................พิจิตรฟ้า
กลีบหล่นร่วงโรยวาย..........................วัฏจักร
เบิกรุ่งบุญระบายหล้า.........................โบสถ์เบื้องระเบียงวิหารฯ

กาพย์ยานี ๑๑
อ่อนหวานแลอ่อนไหว
บานละไมในริ้วลม
ดอกไม้ไว้แย้มชม
กลิ่นชื่นสมมิสิ้นไป
ขจรร่อนขจาย
ร่วงลานทรายพรายบ่วงใบ
พรมเนินเพิ่งกวาดใหม่
หอมลมไล้ใกล้โบสถ์พุทธ
พิกุลบุญราศี
แทนความดีพลีพิสุทธิ์
ร่วงลงลานวิมุตติ
แทนสายหยุดหยุดสายลา
ดอกไม้สมุนไพร
โบราณไขแต่ใดมา
ปลูกไว้ในวัดวา
เกสรห้าเครื่องยาไทย
เหลืองนวลชวนให้หอม
ภู่ผึ้งตอมห่อนกรายไหน
เขียวแซมแย้มเรือนใบ
ดอกดวงใจก็แย้มตาม
มาลัยดอกพิกุล
ร้อยพวงบุญกรุ่นทุกยาม
คนเฒ่าเล่าลือนาม
ร้อยแสนงามพุทธบูชา
ดอกไม้คล้ายรูปจักร
ร่วงลงตักรักบ่ลา
ดอกตูมเต่งแตกตา
มินานช้าจักหล่นพราย
ผลิบานตระการต้น
ดอกอำพนบ่วางวาย
เหี่ยวแห้งแล้งเรือนกาย
หอมบ่หน่ายสนิทนาน
หอมธรรมแสนล้ำเลิศ
หอมประเสริฐเทิดผสาน
หอมกลิ่นอภิญญาณ
หอมนิพพานเคล้าพิกุล
พรรษาล่วงลาเลย
ดอกไม้เอยยังเกื้อหนุน
คล้องร้อยสร้อยบ่วงบุญ
คล้องค่าคุณไว้ด้วยกัน
ร่มไม้ในลานวัด
สงบสงัดมิแปรผัน
ระหงในวงศ์วรรณ
พิกุลพรรณพุทธผกา

-----------------------------
เมื่อลมฝนล่องไล้สวนรุกขชาติในวัดป่า
ดอกพิกุลต่างก็โปรยดอกลงแต่งแต้มลานทรายกวาดใหม่
กลิ่มหอมดอกพิกุลนั้น หอมร่ำ อบอวลไปทั่วอาณาบริเวณ
แลเสียงขลุ่ยแว่วหวานดังมาในสายลมเมื่ออรุณเบิกฟ้า
ในมโนคติเนิ่นนานของข้าพเจ้านั้น 
ดอกพิกุลคือดอกไม้แห่งพุทธศาสนา
คนเฒ่าคนแก่โบราณมักใช้เวลาบั้นปลายชีวิตอยู่กับวัด
กวาดลานทรายและร้อยดอกพิกุลเพื่อเป็นมาลัยพุทธบูชา
ภาพหญิงชรานุ่งซิ่นนั่งเก็บดอกพิกุลในวัดป่าแห่งหนึ่ง
ยังคงงดงามตราตรึงอยู่ในความรู้สึก
ดอกไม้หอมที่แพทย์แผนโบราณไทยเราในสารบบ
เป็นเกสรทั้งห้า ได้แก่ ดอกพิกุล ดอกมะลิ ดอกสารภี 
ดอกบุนนาค และ ดอกบัวหลวง
ห้วงพรรษาจะเวียนมาแล้ว ลองหาเวลาเดินไปตามวัดป่าต่างๆ
โชคดีเจอดอกพิกุล แล้วเราจะพบว่า ดอกพิกุลนั้น
กำลังบานพรายแต่งต้นงดงามอยู่ท่ามกลางวงล้อม
แห่งพุทธธรรมทั้งปวง
--------------------------------------------------------
ภาพดอกพิกุลบนใบสักทอง 
ถ่ายโดย ม.ล.ปรมาภรณ์ เทวกุล
สถานที่ วัดภูมินทร์ จังหวัดน่าน

				
comments powered by Disqus
  • พุด

    23 พฤษภาคม 2550 15:16 น. - comment id 700271

    36.gif541_Aishwarya.jpg
    แสงจากคบไต้...
    ถูกจุดขึ้นให้วูบไหวในราตรีแรมไร้เดือน
    ริมชายคลอง...ร่มรักเรือนไทย
    
    กลิ่นมวลดอกไม้หวานอวลอ้อยอิ่งมากับสายลมระรินร่ำหลังฝน..
    
    
    
    
    เสียงขิม
    http://www.thaipoem.com/forever/ipage/song100.html
    (แต่ปางก่อน)
    ..............
    
    
    พริ้งพราวในท่วงทำนอง *นางครวญ* คล้ายโหยไห้
    ราวกับจะขาดใจ...
    แล้ว....เสียง..บาดใจ ไหวพิลาป หวานศร้า  ร้าวรำพัน 
    ก็พลันค่อยค่อย จางหาย  ...หายไป....กับ..สายลมในยามค่ำ
    
    พร้อมกลิ่นร่ำของราตรี จำปี ชมนาด 
    ที่ราวฝากรอยอาลัยอาดูรพูนเทวษสุดทน..
    
    
    
    
    เจ้าของ..ที่มาแห่งดนตรีไทย..อันหวานซึ้งล้ำค่า
    ที่บรรเลงยากนักยากหนา
    หากไม่มีใจรักแลพรสวรรค์ขยันฝึกซ้อม
    
    ใบหน้านวลหวานแจ่ม
    ถูกล้อมกรอบด้วยผมสยายยาวราวแพรไหมสีอำพัน
    
    แสงเทียนในตะเกียงแก้วทาบทอล้อวงหน้านั้นราวทองทา
    เสี้ยวหน้านวลจึงยิ่งงามผ่อง...
    งามนวลพักตร์..งามแสนงามยิ่งนัก แสนพริ้มเพรา..
    แม้นในราตรีที่ไร้แสงแห่งจันทร์...เพ็ญ...
    
    
    
    
    เธอ..ค่อยๆเอนตัวลงช้าช้า
    พิงหมอนขวานสามเหลี่ยมผ้าไหมสีงาช้าง
    แล้ว...
    ทอดนัยน์ตาโศก..แสน...อ้างว้าง
    หากงามคลอทอแสงประกายวะวิบวับ
    ราวกับหยาดน้ำผึ้งเพชรรวงในเรียวตา
    
    
    
    ในปรารถนา เธอ..เห็นดาวประจำเมือง
    ดาวประกายพฤกษ์ทอแสง
    ในท่ามกลางฟ้าสีกำมะหยี่..
    ที่ค่อยๆกระพริบวะวิบวับ..คลี่ยิ้มมาทายทักเธอ
    ราวมิ่งมิตรผู้รู้ใจมานานปี...
    
