จุดธูปเทียนใส่กระทงลงลอยน้ำ เพื่อน้อมนำขอขมาคงคาใส คืนวันเพ็ญเดือนสิบสองผ่องอำไพ นุ่มละไมแสงจันทร์นวลชวนให้ยล ประเพณีดีงามตามก่อนเก่า เหตุใดเล่าเด็กรุ่นใหม่ใยสับสน มุ่งเสี่ยงทายหาคู่ดูชอบกล ลืมคำคนแก่เฒ่าเล่าบอกความ ลืมความหมายแท้จริงสิ่งเคยสอน แต่กาลก่อนบอกไว้ไม่ไต่ถาม กลับลุ่มหลงเพลิดเพลินจนเกินงาม โลกีย์กามบังตาจนพร่ามัว ยอมพลีกายเป็นสัญญาคืนฟ้าผ่อง ใจลอยล่องเหมือนกระทงหลงทางชั่ว บ้างเมามายอ่อนเพลียจนเสียตัว หลงเกลือกกลั้วกลกามตามอารมณ์ เอาความสาวใส่กระทงลงน้ำเชี่ยว ให้เลาะเลี้ยวธารกามาหาเหมาะสม ชั่วข้ามคืนอาจเจ็บช้ำระกำตรม กลายเป็นปมตราบาปตราบนิรันดร์ สิ่งดีงามตามครรลองควรตรองตรึก จิตสำนึกอยู่ที่ตนบนทางฝัน เกียรติภูมิแห่งศักดิ์ศรีมีทั่วกัน ย่อมสร้างสรรค์ด้วยตัวเราใช่เขาใคร.
15 พฤศจิกายน 2548 13:04 น. - comment id 537592
ความจริงงานลอยกระทงก็แสดงถึงวัฒนธรรมอันดีงาม แต่ถูกเปลี่ยนจุดมุ่งหมายไปเป็นอย่างอื่น ซึ่งนับวัน ผู้คนก็จะหลงกระแสไปเรื่อย ๆ สิ่งที่ดีเลยถูกกลบด้วยการประพฤติที่ผิดจารีต น่าวิเคราะห์นะคะ อะไรทำให้เป็นเช่นนี้ :)
16 พฤศจิกายน 2548 07:16 น. - comment id 537895
ชื่นชมครับ.....กลอนคมมากมาก ชื่นชอบบทกวีคุณบพิตรมานานวัน จำได้ตั้งแต่กลอนเล่าอดีตติดตรึง เกี่ยวกับทางรถไฟตั้งแต่สมัยเด็กเด็ก งดงามมาก ยิ่งได้มาอ่านกลอนนี้ เป็นอีกมุมมองหนึ่งที่ไม่เหมือนใครไม่มีใครเหมือน ฉีกมุมให้เห็นภาพสะท้อนสังคมได้อย่างงดงามและลงตัว อยากบอกว่าชื่นชมและศรัทธา...จากใจจริงครับ....
16 พฤศจิกายน 2548 08:20 น. - comment id 537905
บางทีประเพณีบางอย่างที่งดงาม พอเป็นเวลากลางคืนก็พาลให้มีเรื่องไม่งามไปได้ แต่ว่ายังไงไม่ว่ากี่กาลผ่านพ้น คนที่ยังยึดมั่นที่จะดำรงรักษาก็ยังคงมีอยู่ค่ะ งานเด็ดดีจัง
16 พฤศจิกายน 2548 09:34 น. - comment id 537940
สะท้อนวัฒนธรรมที่เปลี่ยนไปได้ชัดเจนมากเลยค่ะ ...