    ยามนี้..ร่างเธอราวรูปสลัก
    สะท้อนแสงเทียนจนนวลเนื้องามพร่างกระจ่างมลังเมลือง  
    
    
    เธอ..ค่อยๆเอื้อมมือคว้าดวงดอกชมนาด
    ที่วางไว้ใกล้หมอนขึ้นมาดอมดมพรมจูบด้วยรัก 
    
    แล้ว...
    หลับตานิ่งนาน...........
    นานราวตกอยู่ในนิทราฝันภวังค์แสนหวานแสนดี...
    
    
    
    ราวรอ....
    หยาดน้ำค้างในราตรี
    ที่ค่อยๆหยาดเย็น
    ลงมากระทบพร่างกลางกลีบเกสรมวลดอกไม้
    และ..ณ..
    กลางกลีบใจเธอ 
    ที่รู้สึกเย็นฉ่ำระร่ำรินสดแสนสุขสงบงามเงียบ
    ราวไร้ร่าง...
    ได้วางกมลและตัวตน
    ราวลอยเหิรพ้นไปสู่แดนฝันสวรรค์สรวงทิพยวิมาน
    ...................
    .....................
    
    
    
    เสียงฝีพายกระทบสายน้ำอย่างช้าช้า...
    
    ใกล้เข้ามา..ใกล้เข้ามา...
    
    ก่อนที่..
    จะได้ยินเสียงคล้องโซ่เรือไว้ที่ท่าน้ำริมศาลาเรือนรับรอง
    
    
    
    ในเงาตะคุ่มของแมกไม้ชายชลแลแสงดาว
    ที่สาดส่องวะวิบวับกับแสงไต้ที่วูบไหว
    
    สะท้อนจับร่างบุรุษอาชาไนย...
    ผมเกรียนสูงโปร่ง
    หากทว่าดูแข็งแรง..บึกบึน
    ผิวคร้ามแดดกลายเป็นสีทองแดงราวนักรบโบราณ....
    
    ที่ราวเพิ่งผ่านสมรภูมิสู้รบอย่างชายชาญทหารกล้ามามิช้านาน...
    
    
    
    
    เขา..ค่อยๆก้าวขึ้นบันไดช้าช้า..ตรงมายังชานเรือน
    
    ก่อนที่จะ..ค่อยๆทรุดตัวลงนั่งพับเพียบชิดใกล้..ขิม..
    แล้วเริ่มพรายพรมนิ้วเคาะบรรเลง
    บทเพลง*พญาโศก*......อย่างพริ้งพราว...ร้าวราน...
    หากหวานเศร้า..สนิท....ราวบรรเลงด้วยชิวิตจิตวิญญาณ
    อันแหลกราน ไม่มีชิ้นดี....
    ..............
    
    
    หญิงสาวลืมตาอย่างตกใจ  !!!
    และ..
    ทันที่ที่เห็นว่าใครคือบุรุษยามวิกาลผู้รานรุก
    เธอก็ค่อยๆคลี่ยิ้มหวานต้อนรับอย่างเอาอกเอาใจ
    ........
    
    
    
    
    
    ตาสบตา ไม่มีคำพูดใดหลุดออกมา
    และ...
    ตราบจน บทเพลงพญาโศก...
    ค่อยๆพรากลา...ทิ้ง....ไว้เพียงเสียงแผ่ว...แว่วหวานออดอ้อนรำพัน
    
    ราวฝากพ้อพร่างให้ทุกดวงใจไหวหวามหวิวหวั่นขวัญหาย
    ไปทั้งลำประโดง....
    ..........
    
    
    *คนดี..ของน้อง..มาก็ไม่ให้สุ้มให้เสียง
    ดีนะจ๊ะที่น้องรู้ว่าละแวกบ้านเรานี้ไม่มีโจรผู้ร้าย..
    
    ได้พักกี่วันละจ๊ะเที่ยวนี้
    อย่าบอกน้องนะว่าพรุ่งนี้เช้าต้องไป..*
    
    เสียงหวานใสพะเน้าพะนอ ..
    
    เสียงและร่างบอบบาง
    ที่เขาเพ้อพ้อรอท่าละเมอหามาทุกทิวาราตรีกาล
    
    
     
    ที่...ณ..นาทีนี้กำลังมาหวานแจ่ม
    ราวกำลังกระซิบเคลียเรียวแก้มริมหู
    
    หากเพียงแค่ เขาอดใจไว้อยู่..
    ทั้งๆอยากฝากจุมพิตกลีบปากราวกลีบดอกไม้แสนหวาน
    ใจแทบขาดให้สมกับที่รักรอสายสวาทเสน่หา 
    มาแสนนาน..
    
    
    
    หากทว่าเมื่อยังมิถึงเวลาอันควร
    เขา..จึงได้แต่คิด..ในจิตจินตนา
    มิหวังหมายกรายกล้ำเจ้าดวงดอกไม้แม่นวลเนื้อใส
    เจ้าผู้เป็นดั่งเปรียบดั่งยอดดวงหฤทัยแสนงาม 
    
    
    
    ที่เขาเทิดเธอไว้ราว....
    *บัวบูชา*
    
    บัวขาวที่สะอาดตาสล้างพราว
    ที่บานประดับใจประดับจิตวิญญาณ์
    ให้เขามาอย่างยาวนัก..ตั้งแต่ยามเยาว์
    
    ให้หัวใจของเขามิเคยเหงา
    หากกลับไสวพร่างสว่างเย็น
    ยอมสยบภักดิ์พลี 
     และ..เป็นดั่งรักนี้นิรันดร์..มานานปี
    และ..จักเป็นเฉกนี้ ตราบสิ้นลมหายใจ
    
    
    
    เขา..ทอดนัยน์ตาโศก..สีสนิม
    พิศร่างนวลแล้วเอ่ยคำ
    *พี่..ว่าเราผอมไปนะ..ราวกับ..ลมจะพัดปลิวได้แล้วนะครับคนดี*
    
    สงสัย..จะทานแต่ผักผลไม้ ใช่ไหมละนี่...
    มาเที่ยวนี้ พี่จะพาไปทานอาหารอร่อยๆนะ
    เราพายเรือกันไป..นะครับ
    มีร้านอาหารไทยและมีเพลงโบราณฟัง
    ที่ร้านชื่อ..*บ้านเหนือคลอง* ไม่ไกลจากบ้านเราเลย
    
    
    
    แถมจะบอกอะไรนะ..ครับ
    หากไปตอนตะวันลา..ฟ้าโพล้เพล้จะงามมากเลย
    น้องจะชอบ..
    
    เพราะเขาจะเปิดบทเลงบรรเลงสายน้ำนิรันดร์
    และ
    นานาสารพันชุดเพลงบรรเลงของคุณจำรัส 
    ที่น้องแสนรักนักรักหนามาประกอบบรรยากาศ
    ให้ราวย้อนยุคเลยทีเดียว...เชียว..
    
    
    
    
    *คนดี..คืนนี้ที่แวะมา.
    สงสัยมาเกี้ยวน้องให้เปิดหูเปิดตาใช่ไหมละจ๊ะ
    ว่าพลาง เธอก็หัวเราะน้อยๆอย่างแสนเอ็นดู..
    พี่ก็รู้..ว่าน้องเบื่อเมืองจะแย่
    
    แค่มีเวลากลับมา*บ้านสวน* เสาร์อาทิตย์
    หัวใจน้องก็ราวได้รับหยาดน้ำค้างทิพย์แล้วละค่ะ
    
    จริงๆ...แค่ได้กลับมา..ใช้เวลา
    เดินชมนกชมไม้ในสวน
    
    มานอนนอกชาน
    คอยดอมกลิ่นลำดวนสารภีจำปีจำปา
    บุหงาส่าหรี  มะลิวัลย์ มะลิลา
    
    พี่ก็รู้แค่นี้น้องก็งามใจสบายใจสุขใจพอแล้ว*
    
    
    
    *เอาจ๊ะ นะจ๊ะ
    ถึงอย่างไรน้องตกลงจ๊ะ..ยินดี รับคำนัดนะ
    และ...
    รู้สึกดีใจถือเป็นเกียรติจ๊ะคนดี
    ที่มีนายทหารคนแกร่งคนกล้ามาพลีพายเรือให้นั่ง..*
    
    พี่สิจ๊ะ ควงสาวไทยโบราณนุ่งผ้าถุงไปดินเนอร์
    จะเก้ออาย คนมั้ยละจ๊ะนี่*
    
    แต่มีข้อแม้นะจ๊ะ
    
    เช้า...ต้องพาน้องไปวัดไปทำบุญตักบาตร
    ให้เราสองไปกราบกรานหลวงพ่อ
    ทั้งนอกและในโบสถ์คร่ำ
    ขอพรก่อนนะจ๊ะนะ
    
    
    
    
    ตกลงครับคนดี
    และพี่จะขออนุญาต
    พายเรือมาตั้งแต่ยามฟ้าสางนะ
    ที่ดาวเดือนยังสุกใสเต็มอ้อมฟ้า
    และ
    อุษาไพรกำลังจะมาแย้มเยือน
    เสียงไก่ขันเทือนและเรไรดุเหว่ายังแว่วหวาน
    น้ำค้างยังหยดหยาดเย็น
    
    พี่อยากพายเรือไปเก็บบัวในบึงงาม
    มาให้น้องพับจีบเป็นบัวบุษย์พลีเป็นพุทธบูชา
    
    
    
    
    รู้ไหมยามนั้น
    ยามที่แสงเทียนทอละออ
    หน้าน้องช่างหวานนวลงามนัก
    ยามที่น้องนั่งสงบงามเตรียมจัดสำรับไปวัด
    ให้พี่นี้..แสนนึกรักนักหนา..
    
    
    
    และหวังอยากมาเคียงใกล้คลี่สไบคลุมไหล่
    โอบกอดแทนร่างใจพี่ ให้ดวงใจหนาวคลาย
    
    ขออนุญาตให้พี่มา...นะจ๊ะ 
    เพราะน้องก็รู้ดี..หน้าที่รักตรงนี้
    พี่จำพรากลาไปไกลมาแสนนานนัก
    มิได้มาทำตามคำบัญชาใจบัญชารักมาแสนนานจริงๆ
    
    
    
    และคนดี
    *น้องครับ..เราคบกันมากี่ปีแล้วละนี่
    ให้พี่บอกมั้ยละครับ
    ว่าตั้งแต่แก้ผ้าเกิดมาละมั๊ง*
    
    *อ้าว..ไม่ต้องขำนะ มันเรื่องจริง
    พี่ว่า..ทุกสิ่งที่เป็นเปลือกนอกหลอกตาโลกย์และผู้คน*
    ให้อลวนเอลเวงไร้จุดยืน..
    นั่นเป็นเรื่องของคนอื่น
    ที่เราจะไปฝืนกระแสโลกย์โสกสุข
    หยุดมันไม่ได้ ใช่ไหมละครับ*
    
    
    
    
    แต่..ทว่า
    สำหรับเรา
    ที่รัก..ดวงใจของพี่
    เราเคยเห็นพ้องต้องกันมิใช่ดอกละหรือ
    ว่าเรารักษ์ความเป็นไทย
    ด้วยหัวใจดวงโบราณๆแบบนี้แหละใครจะทำไม...*
    
    
    
    *เพราะ..อะไร..
    ขอพี่ระบายใจหน่อยนะครับ
    พี่ก็ไม่ทราบจะไปบ่นเพ้อละเมอหากับใครที่ไหนได้
    ที่แสนจะเข้าใจพอจะเข้าใจและรับฟัง
    
    กับผู้คนในโลกอารยะล้นหลั่งในทุกวันนี้
    
    ที่เขาพากันหันหน้าหนี
    สิ่งที่พี่กำลังพลีจิตจะพูด
    เพียงกับน้องผู้เดียว
    
    ก็เพราะ
    เราสองคนแสนภูมิใจที่ได้เกิดมากับนวลใจ
    กับวิถีไทยแบบนี้นี่นา
    
    วิถีที่ฟ้าดินพระพรหมโปรดประทานพรมาให้
    ใช่ทุกคนจะมีได้เสียที่ไหน..นะครับ
    
    
    
    ให้หัวใจคอยอ้อนอิงพิงพักไปกับ
    วิถีไทยโบราณ กับสายน้ำรักนิรันดร์
    กับลำน้ำ ลำนำฝัน ขวัญเจ้าพระยา
    
    กับเสียงดนตรีไทยจากใจรักษ์ของบรรพบุรุษ
    ที่ยาวยืนหวังมิหยุดสืบทอดความพริ้งพราวบรรเจิดละเมียดละไม
    
    
    กับใจดวงรักความดายเดียวเหว่ว้า
    กับน้ำตาเทียนจากแท่งหลอมแรงภักดิ์
    กับแสงตะเกียงระบัดวะวับวะวูบไหว
    
    กับ..
    ใจเนื้อดินเนื้อดวงจิต...ที่หล่อหลอมชีวีชีวิต
    ให้เราสองแสนรักความเป็นไทยไทยทุกกระเบียดนิ้ว
    ไม่ว่าวัฒนธรรม ประเพณี และงานศิลปไทย..
    
    
    ที่มาจากใจดวงหอมกรุ่น
    มาจากแรงเพียรฝืมือละมุน
    ของคนไทยในทุกผืนดิน ทุกถิ่นที่
    ที่ยังมีจิตดวงดีดวงใสสุขสงบ
    มาหลอมรวมรัก
    มาฝากฝืมือให้ปรากฎประจักษ์แด่สายตาชาวโลก
    มาพลีถัก
    มารักร้อยทอทอดสอดประสาน
    เป็นผ้าไทยผืนงามลายต่างๆมากมี
    
    
     มาพลีใจใส่ในงานสาน งานปั้น
    กลายมาเป็นจิตรกรรมล้ำเลอค่า..ประมาณค่ามิได้
    ซึ่งคือฝากไว้..เป็นมรดกไทยมรดกโลก..ให้สืบสาน
    ให้โลกงาม ดับแล้งร้อน
    
    ให้หัวใจสะออนได้รู้ค่าความอ่อนหวานอ่อนไหว
    จากเนื้อใจไทย ไท ที่แสนมีอิสราเสรมานับพันๆปี
    
    
    ที่เราสองต่างก็ปรารถนา
    อยากคลอเคลียเคียงประคอง
    ให้ดำรงอยู่ไปตราบนานแสนนาน
    
    เพื่อเป็นตำนานรักแห่ง.
    
    
    *.แผ่นดินสุวรรณภูมิ พุทธภูมิ*
    
    
    
    เพื่อสร้างแรงภูมิใจ ให้ลูกหลานไทยรู้ค่างามจากภายใน
    รู้สร้างจิตใสมีธรรมะหอมห่ม
    รู้ค่าความรักซื่อตรงคงมั่น
    รู้ค่าความงามเงียบสงบสมถะ
    
    
    
    รู้จักการใชัชีวา
    ไม่บ่าโหมลอยล่องไปตามกระแสโลกย์
    ที่รอเวลาโศกสะเทือน
    ให้ชีวิตถูกซัดหายไปกับพรายแรงแห่งคลื่นกรรม
    ดั่งคลื่นซือนามิที่มากระหน่ำมาสอนใจมวลมนุษยชาติไงละครับคนดี
    
    
    
    แล้ว..ทำไม..น้องพี่ยังมีคำถาม..
    ที่คำตอบก็อยู่ที่ใจน้องเอง
    ราวเราหลอมใจเดียวกันในความผูกพันความเข้าใจ
    ในชีวิตที่รักความเงียบงามสมถะพอใจพอเพียง
    ในความสงบสุขย้อนยุคสมัยมายาวนาน
    
    
    คนดี..ที่รัก
    พี่...รักน้อง รักน้อง มิใช่เพียงต้องใจรูปลักษณ์ภายนอก
    ที่พอกทับไว้ด้วยวัตถุหรูหราเสื้อผ้าราคาแพง
    กิริยาที่ปรุงแต่ง ตามบทละครโลกละครทีวี
    
    
    
    หากทว่า..
    พี่รักผู้หญิงคนดี คนธรรมดา
    คนที่มีจิตดวงพิสุทธิ์พิเศษ
    แผกคิด รู้ผิดชอบชั่วดี
    
    มิวิ่งไปตามกระแส กรรมนำทางมวลมนุษย์
    ให้หลงผิดข้องติดกับงามเพียงภายนอก
    หลงลืมจิตวิญญาณ ไม่เพียรวิ่งหายอดพระรัตนตรัย
    ไม่มีธรรม หอมพร่ำบ่มใจ ไม่มี ใจรักที่จะรู้จักความพอดีพอเพียง
    
    
    นะคนดี...
    ที่จึงพี่ขอกระซิบอีกที อีกทีและอีกที..
    ว่า..
    *พี่รักน้อง..รักน้องจากงามดวงใจใครเล่ารู้นี้*
    ที่พี่อยากขอเคียงคู่เป็นคู่ธรรมคู่ทองไปตราบวันตายนะจ๊ะ
    
    
    และ..
    อย่าหลิ่วตาล้อพี่เล่นนะ
    พี่กำลังสารภาพรักนะนี่..
    มาฟังอีกที เขยิบเข้ามาใกล้ๆนะครับ
    
    
    
    
    และอีกที...
    ก่อนที่พี่จะขอคนดี ..ดวงใจ
     แค่นอนหนุนตักฟังเพลง..นางครวญ..ที่แสนหวนไห้
    โดนใจประทับใจพี่ในราตรีนี้ 
    
    เพื่อพี่จะประทับรับขวัญไว้ก่อนวันลา
    ก่อน..
    วันที่บางทีพี่....อาจจะไม่ได้กลับมาพบหน้าน้องอีกทั้งชีวีชิวิต
    
    ด้วยหน้าที่ชายชาตรี 
    ที่จำต้องฝากร่างจิตพลีเพื่อแผ่นดินแม่มาตุภูมิทอง
    
    
    
    อ้าว..
    อย่าร้องไห้..ร้องทำไม 
    ไหนน้องบอกไม่ใช่ละหรือ
    ความตายมิอาจพรากเรา.
    .เพราะเรามีกันและกันในเงาใจเป็นดั่งรักนิรันดร์
    ข้ามเวิ้งฝันอนันตกาลเวลา  ..
    
    
    
    มาสิจ๊ะคนดี
    เอียงแก้มมาให้
    พี่พลีจุมพิตซับหยาดน้ำตาให้..
    
    แล้ว
    อยากกระซิบอีกที และอีกทีว่า..อย่าเสียดายเสียใจ
    ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น...นะครับ...
    
    
    
    หากเราได้ใช้คืนฝันวันแสนดีพลีรักร่วมกัน
    อย่างแสนดีอย่างมากมีค่า
    ในทุกนาทีในทุกยาม
    ที่เรายังมีลมหายใจ...ในอ้อมกอดกันและกัน..
    
    
    
    และอย่าหวั่นเลย
    นะเจ้าจอมขวัญ ยอดดวงหฤทัย ของพี่ 
    
    ที่จักภักดีรักเจ้าเพียงคนดีคนเดียว....
    
    ไปตราบชั่วกาลนานชั่วนิจนิรันดร์...........!!!!!
    
    ................
    ....................
    
    
    
    http://www.thaipoem.com/forever/ipage/song100.html
    แต่ปางก่อน 
    รณชัย-อัจฉพรรณี 
    ชรอ คอย เธอมา แสน นาน
    ทรมาน วิญญาณ หนักหนา
    ระ ทม อยู่ใน อุ รา
    แก้วกานดา ฉันปองเธอผู้ เดียว
    ญเธอเอย แม้เราห่างกันแสนไกล
    ชาย ใด ดวงใจฉันไม่แลเหลียว
    รัก เธอ แน่ใจจริงเชียว
    รัก เธอ รักเดียว นิรันดร์
    ชแม้ มี อุปสรรค ขวาก หนาม
    ญขอ ตาม มิยอมพลัดพรากจากกัน
    ชจะชาติไหน ไหน ไม่ยอมห่างไกล กัน
    ญดวงจิตผูกพัน รักมั่นมีไว้เพียงเธอ
    ช-ญคง เป็น รอยบุญมาหนุน นำ
    รอย กรรม รอยเกวียนหมุนเปลี่ยนเสมอ
    ให้ เรา ได้มา เจอะ เจอ
    ฉันและเธอพบกันร่วมสุขสมดังรอคอย
    
    ชแม้ มี อุปสรรค ขวาก หนาม
    ญขอ ตาม มิยอมพลัดพรากจากกัน
    ชจะชาติไหน ไหน ไม่ยอมห่างไกล กัน
    ญดวงจิตผูกพัน รักมั่นมีไว้เพียงเธอ
    ช-ญ คง เป็น รอยบุญมา หนุน นำ
    รอย กรรม รอยเกวียนหมุนเปลี่ยนเสมอ
    ให้ เรา ได้มา เจอะ เจอ
    ฉันและเธอพบกันร่วมสุขสมดังรอคอย... 
     
    
    
    
    
    
    3tt14.jpg
  • ลำน้ำน่าน บุรุษแห่งสายน้ำ 29

    23 พฤษภาคม 2550 20:41 น. - comment id 700362

    36.gif
    เนื้อทองสุกปลั่งสะพรั่งแผ่นดิน
    จากถิ่นอยุธยาบุรีศรี
    ผ่านกาลเวลาสมัยหลายร้อยปี
    มาเผยเนื้อรวีรัตนโกสินทร์
    
    มั่งคั่งเกษตรกรกสิกรรม
    อิ่มหนำข้าวสุกสวยท้องถิ่น
    ลมป่าพัดครืนครืนหลั่งริน
    อวลกลิ่นวัฒนธรรมชาวสยาม
    
    ไหวพระพุทธพระธรรมรัตนไตรย
    ยิ่งใหญ่ล่องเรือข้ามฟากฝากหนาม
    พุทธบุตรประชาสัตว์เดินรอยตาม
    ฝ่าข้ามสะพานมหาวัฏฏนทีเทอญ 
    
    ....................
    http://www.thaipoem.com/forever/ipage/poem84691.html
    
    แม่เนื้อทองของพสุธา..!
    
    36.gif
  • พุด

    23 พฤษภาคม 2550 21:08 น. - comment id 700374

    36.gif16.gif634.jpgแม่นวลนาเนื้อทอง..!
    
    http://www.thaipoem.com/forever/ipage/song100.html
    
    
    นวลนาชื่อนวลนา
    เกิดที่ตำบลผ้าไหม
    ที่แสนขึ้นชื่อลือชาที่ชื่อว่า*พุมเรียง*
    เมืองหัตถกรรมดีเด่นแห่งเมืองไชยา
    
    เมืองที่มีวัดพระบรมมหาธาตุไชยาราชวรวิหาร
    สวนโมกขลาพลาราม 
    
    
    
    เมืองที่มีพิพิธภัณฑสถานไชยา
    และที่เมื่อไม่นานมานี้
    ยังมีการลักลอบขุดกรุสมบัติ 
    และ...
    พบพระพุทธรูป 
    อวโลกิเตศวร สมัยอาณาจักศรีวิชัย 
    พบสร้อยลูกปัดสีพันปีเกลื่อนกล่นไปทั่ว 
    
    
    ในอดีตพื้นที่ 
    ต.พุมเรียง เป็นอาณาจักรศรีวิชัย 
    ซึ่งเป็นสถานที่ผลิตวัตถุโบราณ
    และ..
    เป็นแหล่งการค้ากับชาวต่างประเทศ 
    
    เมื่อ 20 ปีที่ผ่านมา..
    กรมศิลปากร 
    ได้มาขุดนำวัตถุโบราณไปเก็บรักษา
    ไว้ที่*พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติไชยา*
    จำนวนมากแล้วก็ตามที
     แต่ก็...ยังมีหลงเหลืออีกจำนวนมาก 
    
    
    ในปัจจุบันพื้นที่จำนวน 38 ไร่ 
    มีชาวบ้านอาศัยอยู่ 180 ครัวเรือน 
    มี..
    อาชีพทำประมง และหารายได้พิเศษ
    จากการขุดหาของเก่าขายจำพวก 
    ลูกปัดชนิดต่างๆ เช่น ..
    ลายนกยูง ลายงูเหลือม 
    ลายลูกยอ ลายลูกบอลธรรมชาติ ลายตั๊กแตน
     โดยมี..
    ราคาตั้งแต่เม็ดละ 5,000 บาท ถึง 10,000 กว่าบาท 
    ทำให้มีผู้ลักลอบขุดกันอย่างต่อเนื่อง 
    จนต้องให้ทางราชการคอยเข้มงวด
    กวดขันเฝ้าระมัดระวัง..
    ..............
    
    
    ปีนี้นวลนา..เพิ่งเป็นสาวสะพรั่ง
    หากยังหอมนวลสาว 
    ราวกับข้าวใหม่เพิ่งแย้มผลิ
    ไร้วี่แววอยากรับรักหรืออยากมีชีวิตแต่งงาน
    อาจ...จะเป็นเพราะ
    นวลนาเข้าวัดปฏิบัติธรรมกับคุณตาคุณยาย
    และ...
    ทำให้กลายเป็นคนมีปัญญารู้ตามจิตทัน
    ไม่หลงยึดมั่นถือมั่นในวิถีทางโลกย์
    ที่คงมีเพียงโศกสุขน้อยซ้ำรอยวน
    จนกว่า..
    จะหนีไม่พ้น..หากยังมีวิบากรรม..
    ทำให้ต้องพบรักพันธนา..
    หากว่าฟ้าดินอินทร์พรหมลิขิตโชคชะตา..
    
    
    ในวันนี้..
    กมลนวลนา..
    จึงรักชีวิตสมถะสงบงามเงียบเรียบง่าย
    ในท่ามความดายเดียว ลำพังมานานปี
    ชีวิต...
    ที่นวลนานี้กำพร้าแม่พ่อ ตั้งแต่จำความได้
    มีเพียงคุณยายเฝ้าคอยประคบประหงมเลี้ยงดู
    
    คุณยายเพียงเล่าให้นวลนาฟังว่า 
    บุพการีทั้งคู่ของนวลนา
    เสียชีวิต ด้วยอุบัติเหตุทางรถยนต์
    วันที่ท่านเดินทางไปซื้อเส้นไหม
    จากสุพรรณบุรี และกาญจนบุรี
    เพื่อนำมาใช้ในการทอผ้า 
    ที่บ้านพุมเรียง...สืบต่อกันมาหลายชั่วอายุคน...
    ............
    
    
    นวลนา เลี่ยงจะซักถาม 
    ถึงความหนหลัง ที่ยากย้อนคืน
    และ..
    ไม่อยากเห็นหยาดน้ำตารื้นชื้นตา 
    ยามคุณยายพรรณาถึงความรัก
    ความหลังด้วยความอาลัยอาวรณ์ 
    และ..
    สิ่งเหล่านี้กระมัง ที่ย้อนวนมาสอนสัจจะใจ
    ให้นวลนาหันมาสนใจและฝักใฝ่ในทางธรรม
    หลังจากพบคำว่ามรณานุสติ..
    ที่..
    ก้าวมาทายทัก
    คนที่นวลนาแสนรักอย่างมิทันได้ตั้งตัว
    
    
    สัจจธรรมข้อนี้นี้เอง
    ที่หล่อหลอมให้ชีวิตนวลนาแสนเข้มแข็ง
    และ..
    ได้รู้รสแห่งความพลัดพรากจากจบ..พบก่อนวัยอันควร
    ที่ล้วนหวนกลับมาสอน
    มิให้หลงประมาทในทุกบทบาทนาทีแห่งชีวิต
    อันแสนสั้น
    
    
    มี..
    เพียงคุณตาคุณยาย 
    คอยเฝ้าอบรมเลี้ยงดู เฝ้าอุ้มชูสอนสั่ง
    เฝ้าพาหลานรักติดสอยห้อยตามเข้าวัด
    อบร่ำจิตให้สวยใส
    ให้..
    ซาบซึ้งในรสน้ำพระอมฤตธรรม 
    และฝึกการตามทันทุกผัสสะ..ที่จักมากระทบให้รู้จบ
    ด้วยการปล่อยวาง
    ไม่ว่าจะทางไหน
    
    
    คุณตามีเรือนไทยหลังใหญ่ในสวนผลไม้นานา
    ที่มีทั้งสวนเงาะแดงดกหลายสิบไร่
     สวนทุเรียน...ที่ให้ผลจนตัดขายไม่ทันพันธุ์หมอนทอง 
    ที่คุณตาคนขยันคอยดายหญ้า ดูแล
    ไหน..
    จะลางสาด มังคุด  ที่ห้อยพวงระย้าราวฟ้าดินประทาน
    เพราะได้ดินอุดมดี จนพาให้ออกผลแสนหวานแสนอร่อย
    ที่ต้องคอยตัดแต่งกิ่ง มิทิ้งต้นให้ราโรย...
    
    
    ผลไม้พวกนี้ จะมีรถจากถิ่นที่ต่างๆ
    เป็น*พ่อค้าคนกลาง*...มารับซื้อไปขายต่อ
    หาก
    สำหรับ..
    นวลนาแล้วไซร้..
    กลับประทับใจ ในนาข้าวประมาณ 20ไร่ 
    ที่..
    คุณตาแบ่งที่ไว้เคียงดงตาล...ได้หว่านไถ มิให้รอยไถแปร
    คุณตา..
    จะไปขอแบ่งพันธุ์ข้าวชื่อ ...แก่นจันทร์ 
    พันธุ์หอมมาจากเพื่อนคุณตาแถวพัทลุง 
    ที่..
    ยังคงมุ่งที่จะเพียรปลูกข้าวพันธุ์หอมหายากนี้เพียงอย่างเดียว
    ด้วย..
    พลังแห่งความหนักแน่นภักดีเด็ดเดี่ยว
    ที่จักแสดงความกตเวทิคุณ
     ตอบแทนพระคุณผืนดินและพระบรมราชินีนาถ
    ที่ท่านทรงโปรดข้าวพันธุ์หอมนี้มาก
    
    
    และ...
    ได้ทรงพระกรุณานำไปบอกกล่าว
    เล่าถึงในวันมหามิ่งมงคล
    *วันเฉลิมพระชนพรรษา*ของพระองค์ท่าน
    เพื่อ..
    ให้กำลังใจ แด่กสิกร..ทุกถิ่นที่
    รวมทั้งชาวนาพัทลุง 
    ให้..
    ยังคงมุ่งรักในวิถีนา..
    อย่า..
    พากันเลิกหันไปทำสวนยางพาราเสียหมด
    ให้อนาคตชาติ ในไม่นานช้า
    อาจจะพากันพบกับคำว่า
    *ข้าวยากหมากแพง*
    
     เนื่องจากภัยแล้งและไร้ที่นาทำกิน
    ต่างทิ้งถิ่นทิ้งนาไปใช้ชีวิต..
    ในวัฏฎคนเมืองอุตสาหกรรม 
    ที่..
    คราคร่ำด้วยความเร่งรีบในโรงงาน
    ไปใช้ชีวีแบบตีนถีบปากกัด
    ไปรับภาระหน้าดำคร่ำเครียด หาเงินผ่อนนั่นผ่อนนี่ (ผ่อนหนี้)
    ไม่มีที่สิ้นสุดหยุดรู้พอ..เพียง..
    ...............
    
    
    บ้านนวลนา
    เลี้ยงวัวไว้หลายตัวทั้งแม่วัวลูกวัว
    ให้..
    นวลนามีเพื่อนเล่นแสนน่ารักนัก...มาตั้งแต่ไร้เดียงสา
    นวลนาจะจูงมันลงนา 
    พาไปอาบน้ำที่ริมธารท้ายไร่ที่มีสายน้ำ
    แสนใสไหลเย็นมาจากเทือกเขาไม่ไกล
    
    นวลนาพอใจที่จะ
    ตั้งชื่อลูกวัวตัวน้อยๆ
    ที่คุณตายกให้ว่า*เจ้าหางนกยูง*
    เพราะ..
    มันเกิดที่คอกใต้ต้นหางนกยูง ที่กำลังออกดอกแดงสะพรั่ง
    วันที่..
    นวลนาเอาใจช่วยเสียแทบแย่ 
    กว่าจะเห็นภาพลูกวัวตัวน้อย
    น่ารักนักโผล่พ้นครรถ์แม่วัวออกมาได้อย่างทุลักทุเล...เต็มทน..
    .............
    
    
    นอกจากนั้นนวลนา...
    ยังมีกระท่อมหลังน้อย..
    ที่...
    คุณตาปลูกไว้ให้พักเล่น
    ราวมีเรือนส่วนตัว
    
    เรือนที่คุณตาสร้างเคียงเรือนใหญ่ไม่ไกลกันนัก
    หาก..
    เป็นเรือนที่แสนงามนักเพราะ
    ใช้ไม้มะพร้าวลายงามเป็นฝา 
    พร้อมทำนอกชานด้วยไม้ยางอย่างดี
    ให้..
    นวลนา
    ได้ชวนเพื่อนบ้านคนในวัยเดียวกัน
    มานอนฝันนับดาวเดือน
    ที่กล่นเกลื่อนแสนสกาว
    ภายใต้ร่มทองกวาวและลั่นทมหอมพราวพร่าง
    ในคืนที่*จันทร์กระจ่างฟ้า *
    
    
    นวลนา..จึงมิเคยเหว่ว้าหัวใจเลย
    สิ่งเดียวในชีวิต
    ที่สถิตในดวงใจนวลนาตั้งแต่ยามเยาว์จนเป็นสาว
    คือ ...
    ผ้าไหมลวดลายทั้งแบบเก่าใหม่ 
    ที่คนในครอบครัวนวลนา..
    และคนทั้งหมู่บ้านในพุมเรียง
    ต่างสืบสานทอทอด...สืบต่อเรื่อยมา...ตราบจนถึงทุกวันนี้
    
    
    ที่..
    นวลนารู้จักชื่อลายดี...
     ไม่ว่า..จะเป็น...ลายราชวัตร ลายดอกดาวกระจาย
    ลายดอกพิกุล ลายดอกลอย ลายแมลงวันสี่ตัว
    ลายพุ่มข้าวบิณฑ์ ลายยกเบ็ด ลายมงกุฏดาว ลายหางนกยูง
    ลายดอกโคม และลายนพเก้า
    
    
    ผ้าทุกลายหลายๆผืนหลากสีดั่งมณีไหม นั้น
    นวลนา เก็บพับรักษาไว้อย่างดี...
    ในตู้โบราณเป็นชั้นๆ
    แบ่งไล่โทนสีดั่งมณีรุ่งเหลือบลายพราวพรรณรายนพรัตน์
    ที่..
    จะต้องคอยหยิบจับมาจำหน่าย
    หากมีลูกค้าแวะผ่านมาสนใจอยากได้..
    
    
    อีก..
    ส่วนหนึ่งนั้น 
    เป็นสมบัติส่วนตัวของนวลนา
    ที่จะใช้ยามใส่ไปงาน 
    ยามจะไปวัด 
    ที่..
    ทุกคราที่นวลนานุ่งงามจะงามจรัสรัศมี
     จนคุณตาต้องชมเปาะ
    ว่าใครหนอ..
    จะใส่ผ้าถุงฝืมือคุณยายและที่ช่างคนพื้นบ้านช่วยกันทอ...
    ได้งามเหมาะเจาะเท่าหลานรักของคุณตา..
    ...............
    
    วันนี้ วันสงกรานต์ 
    นวลนาตั้งใจตื่นแต่เช้าช่วยคุณยาย
    หุงข้าวแก่นจันทร์พันธุ์หอม
    และ..
    ทำกับข้าวรสจัดพร้อมของหวาน
    ทั้งขนมผลไม้ 
    แล้ว..
    นวลนาจะลงไปเก็บดอกไม้รายรอบบ้าน
    ที่..
    คือดวงดอกไม้นานา หลากสีสัน
    ที่ต่างพากันประชันช่อชูโฉมประโลมไสวไปทั่ว
    รอรับหยาดละออละอองน้ำค้าง
    ในม่านหมอกสลัวเย็นเยียบในยามเช้า
    
    
    พวงพะยอมไพร
    ที่นวลนาและคุณตาช่วยกันหาพันธ์
    มาขยันเพาะปลูกหว่านโปรยโรยไปรายรอบเรือน
    เช่น..
    ชบาชมพู คู่ดงดอกดาวเรือง หงอนไก่ 
    ดวงดอกไม้ไพรพื้นบ้าน 
    ไหน..
    จะบานชื่นดอกโตและนั่นดอกยี่โถแสนสวย
    กุหลาบ กล้วยไม้ป่า..ที่แสนหายาก 
    มะลิลา จำปาจำปี กระดังงา
    ที่..
    กำลังพร่างพราวดอกนวลไปทั้งต้นจนหอมชื่น ..
    
    
    ที่..
    นวลนาตั้งใจ..
    จะนำร้อยมาลัยแซมด้วยดวงดอกรักร้อย
    แทนสร้อยศรัทธา นำไปถวายพระประธาน 
    ในวันมหาสงกรานต์..งานประเพณีมงคลนี้
    และ..
    ที่..นวลนาจะไม่มีวันลืม
    คือสรงน้ำพระพร้อมถวายมาลัยสามชาย
    ที่เรือนใหญ่และที่เรือนนวลนา
    ที่คืนนี้จักหอมกรุ่นด้วยกลิ่นกุหลาบมะลิ
    
    
    ที่..
    นวลนาตั้งใจจะนำมาไหว้กราบกราน
    แล้ว..
    ตั้งจิตอธิษฐานนั่งสมาธิสวดมนต์ภาวนา
    ให้ทวยเทพเทวาบนสวรรค์ชั้นฟ้า
    และ..
    ปวงสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหล้าโลก
    ได้ทรงพระเมตตาประทานพร 
    ได้ช่วยกันปกบ้านป้องเมืองให้เรืองรอง
    รอดพ้น จากภยันตรายทั้งปวง..
    
     
    ให้..
    ผองชนได้รู้รักปรองดอง
    รู้ประคองชีวิตให้แสนงดงามในท่ามร่มรัตน์ ร่มฉัตร
    รู้ตระหนักคำว่า สมานฉันท์ สามัคคี
     รู้ใช้ชีวีแต่พอดีพอเพียง
    เลี่ยงจากกิเลสวัตถุเร่าร้อนทั้งสิ้นทั้งปวง ด้วยเทอญ..
    
    
    และ...
    วันนี้..
     นวลนาคนดี จะไปขนทรายเข้าวัด 
    ไปร่วมก่อพระเจดีย์ทราย
    ช่วยกวาดใบไม้ลานวัด 
    และ..
    ทำบุญปล่อยนกปล่อยปลา..
    ด้วยความโสมนัสปิติเกษมอย่างที่สุด
    ตามประสาพุทธศาสนิกชนคนไทย..
    ที่มีดวงจิตดวงใจ
    งามดั่งทอง หวังปองเพียงสร้างเนื้อนาบุญเพียงนั้น...
    ..
    
    
    ไม่ช้า..
    นวลนาก็นุ่งผ้าถุง*ลายมงกุฏดาว*
    ที่แสนพราวพร่าง...*สีฟ้าแจ่ม*
    เดินแฉล้มแช่มช้อย
    ทูนกระเฌอตามคุณตาคุณยายมาที่วัด
    
    
    วัดที่..
    หลวงพ่อเป็นพระนักพัฒนา
    ที่ท่านสู้อุตส่าห์ลงแรงไปขอพันธุ์ต้นไม้
    จากกรมป่าไม้ มาเพียรปลูกไว้จนให้ร่มราวฉัตรไพร 
    ร่มรื่นไสวไปจนถึงนอกถนนใหญ่
    
    
    ให้ผู้คน..
    ได้มานั่งลงใต้ร่มไม้ ให้ดวงใจได้รับรสฉ่ำเย็น
    จาก...อวลอากาศออกชิเจนที่แสนบริสุทธิ์
    ไหน
    จะยังดอกใบระยับระยิบ
    ให้ประดับใจแสนไหวหวานแสนงามไปด้วยกัน
    ทุกคน..
    จึงรักที่จะพากันมานั่งฟังธรรม ณ..ลานธรรม ธรรมชาติแห่งนี้
    และ..
    พร้อมพลีได้อบร่ำจิต
    ให้...รู้รักทั้งสองธรรม..พร้อมกันไป
    
    
    วันนี้ หลวงพ่อออกมาเทศนาเรื่อง*ค่าของคน*
    ที่..
    ท่านสอนให้รู้รักกตเวทิตา
    ต่อ..ผืนดิน น้ำ..ลม..ไฟ
    พระมหากษัตริย์ไทยผู้ยิ่งใหญ่ในทศพิธราชธรรม
    ธ..ผู้ทรงน้อมนำแบบอย่าง 
    สว่างโรจน์ด้วยพระจริยวัตรที่แสนเพียบพร้อมแสนงาม
    ในท่ามโลกแล้งไร้ 
    อย่างยากหากษัตริย์ไหนในโลกนี้เทียบทัน..
    
    
    และ..
    สอนให้รู้คุณค่าวัฒนธรรมประเพณี
    ที่แสนดีแสนงาม 
    จนทั่วโลกต่างพากันแซ่ซร้องสรรเสริญ
    ถึง.. ความเจริญด้านจิตใจ 
    ไหน..
    จะเตือนใจ...สอนให้รู้ตอบแทนพระคุณพระที่บ้าน
    นั่นคือ...แม่พ่อ
    ผู้ก่อเกื้อให้เลือดเนื้อ..ให้ชีวิตเรามา
    ให้..
    รู้รักษาความดี 
    อย่าพลีชีวิตตกในบ่วงเหวอบายมุข
    ที่สนุกจนขาดสติ ลืมตัว..ลืมตนจนพาตาย..
    อย่างน่าเศร้าเสียดาเสียใจ...อย่างที่สุด
    
    
    ในหอมห้วงดวงใจนวลนา..
    ราวกับจะร้องไห้..อย่างแสนซาบซึ้งในบึ้งใจ
    เมื่อ..หลวงพ่อท่านเทศนา
    ให้..
    รู้เพียรสร้างบ่อบุญทุนทานเอาไว้
    เป็นขุมทรัพย์ในจิตใส 
    ที่..
    จักตามติดไปไดในภพหน้า
    ใช่มัวเหว่ว้าหลงทาง ให้เสียชาติเกิด
    
    
    นวลนา..
    ค่อยๆพาร่าง..
    เดินมาหยุดตรงใต้ร่มเงาพิกุล..ที่เธอแสนรักนักรักหนา
    
    สายลมอรุณอุ่นอวลมา
    พาให้กรุ่นพิกุลทองแพรวพร่างพราย
    ร่วง....ปรายโปรยลงมา...
    ราวปลิดปลิวมาจากแดนฟ้าแดนสวรรค์
    
    
    เธอ..
    ค่อยๆก้มตัวลงหวังกอบกำห่อหอมดวงดอกแก้วกุดั่นนั้น
    ไว้ในผ้าเช็ดหน้าผืนน้อย 
    ที่..
    ทำมาทุกคราครั้งจนเคยชินยามมาวัด..
    
    
    หาก...ทันใดนั้น..
    พลัน...
    มีมือแสนแข็งแรงของใครคนหนึ่ง
    เอื้อมมากอบกำ
    และ....
    วางพลีกำนัลให้เธอในห่อผ้าอย่างอ่อนโยน....
    
    เธอ..ค่อยๆช้อนตาขึ้นดูร่างสูงเพรียว
    ทางเบื้องหลัง
    ที่...พร่างสะท้อนแสงสุริยา
    พาให้เกิดประกายจ้า
    ราวรัศมีสีทองสุกปลั่งรายรอบร่างนั้น...
    
    
    ตาสบตากัน...ในพราวแสงอาทิตย์
     และ..
     ในนาทีนั้น
    สำหรับคนทั้งสอง..
    
    ราวโลกหยุดหมุนชั่วครู่ พร้อมรับรู้รักแรก...แสน...งดงาม...! 
    
    ....................
    
    
    
    
    http://www.thaipoem.com/forever/ipage/song100.html
    แต่ปางก่อน ....รณชัย-อัจฉพรรณี 
    ช...รอ คอย เธอมา แสน นาน
    ทรมาน วิญญาณ หนักหนา
    ระ ทม อยู่ใน อุ รา
    แก้วกานดา ฉันปองเธอผู้ เดียว
    ญ...เธอเอย แม้เราห่างกันแสนไกล
    ชาย ใด ดวงใจฉันไม่แลเหลียว
    รัก เธอ แน่ใจจริงเชียว
    รัก เธอ รักเดียว นิรันดร์
    ช...แม้ มี อุปสรรค ขวาก หนาม
    ญ...ขอ ตาม มิยอมพลัดพรากจากกัน
    ช...จะชาติไหน ไหน ไม่ยอมห่างไกล กัน
    ญ...ดวงจิตผูกพัน รักมั่นมีไว้เพียงเธอ
    ช-ญ...คง เป็น รอยบุญมาหนุน นำ
    รอย กรรม รอยเกวียนหมุนเปลี่ยนเสมอ
    ให้ เรา ได้มา เจอะ เจอ
    ฉันและเธอพบกันร่วมสุขสมดังรอคอย
    
    ช...แม้ มี อุปสรรค ขวาก หนาม
    ญ...ขอ ตาม มิยอมพลัดพรากจากกัน
    ช...จะชาติไหน ไหน ไม่ยอมห่างไกล กัน
    ญ...ดวงจิตผูกพัน รักมั่นมีไว้เพียงเธอ
    ช-ญ ...คง เป็น รอยบุญมา หนุน นำ
    รอย กรรม รอยเกวียนหมุนเปลี่ยนเสมอ
    ให้ เรา ได้มา เจอะ เจอ
    ฉันและเธอพบกันร่วมสุขสมดังรอคอย... 
    
    
  • อัลมิตรา

    24 พฤษภาคม 2550 07:14 น. - comment id 700383

    โอย ลิเวอลร์พรุน .. ค่ะ
  • เฌอมาลย์

    24 พฤษภาคม 2550 10:12 น. - comment id 700527

    4.gif16.gif
  • ฤกษ์(ไม่ได้ล๊อกอิน)

    25 พฤษภาคม 2550 16:43 น. - comment id 701516

    งดงามนัก   คงสบายดีนะครับ
  • ดอกบัว

    25 พฤษภาคม 2550 17:01 น. - comment id 701527

    ขออนุญาตแอบเก็บไว้นะค่ะ
    ชอบมากมายค่ะ
    46.gif36.gif
  • เพรง.พเยีย

    27 พฤษภาคม 2550 08:02 น. - comment id 702016

    เคยเก็บดอกพิกุลที่กำลังร่วงมาเต็มกำมือ  ที่อุทยาน ร.2 ค่ะ
    นำกลับมาบ้าน  วางไว้บนหิ้งพระ หอมไปทั่วห้อง
    
    เพลงเพราะมากค่ะ  ฟังแล้วสงบ...มองตัวเอง
    ใช่ของคุณจำรัสหรือเปล่าคะ
    
    1.gif
  • คุณปลื้ม (น้องชายคุณเปรม) แฟนคลับ

    22 มกราคม 2551 13:12 น. - comment id 813998

    ภาพ คุณเปรมเป็นคนถ่ายหรือคะ สวยจัง กลอนก็ดีมากๆเลยค่ะ
  • ฟ้า

    21 ตุลาคม 2553 20:10 น. - comment id 1163170

    เพราะมากเลย1.gif19.gif

thaipoem ที่สุดกลอนดีๆ

thaipoem บ้านกลอนไทยที่ที่สร้างแรงบันดาลใจของทุกๆคน เป็นเพื่อนเมื่อยามเหงา คอยปลอบใจเมื่อยามร้องไห้ ที่ที่อยากให้ทุกๆคนรู้ว่าสิ่งดีๆเกิดขึ้นได้ทุกวัน